เก็บตกหลังเกม แมนซิตี้ บุกแพ้ บอร์นมัธ 2-1 จนเสียตำแหน่งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก : FEATURE
- การพ่าย บอร์นมัธ 2-1 นับเป็นความปราชัยนัดแรกของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้
- แมนฯ ซิตี้ อดทำลายสถิติของ เชลซี ที่ไม่แพ้ใครนานสุดในรอบปีของศึกพรีเมียร์ลีก
- รูเบน ดิอาส และ จอห์น สโตนส์ เจ็บเพิ่มอีก หลังทั้งคู่ไม่มีชื่อในเกมนี้
โดย Asree Samuyae
รายการ | พรีเมียร์ลีก |
---|---|
วันแข่งขัน | วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน |
สนาม | ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม |
ผลการแข่งขัน | บอร์นมัธ 2-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ |
การออกไปเยือน บอร์นมัธ ไม่ใช่งานง่ายสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อทีมของ อันโดนี่ อิราโอล่า เปิดบ้านเอาชนะไปได้ 2-1 ในศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นความพ่ายแพ้นัดแรกของ "เรือใบสีฟ้า" ในฤดูกาลนี้ด้วย
บอร์นมัธ ขึ้นนำก่อนอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 9 จากการยิงของ อองตวน เซเมนโย่ เป็นอีกครั้งที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องเสียประตูเร็ว หลังโดนทั้ง เบรนท์ฟอร์ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส, อิปสวิช ทาวน์ และ ฟูแล่ม มาแล้ว แต่พวกเขาก็กลับมาได้ตลอด
อย่างไรก็ตามเกมนี้ไม่เป็นเช่นนั้น บอร์นมัธ สร้างโอกาสได้หลายครั้ง และประตูที่สองของพวกเขาจาก เอวานิลซอน ทำให้เพิ่มความเป็นไปได้ในการเก็บชัยชนะ
แม้ว่า ยอสโก้ กวาร์ดิโอล โหม่งตีไข่แตกช่วงท้ายเกมแต่ก็ไม่ทันการณ์แล้ว เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ก็มีโอกาสทองช่วงทดเจ็บแต่ไม่คมเอง ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ต้องลิ้มรสกับความพ่ายแพ้ไปในท้ายที่สุด
และต่อไปนี้คือสิ่งที่เรามองเห็นในเกมที่ ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม เมื่อคืนที่ผ่านมา...
อดทำลายสถิติ เชลซี ไม่แพ้ใครนานสุดในรอบปี
ก่อนเกมนี้ แมนฯ ซิตี้ มีลุ้นทาบสถิติของ เชลซี ที่ไม่แพ้ใครนานสุดในพรีเมียร์ลีกในรอบ 1 ปี โดย "เรือใบสีฟ้า" ทำไว้นานถึง 28 นัดติดต่อกัน
ผลเสมอที่ ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทาบสถิติของ เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เคยทำไว้เมื่อปี 2005 ซึ่งไม่แพ้ใครติดต่อกันนับตั้งแต่วันขึ้นปีใหม่นานที่สุดถึง 29 เกมติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ โดนหยุดสถิติเอาไว้ที่ 28 เกมเท่านั้น ซึ่งน่าเจ็บปวดมาก ๆ เพราะมันเหลืออีกเพียงเกมเท่านั้นก็จะทาบสถิติไว้ได้
เดอ บรอยน์, วอล์คเกอร์, โดกู หายเจ็บแล้ว
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปิดเผยหลังจบเกมคาราบาว คัพ ที่บุกแพ้ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ว่า แมนฯ ซิตี้ เหลือมีผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ให้ใช้งานเพียง 13 คนเท่านั้น
โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์, แจ็ค กรีลิช, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ เจเรมี่ โดกู ต่างมีปัญหาอาการบาดเจ็บ ทำให้ไม่มีส่วนร่วมในเกมเจอ สเปอร์ส
อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ ได้ข่าวดีเมื่อ เดอ บรอยน์, วอล์คเกอร์ และ โดกู ต่างกลับมามีชื่อในเกมพบ บอร์นมัธ อีกครั้ง
วอล์คเกอร์ เซอร์ไพรส์ได้ลงตัวจริงทันที โดย ริโก้ ลูอิส หลุดไปนั่งสำรอง ส่วน โดกู ลงสำรองช่วงท้ายเกม แต่ เดอ บรอยน์ ได้แค่นั่งเชียร์เพื่อนบนซุ้มม้านั่งเท่านั้น
ดิอาส, สโตนส์ เจ็บเพิ่มอีก
กวาร์ดิโอล่า กล่าวก่อนเกมว่า รูเบน ดิอาส และ จอห์น สโตนส์ ต่างมีอาการเจ็บ ทั้งที่ทั้งคู่ได้ลงตัวจริงพร้อมกันในแมตช์แพ้ สเปอร์ส ก็ตาม
เทรนเนอร์ชาวสแปนิชยืนยันว่า ดิอาส จะพักจนถึงช่วงพักเบรคทีมชาติที่จะถึงนี้ ส่วน สโตนส์ ยังไม่ชัวร์ว่าจะหายทันในช่วงเวลาเดียวกันหรือไม่
อาการเจ็บของทั้งคู่ทำให้ตัวเลือกเซ็นเตอร์แบ็คของ แมนฯ ซิตี้ น้อยลงไปอีก ซึ่งเห็นได้จากการที่ นาธาน อาเก้ ต้องจับคู่เล่นกับ มานูเอล อคานจี
ยอสโก้ กวาร์ดิโอล โดนหุบไปเล่นเซ็นเตอร์แบ็คช่วงท้ายเกม หลัง ลูอิส ลงมาแทน อาเก้ ซึ่งน่าห่วงแทน กวาร์ดิโอล่า จริง ๆ สำหรับเกมต่อ ๆ ไปว่าเขาจะแก้ปัญหาอย่างไร
เกมรุกตื้อแต่ขาดตัวเลือกกองหน้า
ปฏิเสธไม่ได้ว่า เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ เป็นตัวความหวังในแนวรุกของทีม แต่ในเมื่อหัวหอกชาวนอร์เวย์ผิดฟอร์ม หรือเจอเกมรับคู่แข่งรัดกุมสุด ๆ ก็เป็นงานหินสำหรับ แมนฯ ซิตี้ เช่นกัน
นัดนี้เป็นอีกเกมที่ ฮาแลนด์ โดนกำจัดพิษสง เพราะครึ่งแรกดาวเตะวัย 24 ปีหาโอกาสยิงตรงกรอบไม่ได้เลย ที่จริงเขาเพิ่งจะได้ลุ้นแบบจะ ๆ ช่วงทดเจ็บด้วยซ้ำเมื่อลูกโหม่งดันไปติดเซฟของ มาร์ค เทรเวอร์ส พอจะซ้ำก็ชนเสาซะอย่างนั้น
ฮาแลนด์ ดูเหมือนจะมีอาการเจ็บตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วจากจังหวะสับไกหนแรก แต่ก็ฝืนเล่นได้จนจบเกม
ถ้าเป็นฤดูกาลก่อนก็ยังมี ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่คอยมาแบ่งเบาภาระ แต่ซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่มีตัวหวุนเวียนกับ ฮาแลนด์ เลย
แมนฯ ซิตี้ ขาดตัวเพิ่มมิติในแดนหน้าเหมือนอย่างที่ อัลวาเรซ เคยทำไว้ ซึ่งหากพวกเขาอยากจะป้องกันแชมป์อีกปี บางทีเดือนมกราคมนี้อาจต้องเข้าตลาดเพื่อมองหาตัวแบ็คอัพดี ๆ ให้กับ ฮาแลนด์ เหมือนกัน