คริสเตียน เอริคเซน กับจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
การเดินทางของ คริสเตียน เอริคเซน กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังใน พรีเมียร์ลีก ใกล้จะมาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อมีรายงานล่าสุดว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะแยกทางกันเมื่อสิ้นสุดสัญญาในเดือนมิถุนายน 2025 โดยไม่มีการเจรจาต่อสัญญาฉบับใหม่แต่อย่างใด
ดาวเตะวัย 32 ปีได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่มีในตัวอย่างต่อเนื่องในซีซันนี้ ด้วยสถิติที่น่าประทับใจ เขามีส่วนร่วมกับ 7 ประตูจากการลงสนาม 10 นัด ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วเขามีส่วนร่วมกับประตูทุก ๆ 99.85 นาที ถือเป็นตัวเลขที่โดดเด่นสำหรับกองกลางตัวรุกจอมเก๋ารายนี้
ล่าสุดคือการยิง 1 ประตูในเกม ยูโรป้าลีก ที่เสมอกับ เฟเนร์บาห์เช ที่ตุรกีเคีย ซึ่งกองกลางชาวเดนมาร์กถือเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่โดเด่นและได้รับคะแนนความสามารถที่อยู่ในลำดับตั้น ๆ ของทีมเลยทีเดียว
ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือทีม ปีศาจแดง ยังไม่เคยแพ้ในเกมที่ เอริคเซน ลงเล่นเป็นตัวจริง สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลที่เขามีต่อทีม นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้เล่นที่สร้างโอกาสทำประตูได้มากที่สุดของทีมในฤดูกาลนี้ ด้วยจำนวน 25 ครั้ง มากกว่าทั้ง อาหมัด ดิยัลโล (16 ครั้ง) และ กาเซมิโร (15 ครั้ง) เสียอีก
อย่างไรก็ตาม อายุและประวัติการบาดเจ็บดูเหมือนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สโมสรลังเลที่จะต่อสัญญาใหม่ ใน 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เอริคเซน ต้องพลาดลงสนามไปถึง 28 เกมเนื่องจากอาการบาดเจ็บ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่สโมสรต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
แม้ว่า เอริคเซน จะยังคงแสดงให้เห็นถึงคุณภาพในการสร้างสรรค์เกมรุก แต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดดูเหมือนจะมีแผนในการปรับเปลี่ยนทีมในระยะยาว โดยมีผู้เล่นอย่าง เมสัน เมาท์, มานูเอล อูการ์เต้ และคอบบี้ ไมนู ที่พร้อมจะก้าวขึ้นมารับบทบาทในแดนกลาง
ในแง่ของการบริหารจัดการทีม การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงนโยบายของสโมสรที่ต้องการสร้างทีมในระยะยาว แม้ว่า เอริคเซน จะเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพ แต่การลงทุนกับผู้เล่นที่เลยวัย 30 ปีไปแล้วและมีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บต่อเนื่อง อาจไม่ใช่ทิศทางที่เหมาะสมสำหรับอนาคตของทีม
สำหรับแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การจากไปของกองกลางทีมชาติเดนมาร์กอาจเป็นการสูญเสียนักเตะที่มีประสบการณ์และความสามารถสูง แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นโอกาสที่จะได้เห็นการเติบโตของดาวรุ่งที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาแทนที่
เมื่อมองไปข้างหน้า การตัดสินใจครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับทั้งสโมสรและตัวนักเตะ ในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด มุ่งหน้าสู่การสร้างทีมที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาว เอริคเซน ก็ยังมีโอกาสที่จะสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กับทีมใหม่ในอนาคต