เก็บตกหลังเกม ทีมชาติอังกฤษ คืนฟอร์มบุกอัด ฟินแลนด์ 3-1 ขึ้นรองจ่าฝูง เนชั่นส์ลีก : FEATURE
- ทีมชาติ อังกฤษ บุกเอาชนะ ฟินแลนด์ ไปได้ 3-1 ในเกม ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก พร้อมทะยานขึ้นรองจ่าฝูง
- เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โดนจับเล่นแบ็คซ้าย พร้อมทำประตูจากลูกฟรีคิกแบบสุดสวย
- อังเจล โกเมส เล่นได้อย่างโดดเด่นในการจับคู่แดนกลางกับ เดแคลน ไรซ์
รายการ | ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2024/25 |
---|---|
วันแข่งขัน | คืนวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2567 |
สนาม | เฮลซิงกิ โอลิมปิก สเตเดี้ยม |
ผลการแข่งขัน | ฟินแลนด์ 1-3 อังกฤษ |
เทรนต์ อาร์โนลด์ ฟอร์มเด่นพร้อมซัดฟรีคิกสุดสวย
หลัง แกเร็ธ เซาธ์เกต โบกมือลาตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติ อังกฤษ กุนซือขัดตาทัพอย่าง ลี คาร์สลีย์ เซอร์ไพร์สแฟนบอลอีกครั้งด้วยการพยายามจัดทัพเปิดทางเลือกใหม่ ๆ โดยคราวนี้เป็น เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่โดนโยกไปเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายซึ่งเป็นจุดที่ทัพ สิงโตคำราม กำลังมีปัญหาอยู่
ตลอดทั้ง 90 นาทีแม้ เทรนต์ อาร์โนลด์ จะยังมีปัญหาทางด้านเกมรับที่มักจะหลุดตำแหน่งเติมขึ้นไปสูงจนเปิดพื้นที่ให้คู่แข่งสวนกลับมาได้ง่าย แต่ประโยชน์ที่แลกกลับมาได้คือการมีผู้เล่นช่วยขึ้นเกมจากแนวลึกอีก 1 คนซึ่งทำให้เกมของ อังกฤษ มีมิติมากขึ้นกว่าเก่า
อย่างที่รู้กันดีว่า เทรนต์ อาร์โนลด์ เป็นคนที่ออกบอลยาวได้แม่นยำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ไม่ว่าจะเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา, แบ็คซ้าย, หรือ มิดฟิลด์ตัวกลาง เจ้าตัวก็มักจะมีสถิติการออกบอลที่โดดเด่นแทบทุกครั้ง โดยวันนี้ เทรนต์ ผ่านบอลไปทั้งหมด 110 ครั้ง ถือเป็นสถิติที่มากที่สุดในเกมนี้เลยทีเดียว
ส่วนลูกฟรีคิกที่แข้งจาก ลิเวอร์พูล ซัดเข้าไปในนาทีที่ 74 ก็ต้องบอกว่าสวยสดงดงามเกินคำบรรยาย จึงนับเป็นอีก 1 เกมที่แม้ เทรนต์ จะไม่ได้เล่นได้ดีที่สุด แต่เขาโชว์ให้เห็นว่ามีศักยภาพมากพอที่จะเล่นได้หลายตำแหน่งและยังมีลูกนิ่งสุดอันตรายที่มองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
อังเจล โกเมส อาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ
หากใครจำกันได้ เมื่อไม่นานมานี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต เคยพูดไว้ว่าปัญหาที่ทำให้ทีมของเขายังไม่ลงตัวคือการขาดผู้เล่นอย่าง คัลวิน ฟิลลิปส์ ในแดนกลางไป ซึ่งใน ยูโร 2024 ที่ผ่านมา อดีตกุนซือทีมชาติ อังกฤษ พยายามทดลองเอาผู้เล่นมากหน้าหลายตาเข้ามาทดลองแต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ประสบความสำเร็จสักที
เอาไปเอามากลายเป็นว่า เซาธ์เกต อำลาตำแหน่งไปโดยที่ยังแก้ปัญหานี้ไม่ตก และกลายเป็น ลี คาร์สลีย์ ที่เหมือนกำลังจะตีโจทย์ดังกล่าวแตกด้วยการเรียกตัว อังเจล โกเมส ติดทีมชาติพร้อมให้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงแทบจะทันที
สิ่งที่ โกเมส โชว์ให้คนทั้งโลกเห็นคือเขาเป็นนักเตะที่นิ่งเกินอายุ สามารถใช้ไหวพริบเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันได้ดี ทั้งการพาบอลขึ้นหน้าไปกับตัวหรือการแกะเพรสซิ่งก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม แถมวันนี้ก็มี 1 แอสซิสต์จากการใช้ไหวพริบส่งบอลเร็วให้ แจ็ค กรีลิช สอดเข้าไปทำประตูขึ้นนำได้ด้วย
สถิติที่น่าสนใจคือวันนี้ โกเมส ผ่านบอลไปทั้งหมด 100 ครั้งโดยที่มีเปอร์เซ็นต์สำเร็จสูงถึง 97 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเกมรับก็ช่วยเข้าปะทะสำเร็จ 2 ครั้ง และตัดบอลได้อีก 2 ครั้ง ถือว่ายืนจับคู่แดนกลางกับ เดแคลน ไรซ์ ได้เข้าขามาก ๆ ทั้งเกมรุกและรับก็สลับกันทำหน้าที่ได้ลงตัวสุด ๆ
ถึงเวลาของ วัตกิ้นส์ แล้วหรือยัง ?
เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ แฮร์รี่ เคน และ โอลลี่ วัตกิ้นส์ โชว์ให้เห็นว่าพวกเขามีสไตล์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน และถึงแม้ เคน จะมีภาษีดีกว่าในเรื่องของประสบการณ์ แต่ วัตกิ้นส์ ก็พร้อมจะลงมาเพื่อเปลี่ยนเกมเสมอ และในอนาคตดาวยิงจาก แอสตัน วิลล่า อาจถึงขั้นเบียดแย่งตัวจริงได้เลยด้วยซ้ำ
ตลอดเวลากว่าชั่วโมงเศษ ๆ ที่ แฮร์รี่ เคน อยู่ในสนาม จะเห็นได้ว่าเขาพยายามถอยตัวลงมาต่ำเพื่อสร้างสรรค์โอกาสและถ่ายเทบอลไปมา เป็นการเปิดพื้นที่ให้ตัวรุกริมเส้นอย่าง แจ็ค กรีลิช ได้วิ่งทะลุทะลวงเข้าไปทำประตู และถึงแม้ในบางครั้งวิธีการเล่นแบบนี้จะใช้ได้ผล แต่ในเกมวันนี้ผลงานของ เคน กลับไม่โดดเด่นจนแทบจะหายตัวไปเลยด้วยซ้ำ
ในทางกลับกัน โอลลี่ วัตกิ้นส์ ใช้เวลาเพียงประมาณ 15 นาทีในการสร้างแรงกระเพื่อมให้เกมได้ทันที โดยดาวยิงจาก วิลล่า ใช้ความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวกระชากบอลหนีแนวรับ ฟินแลนด์ เข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะส่งให้ เดแคลน ไรซ์ ได้ยิงแบบจ่อ ๆ กลายเป็นว่าไม่ต้องใช้เวลาในสนามเยอะ แต่ได้ไปแล้ว 1 แอสซิสต์
คงจะตอบยากว่าในเวลานี้กองหน้าทีมชาติ อังกฤษ ตัวจริงควรจะเป็นใคร เพราะทั้ง เคน และ วัตกิ้นส์ มีในสิ่งที่อีกคนไม่มี จุดเด่นในเกมฟุตบอลก็แตกต่างกันสิ้นเชิง คงต้องขึ้นอยู่กับกุนซือทีมชาติ อังกฤษ คนต่อไปว่าเขาจะโปรดปรานสไตล์การเล่นของนักเตะคนไหนมากกว่ากัน แต่ที่แน่ ๆ คือ วัตกิ้นส์ ก้าวขึ้นมาท้าชิงตำแหน่งกองหน้าตัวจริงอย่างเป็นทางการแล้วแน่นอน