ความหวังที่ริบหรี่ในการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ อาร์เซนอล และ มิเกล อาร์เตต้า - OPINION
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
เสียงถอนหายใจของ มิเกล อาร์เตต้า หลังความพ่ายแพ้ที่ เซนต์ เจมส์ พาร์ค สะท้อนความจริงอันขมขื่นที่ว่า อาร์เซนอล กำลังเดินออกห่างจากเส้นทางสู่แชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างน่าใจหาย กุนซือหนุ่มพยายามปัดความกดดันด้วยวาทะที่ว่า
"มันไม่ได้เกี่ยวกับความหวังที่จะคว้าแชมป์ แต่เป็นเรื่องของการแสดงศักยภาพที่ดีที่สุดในทุกสัปดาห์"
แต่ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้คือ การพ่ายแพ้ 1-0 ต่อ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขากับ ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูงที่เฉือน ไบรท์ตัน ที่ แอนฟิลด์ ขยับออกไปเป็น 7 แต้ม ในขณะที่แชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็พลาดท่าพ่ายต่อ บอร์นมัธ ในช่วงเ;ลาเดียวกัน
ประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก บอกเราว่า การไล่ตามด้วยแต้มห่าง 7 คะแนนหลังผ่าน 10 เกม เป็นภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้ ในรอบ 30 ปีของลีกสูงสุดเมืองผู้ดี มีเพียง แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ทีมเดียวที่เคยทำได้สำเร็จในฤดูกาล 1994/95 เมื่อพวกเขาไล่ตาม นิวคาสเซิล ที่นำ 8 แต้มจนคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
แต่บริบทในยุคนั้นแตกต่างจากปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง แบล็คเบิร์น มีโอกาสแก้ตัวถึง 32 เกม (ในระบบการแข่งขัน 42 เกมโดยมี 22 ทีมในเวลานั้น) ขณะที่ อาร์เซนอล เหลือโอกาสเพียง 28 เกมเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น มาตรฐานของการเป็นแชมป์ในยุคปัจจุบันสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ทีมที่ได้แชมป์ 7 ใน 8 ครั้งหลังสุดล้วนจบฤดูกาลด้วยคะแนนไม่ต่ำกว่า 89 แต้มทั้งนั้น
สถิติที่น่าวิตกยิ่งกว่าคือ ทีม ปืนใหญ่ เสียไปแล้ว 9 คะแนนจาก 10 นัดแรก หากต้องการลุ้นแชมป์ พวกเขาจะต้องเสียไม่เกิน 16 คะแนนจาก 28 เกมที่เหลือ นั่นหมายถึงพวกเขาต้องทำผลงานในระดับที่แทบไร้ที่ติไปจนจบฤดูกาล
อาร์เตต้า เองก็ดูจะตระหนักถึงความเป็นจริงนี้ดี เขาพยายามปัดประเด็นเรื่องการลุ้นแชมป์ออกไปอย่างชัดเจน "เราไม่ได้พูดถึงเรื่องแชมป์หลังผ่าน 8-9 เกมในฤดูกาลที่แล้ว และเราจะไม่พูดถึงมันอีก"
ความเงียบของ อาร์เตต้า อาจเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด เพราะตัวเลขทางสถิติกำลังบ่งชี้ว่า ความฝันในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ อาร์เซนอล อาจจะจบลงเร็วกว่าที่ใครหลายคนคาดคิดหลังเกมเมื่อคืนวันเสาร์
แฟน ปืนใหญ่ คงต้องหวังว่าประวัติศาสตร์จะถูกเขียนใหม่ แต่เส้นทางข้างหน้าช่างดูริบหรี่เหลือเกิน เมื่อทั้งตัวเลขและสถิติต่างชี้ว่า การไล่ตามในครั้งนี้อาจเป็นภารกิจที่เกินเอื้อมสำหรับทีมที่เคยพลาดท่าในฤดูกาลที่แล้ว
ดังนั้นการพลิกสถานการณ์ในครั้งนี้ จึงเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ อาร์เตต้า และลูกทีมอย่างไม่ต้องสงสัย