เก็บตกหลังเกม ทีมชาติอังกฤษ แพ้ ทีมชาติกรีซ คาบ้าน 1-2 ศึก เนชั่นส์ลีก เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา : FEATURE
- ทีมชาติอังกฤษ ของกุนซือ ลี คาร์สลี่ย์ กุนซือขัดตาทัพ ทำเรื่องงามหน้าเมื่อแพ้คาบ้านให้ ทีมชาติกรีซ 1-2
- ก่อนเกมจะเตะ ทั้งสนามได้มีการยืนไว้อาลัยให้กับ จอร์จ บัลด็อค ที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน
- กรีซ นำเป็นจ่าฝูง มี 9 คะแนนจาก 3 เกม ส่วน อังกฤษ รั้งรองจ่าฝูง มี 6 คะแนน
โดย Asree Samuyae
รายการ | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก |
---|---|
วันแข่งขัน | พฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2567 |
สนาม | เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม |
ผลการแข่งขัน | ทีมชาติอังกฤษ 1-2 ทีมชาติกรีซ |
ทีมชาติอังกฤษ ของกุนซือ ลี คาร์สลี่ย์ กุนซือขัดตาทัพ ทำเรื่องงามหน้าเมื่อแพ้คาบ้านให้ ทีมชาติกรีซ 1-2 ในศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ลีกบี กลุ่ม 2 เมื่อคืนพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ก่อนเกมจะเตะ ทั้งสนามได้มีการยืนไว้อาลัยให้กับ จอร์จ บัลด็อค ฟูลแบ็คทีมชาติกรีซ ที่เคยเล่นในอังกฤษ หลังเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
วานเจลิส พาฟลิดิส ยิงให้ กรีซ ขึ้นนำก่อนนาทีที่ 49 เกมทำท่าว่าจะเป็นชัยชนะของทีมเยือนแล้ว แต่ จู๊ด เบลลิงแฮม มายิงตีเสมอให้ อังกฤษ นาที 87
อย่างไรก็ตามช่วงทดเจ็บนาที 90+4 พาฟลิดิส คนเดิมมายิงประตูชัยให้ กรีซ พลิกล็อกบุกมาเฉือนถึงถิ่น 2-1
ผลการแข่งขันดังกล่าวทำให้ กรีซ นำเป็นจ่าฝูง มี 9 คะแนนจาก 3 เกม ส่วน อังกฤษ รั้งรองจ่าฝูง มี 6 คะแนน
ต่อไปนี้คือประเด็นสำคัญที่เรามองเห็นในเกมที่ เวมบลี่ย์ สเตเดี้ยม
กองหน้าที่ไม่มี แฮร์รี่ เคน
ลี คาร์สลี่ย์ ไม่กลัวที่จะตัดสินใจครั้งสำคัญ เมื่อ แฮร์รี่ เคน ยังเจ็บอยู่ แต่แม้จะมีทั้ง โดมินิค โซลันกี้ และ โอลลี่ วัตกิ้นส์ เป็นตัวเลือก คาร์สลี่ย์ เลือกใช้แผนการเล่นแบบไม่มีกองหน้า
จู๊ด เบลลิงแฮม ถูกจับไปเล่นเป็นกองหน้าแบบฟอลส์ไนน์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ เรอัล มาดริด เมื่อซีซั่นที่แล้ว
อย่างไรก็ตามดาวเตะวัย 21 ปี ถูกถอยไปเล่นต่ำกว่าเดิมในซีซั่นนี้ เพื่อหลีกทางให้ คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้ และยังทำประตูไม่ได้เลย
กระนั้น คาร์สลี่ย์ ยังไว้ใจให้ เบลลิงแฮม ไปเล่นในบทบาทดังกล่าว แม้เจอเสียงวิจารณ์ก็ตาม
เบลลิงแฮม มีโอกาสยิงตั้งแต่ต้นเกมก็จริง แต่ตำแหน่งที่เขายิงตอนนั้นคือนอกกรอบเขตโทษที่ไม่ใช่จุดบัญชาการของกองหน้า และตลอดทั้งเกมเราไม่ได้เห็นการคุกคามจากแดนหน้ามากนัก
จนถึงเวลาที่ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ลงมาเท่านั้นแหละ สัมผัสแรกของเขาก็เกือบทำประตูได้เลย บางทีความดื้อของ คาร์สลี่ย์ ที่ไม่ยอมใช้หน้าเป้าธรรมชาติแต่แรกนี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้ อังกฤษ ไม่ได้แต้มเลยในเกมนี้
ช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำของ จอร์แดน พิคฟอร์ด
จอร์แดน พิคฟอร์ด แทบจะการันตีตัวจริงของ อังกฤษ มาโดยตลอด 6 ปีที่ผ่านมา และแม้ว่า คาร์สลี่ย์ จะเปิดรับการทดลองใหม่ ๆ แต่ในตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งยังตกเป็นของนายทวารเอฟเวอร์ตันเช่นเดิม
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไป 10 นาที คาร์สลี่ย์ ถึงกับเอามือกุมหัวตัวเองหลังเห็นจังหวะที่ พิคฟอร์ด ออกมาตัดบอลจากนอกเขตโทษแล้วดันเสียการครอบครองบอลแบบดื้อ ๆ แต่ด้วยความว่องไวของ ลีวาย โคลวิลล์ ที่วิ่งไปสกัดบอลบนเส้น ทำให้ พิคฟอร์ด รอดตัวไป
จากนั้นไม่นาน พิคฟอร์ด ถึงกับโล่งอกเมื่อพยายามออกมาตัดบอลลูกโด่งแต่ไม่โดน กลายเป็น คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส ที่แย่งโหม่งเข้าประตูไป ยังดีที่ธงล้ำหน้ายกขึ้น กลายเป็นจังหวะล้ำหน้าไปก่อน
ครึ่งหลังก็ยังมีช็อตผิดพลาดเช่นกัน เพราะการออกบอลที่ไม่ดีของเขากะจะให้กับ โคล พาลเมอร์ โดนตัดได้ แล้วก็โดนยิงเข้าไป แต่ พิคฟอร์ด ยังรอดตัวอีกครั้งเพราะเป็นจังหวะล้ำหน้าเหมือนเดิม
ด้วยความผิดพลาดที่เพิ่มขึ้น และตัวเลือกที่รอเสียบอย่าง นิค โป๊ป, ดีน เฮนเดอร์สัน และ อารอน แรมส์เดล เชื่อว่าตัวเลือกมือหนึ่งของ พิคฟอร์ด สั่นสะเทือนแน่นอน
จุดอ่อนเกมรับของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
น่าสนใจที่เกมนี้เป็นการลงเล่นเป็นตัวจริง 3 นัดติดต่อกันให้กับอังกฤษของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ซึ่งดูเหมือนว่าดาวเตะจากลิเวอร์พูลจะยึดตำแหน่งแบ็คขวาในทัพ "สิงโตคำราม" ได้อย่างสิ้นเชิง
ด้วยวัย 26 ปี ส่วน ไคล์ วอล์คเกอร์ กำลังแก่ตัวลง และ คีแรน ทริปเปียร์ รีไทร์จากทีมชาติไปแล้ว อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จึงแทบจะการันตีเป็นตัวเลือกแรกในตำแหน่งแบ็คขวา
อย่างไรก็ตามเกมรับของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก และแมตช์นี้ กรีซ เจาะฝั่งเขาตลอดทั้งเกม
การก้าวขึ้นมาของ ริโก้ ลูอิส อาจพอกดดันตำแหน่งของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้บ้าง แต่ในอนาคตอีก 1-2 ปีนี้ เขายังไม่ยกระดับเรื่องเกมรับ ก็น่าสนใจเช่นกันว่าตัวเลือกแรกของแบ็คขวาอังกฤษจะยังเป็น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อยู่หรือไม่
ฟิล โฟเด้น กับ จู๊ด เบลลิงแฮม เล่นร่วมกันได้ไหม?
ครึ่งแรกทั้งคู่ยืนห่างกันพอสมควร โดย เบลลิงแฮม เล่นในตำแหน่งฟอลส์ไนน์ ส่วน โฟเด้น ยืนกลางต่ำพอสมควร
ด้วยตำแหน่งที่ยืนสูงกว่าทำให้ เบลลิงแฮม มีโอกาสลุ้นทำประตูได้บ้าง ก่อนจะยิงตีเสมอช่วงท้ายเกม แต่โดยรวมทั้งคู่ไม่ได้สร้างความประทับใจมากนัก
ทุกอย่างดูไม่ดีขึ้นเลยเมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้เล่น เมื่อ โอลลี่ วัตกิ้นส์ ลงสนามเป็นหน้าเป้า และ เบลลิงแฮม ถอยไปเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ ส่วน โฟเด้น ถ่างออกไปเป็นปีก แต่ดาวเตะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในสนามอีกเพียง 10 กว่านาที ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวออก
สำหรับ เบลลิงแฮม แม้ช่วงหลังกับทีมชาติไม่ค่อยมีบทบาท แต่เขาก็มีจังหวะทำประตูสำคัญ ๆ ได้บ่อยครั้ง ผิดกับ โฟเด้น ที่ฟอร์มแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีพรีเมียร์ลีกของเขาดันไม่สามารถแสดงออกมาได้เลยยามเล่นให้ทีมชาติตั้งแต่ศึกยูโรที่ผ่านมาแล้ว