อาร์เซนอล 2-2 ลิเวอร์พูล : ประเด็นหลังเกมบิ๊กแมตซ์ พรีเมียร์ลีก หงส์แดง ปืนใหญ่ “ดีกันคนละครึ่ง”

• อาร์เซนอล เก็บได้เพียง 1 คะแนนจาก 2 เกมหลังสุดใน พรีเมียร์ลีก

• ลิเวอร์พูล เสียสองประตูในเกมเดียวเป็นเกมแรกในฤดูกาลนี้

Arsenal FC v Liverpool FC - Premier League
Arsenal FC v Liverpool FC - Premier League / Marc Atkins/GettyImages
facebooktwitterreddit

บิ๊กแมตซ์ พรีเมียร์ ลีก สัปดาห์นี้จบลงด้วยการแบ่งคะแนนที่ต้องบอกว่าดีกันคนละครึ่ง พร้อมกับทำให้ อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ช่วยกันส่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นจ่าฝูงทันทีหลังผ่านไปแล้ว 9 เกม

รายการแข่งขัน : พรีเมียร์ ลีก 2024-2025
วันแข่งขัน : วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024
สนามแข่งขัน : เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน : อาร์เซนอล 2 – 2 ลิเวอร์พูล

อาร์เซนอล ได้ประตูนำไปก่อนถึงสองครั้งในเกมนี้ แต่สุดท้ายก็ต้านทานเอาไว้ไม่อยู่พลาดเสียประตูในช่วงท้ายเกม ขณะที่ลิเวอร์พูลนี่เป็นเกมแรกที่พวกเขาเสียสองลูกในเกมเดียว พร้อมกับได้ผลเสมอเป็นครั้งแรกในยุคของผู้จัดการทีมอย่าง อาร์เน่ สล็อต

และนี่คือประเด็นหลังเกมที่น่าสนใจ


อาร์เซนอล กับการคัมแบ็คของสองตัวหลัก

ก่อนเกมนี้ อาร์เซนอล เจอกับปัญหาบาดเจ็บของนักเตะมากถึง 6 คนด้วยกัน รวมถึงไม่มีชื่อของ วิลเลี่ยม ซาลิบา แนวรับที่ติดโทษแบน แต่พวกเขาได้ตัว บูคาโย่ ซาก้า และ ยูเรี่ยน ทิมเบอร์ กลับมาและส่งผลต่อเกมอย่างมาก ซาก้า เป็นหัวใจในแนวรุกคนสำคัญที่วันนี้นอกจากยิงประตูได้ตั้งแต่การเล่นเกมบุกครั้งแรกของเกมแล้ว การเคลื่อนที่ของเขาอันตรายมาก และสร้างปัญหาให้ ลิเวอร์พูล ได้ตลอด

ด้านฟูลแบ็ค อาร์เซนอล ใช้งาน ทิมเบอร์ เป็นแบ็คซ้ายปิดการโจมตีของ โม ซาลาห์ โดยตรง ขณะที่ โธมัส ปาเตย์ มาเล่นแบ็คขวาจำเป็นอีกครั้ง พร้อมหุบ เบน ไวท์ มาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็ค และ ปาเตย์ ก็ทำได้ดีมากในการประกบ หลุยส์ ดิอาซ ลดภาระให้แนวรับได้เยอะเลยทีเดียว

Anthony Taylor, Bukayo Saka, Virgil van Dijk
Arsenal FC v Liverpool FC - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

เซตเพลย์ที่ยอดเยี่ยม และการตัดฟาลว์เป็นจำนวนมาก

สองจากสี่ประตูที่เกิดขึ้นในเกมนี้ มาจากการเล่นเซตเพลย์ ซึ่งสำหรับ อาร์เซนอล แล้วนี่คืออาวุธหลักที่กลายเป็นที่จับตามองว่าพวกเขาจะมีแนวทางการเล่นในแต่ละจังหวะอย่างไร และวันนี้พวกเขาก็ทำได้อีกครั้ง ขณะที่ ลิเวอร์พูล เอาคืนได้เช่นเดียวกันกับการเล่นในจังหวะเตะมุม เกมนี้เป็นเกมที่มีเตะมุมน้อยมากรวมกันเพียง 4 ครั้ง นั่นบ่งบอกถึงความระมัดระวังตัวของทั้งสองทีมในการไม่ต้องการเสียลูกตั้งแต่โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะ อาร์เซนอล ได้เตะมุมเพียงครั้งเดียวตลอด 90 นาที และเป็นการได้ในช่วงท้ายเกมเสียด้วย

อย่างไรก็ตามการตัดฟาลว์ในเกมนี้แบ่งกันไปคนละ 14 ครั้ง มากที่สุดเกมหนึ่ง และแทบไม่มีการฟาลว์กันในระยะ 30 หลาเลยตลอดทั้งเกม

Mikel Merino
Arsenal FC v Liverpool FC - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

ขุมกำลังเกมรับปืนใหญ่ และ 45 นาทีหลังของลิเวอร์พูล

ปัญหาเรื่องนักเตะบาดเจ็บเป็นปัจจัยใหญ่สำหรับ อาร์เซนอล มากกว่า ลิเวอร์พูล แม้ว่าทีมเยือนจะขาด อลิสซอน เบคเกอร์ รวมถึงผู้เล่นบางราย แต่ก็ไม่มากเท่ากับ ปืนใหญ่ บวกกับการต้องเสียผู้เล่นหลักในระหว่างเกมอย่าง กาเบรียล มากัญเยส ในช่วงต้นครึ่งหลัง ซึ่งเมื่อบวกกับแนวรับที่บาดเจ็บแต่เดิมอยู่แล้ว อาร์เซนอล แทบจะไม่มีทางเลือกเหลือนอกจาก ยาคุบ คิวิออร์ เพียงรายเดียว และพวกเขาก็ต้องใช้งานแนวรับโปแลนด์ลงมาประจำการ โดยความสำคัญของ มากัญเยส นอกจากเรื่องเซตเพลย์แล้ว คือเรื่องของการเซตบอลจากแนวรับที่เจ้าตัวเป็นแกนหลักเปิดเกมให้กับทีม ซึ่งคิวิออร์ไม่สามารถทดแทนในส่วนนี้ได้

การเล่นแบ็คโฟร์ของ อาร์เซนอล ในวันนี้น่าจะเป็นเกมแรกที่ 4 คนนี้ลงเล่นร่วมกัน แม้จะเกือบต้านเอาไว้ได้อยู่ แต่เกมรุกกลับไม่สามารถช่วยในเรื่องของการสร้างเกมรุกสวนกลับได้มากนัก ประกอบกับ ลิเวอร์พูล ครึ่งหลังกดดันมากกว่าเดิม เพรสซิ่งสูงตั้งแต่แดนบน นั่นทำให้ อาร์เซนอล ต้องเจอกับความยากลำบากมากขึ้นไปอีก

เกมในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล สามารถที่จะครองโมเมนตัมของเกมได้ พวกเขาครองบอลได้มาก คุมจังหวะเกมได้ดีกว่าชัดเจน เพราะ “บอลสอง” ส่วนมากเป็นของพวกเขาทั้งหมด และทุกครั้งที่ อาร์เซนอล ได้บอลเพื่อจะสวนกลับก็ยังติด ๆ กัน ๆ ไม่สามารถโต้กลับได้ทุกครั้ง

ยิ่งการเสีย ยูเรี่ยน ทิมเบอร์ ไปอีกคนจะด้วยเรื่องความฟิตหรือบาดเจ็บ ก็ทำให้พวกเขาทำงานยากขึ้น และสุดท้ายการผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในจังหวะที่ทีมเล่นสวนกลับและไม่สามารถจบด้วยด้วยการให้ “บอลตาย” กลายเป็นการเจอสวนกลับ และ ไมลส์ ลูอิส-สเคลลี่ วิ่งลงตามประกบ โม ซาลาห์ ช้าเกินไป เช่นเดียวกับ คิวิออร์ ที่เลือกทิ้ง ดาร์วิน นูนเญซ เพื่อหวังช่วยไล่ ซาลาห์ ก็เคลียร์จังหวะนี้ไม่ทัน กลายเป็นบอลมาถึง นูนเญซ ก่อนตบกลับเข้ากลางให้ ซาลาห์ ยิงประตูตีเสมอในเกมนี้ เป็นความผิดพลาดของแนวรับสองตัวสำรอง และความยอดเยี่ยมในความ “น้อยแต่มาก” สำหรับแนวรุกของ ลิเวอร์พูล ที่ฉีกแนวรับ ปืนใหญ่ จนขาดวิ่นในจังหวะนี้

Mohamed Salah
Arsenal FC v Liverpool FC - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

หนึ่งคะแนนที่ไม่เท่ากัน

จบเกมนี้ผลเสมอ 2-2 ไม่น่าพอใจสำหรับทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าบ้านที่ต้องการความเชื่อมั่นกลับมาหลังการพลาดแพ้ในลีกเกมก่อน การเจอกับอาการบาดเจ็บมากมายในฤดูกาลนี้ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของพวกเขาอย่างมาก เพราะยิ่งเสียผู้เล่นมากเท่าไร ความต่อเนื่องของเกมก็ยิ่งทำได้ลำบากมากขึ้น เกมรับที่มีผู้เล่น 7-8 คนคอยหมุนเวียนกันมาวันนี้แค่ครึ่งเดียวที่ต้องหมุนเวียนกันในช่วงสองสัปดาห์ต่อจากนี้ที่มีคิวลงเล่นถึง 4 เกมเยือนติดต่อกัน

ขณะที่หนึ่งคะแนนของ ลิเวอร์พูล ไม่พอให้พวกเขากลับไปสู่จ่าฝูงได้ แต่พวกเขาอาจจะพอใจมากกว่าเพราะนี่คือคะแนนในเกมเยือน แม้โมเมนตัมในตารางคะแนนอาจเปลี่ยนไป แต่กำลังใจของ ลิเวอร์พูล ดูจะยังไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขายังอยู่ในเส้นทางที่หายใจรดต้นคอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อไป ในขณะที่ฤดูกาลนี้ที่ทั้งสองทีมยังไม่เจอกันแม้แต่เกมเดียวในลีกปีนี้

Arne Slot, Mikel Arteta
Arsenal FC v Liverpool FC - Premier League / Getty Images/GettyImages