ทำความรู้จัก รูเบน อาโมริม ว่าที่นายใหญ่คนใหม่ แมนยู - FEATURE
- รูเบน อาโมริม ตกเป็นข่าวว่าเตรียมจะตบเท้าเข้ามารับหน้าที่เป็นกุนซือคนใหม่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- กุนซือรายนี้ทำผลงานได้ดีกับ สปอร์ติง ลิสบอน
- โค้ชรายนี้มีเคยตกเป็นข่าวกับ ลิเวอร์พูล และ เวสต์แฮม ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
โดย Navapun Munarsa
รูเบน อาโมริม โค้ชหนุ่มชาวโปรตุเกสของ สปอร์ติง ลิสบอน เริ่มเข้าสู่เส้นทางผู้จัดการทีมในระหว่างที่กุนซือรุ่นพี่ร่วมชาติอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ กำลังคุมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และไม่น่าเชื่อว่าอีกเพียง 6 ปี ต่อมา อาโมริม จะถูกพูดถึงในฐานะนายใหญ่คนใหม่ของ “ปีศาจแดง”
เทรนเนอร์วัย 39 ปี เคยเป็นที่ต้องการตัวของหลายสโมสรระดับท็อป อาทิ ลิเวอร์พูล ที่เคยอยากได้ไปสานงานต่อจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่วางตัวไว้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่ดูเหมือนว่า โอลด์ แทรฟฟอร์ด อาจเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของกุนนซือวัย 39 ปีรายนี้
หลังจากบอร์ดบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศปลด เอริก เทน ฮาก อดีตโค้ชชาวดัตช์ ออกจากตำแหน่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ชื่อของ อาโมริม ถูกยกขึ้นมาทันที โดยสื่อหลายสำนักรายงานตรงกันว่า “ปีศาจแดง” ได้แอบเจรจาพูดคุยเบื้องต้นกับเจ้าตัวไปบ้างแล้ว
ซึ่งหากย้อนกลับไปเส้นทางอาชีพของ อาโมริม เริ่มต้นจากการเป็นอดีตกองกลางของ เบนฟิก้า และหลังแขวนสตั๊ดเมื่อปี 2018 ก็เริ่มคุมทีมเล็ก ๆ อย่าง คาซาเปีย จากนั้น ก็ไปคุมทีมสำรองของ บราก้า ก่อนจะได้รับการผลักดันให้ขึ้นคุมทีมชุดใหญ่ และพาทีมเก็บชัยชนะได้ถึง 10 จาก 13 เกม และจากผลงานดังกล่าวทำให้ สปอร์ติง จ่ายค่าฉีกสัญญา 8.6 ล้านปอนด์ คว้าตัวไปร่วมงานเมื่อปี 2020
กีเยม บาลาเก้ ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลยุโรปกล่าวกับ BBC Sport สื่อชั้นนำว่า “อาชีพโค้ชของเขาเริ่มต้นที่ คาซา เปีย ซึ่งตอนนั้นเป็นสโมสรระดับดิวิชั่นสาม ซึ่งเกือบจะจบลงทันทีที่เริ่มต้น เขาพาทีมแพ้สองเกมแรก มันเต็มไปความเจ็บปวด และข้อสงสัยในตัวเขา”
“เขาจึงประกาศว่าถ้าเขาแพ้ในเกมที่สามเขาจะเลิกคุมทีม ในนัดถัดไปเขาเปลี่ยนระบบและเล่นหลังสามเป็นครั้งแรก ซึ่งกลายเป็นระบบที่ใช้มาอย่างต่อเนื่อง และทีมของเขาก็ไม่แพ้ใครอีกเลย นอกจากนี้เขายังรู้สึกว่าเขาได้ค้นพบระบบที่ทำให้เขาสามารถผลิตสไตล์ฟุตบอลที่เขาต้องการได้ จากนั้น เขาก็ไป บราก้า แล้วก็ สปอร์ติ้ง”
ในช่วงการย้ายจาก บราก้า ไปคุมทีม สปอร์ติง นั้น อาโมริม กลายเป็นกุนซือที่มีค่าฉีกสัญญาสูงที่สุดอันดับ 3 ของโปรตุเกส และเจ้าตัวก็พิสูจน์ให้เห็นทันทีว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหลังพา สปอร์ติง ไร้พ่าย 32 เกมติดต่อกัน และคว้าแชมป์ลีกในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ
อาเบล ซาเวียร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล และทีมชาติโปรตุเกส ซึ่งเคยร่วมงานกับ อาโมริม กล่าวว่า “เขาถ่อมตัวมาก สุขุม และมีทัศนคติที่ชัดเจนมาก ที่ บราก้า เราเห็นผลกระทบทันที เพราะว่าเรามีทีมชุดเดิม ผู้เล่นคนเดิม แต่เขาได้เปลี่ยนแปลงผลงานทั้งหมด”
“เขาใส่ความคิดของเขา เปลี่ยนไดนามิก สร้างความเห็นอกเห็นใจ และแน่นอนว่าสโมสรใหญ่อย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยอมจ่ายเงินเพื่อให้ได้เขาไปคุมทีม นั่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้ว”
บาลาเก้ กล่าวเสริมว่า “อาโมริม ยอมรับว่าเขายังต้องเพิ่มพูนความรู้หลายชั้นให้กับวิธีการทำงานของตัวเอง แต่เขาก็ยังเชื่อว่าฟุตบอลจะสมเหตุสมผลก็ต่อเมื่อผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นกับมัน เช่นเดียวกับบทเรียนเหล่านั้นจากอดีตโค้ชอย่าง ฮอร์เก เฆซุส ที่ อาโมริม ศึกษาอย่างใกล้ชิด รวมถึง โชเซ มูรินโญ่ ด้วย”
“เขาเป็นคนที่กระตือรือร้นในการเล่นฟุตบอลเกมรุกที่น่าตื่นเต้น ชื่นชอบการทำประตูเยอะ ๆ ถนัดในการครอบครองบอล และการควบคุมเกม เขาจึงมักเป็นที่พอใจของผู้ชมอยู่เสมอ”
“อาโมริมเป็นเหมือนฟองน้ำ หลังจากฝึกซ้อม และประชุม เขาชอบที่จะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงในออฟฟิศเพื่อดูเกม เกี่ยวกับฟุตบอล และศึกษาผู้จัดการทีมคนอื่น ๆ เขาชอบจัดการประชุมหรือพูดคุยกับผู้คนที่เขาสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้” บาลาเก้ กล่าวทิ้งท้าย