เชลซี 2-1 นิวคาสเซิล : เก็บตกประเด็นหลังเกม สิงห์บลูส์ ฟอร์มแกร่งในบ้านเปิดรังเฉือน สาลิกาดง ในเกม พรีเมียร์ลีก
- เชลซี เปิดบ้านเฉือน นิวคาสเซิล 2-1 ทะยานขึ้นไปอยู่บนอันดับ 5 ของตารางคะแนน
- โคล พาลเมอร์ และ นิโคลาส แจ็คสัน กลับมาโชว์ฟอร์มเด่นจนช่วยให้ทีมเก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ
- รีซ เจมส์ ได้รับโอกาสลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย
รายการ | พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024/25 นัดที่ 9 |
---|---|
วันแข่งขัน | วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2567 |
สนาม | สแตมฟอร์ด บริดจ์ |
ผลการแข่งขัน | เชลซี 2-1 นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด |
รีซ เจมส์ ในตำแหน่งแบ็คซ้าย
เอ็นโซ่ มาเรสก้า มีการจัดทัพแปลกออกไปเล็กน้อยโดยการส่งกัปตันทีมอย่าง รีซ เจมส์ ลงเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย แล้วให้ มาโล กุสต้า ลงประจำการทางฝั่งขวาแทน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าดาวเตะชาว อังกฤษ โชว์ฟอร์มออกมาได้ไม่แย่เลยทีเดียว
บทบาทของ รีซ เจมส์ ในวันนี้ไม่ต้องเติมขึ้นไปเล่นเกมรุกให้เปลืองแรงมากนักด้วยความที่ กุสโต้ ถูกมอบหมายให้เติมขึ้นไปอีกฝั่งแล้ว เราจึงได้เห็นว่า เจมส์ มีบทบาทโดดเด่นในเกมรับหลาย ๆ จังหวะ รวมถึงการสกัดบอลออกจากเส้นหรือเข้ามาบล็อคลูกยิงได้ทันท่วงทีซึ่งช่วยให้ เชลซี รอดพ้นจากการเสียประตูได้หลายหน
แม้อาจจะไม่ใช่ตำแหน่งที่ถนัดสักเท่าไร แต่ข้อดีของการที่ เจมส์ ได้ยืนประจำการแบบไม่ต้องขึ้นไปช่วยเกมรุกมากก็คือเขาจะมีพื้นที่ว่างเอาไว้ใช้เปิดบอลยาวจากแนวลึกซึ่งเป็นอาวุธลับที่เสริมเข้ามาให้ เชลซี ได้ และยังเป็นตำแหน่งที่ช่วยลดแรงปะทะซึ่งอาจทำให้เขาบาดเจ็บซ้ำได้อีกด้วย
แจ็คสัน-พาลเมอร์ ซัดประตูกันอีกแล้ว !
หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในช่วง 2 เกมที่ผ่านมาจากการที่ทั้ง แจ็คสัน และ พาลเมอร์ ฟอร์มตกลงไปจน เชลซี คลำหาชัยชนะไม่เจอ วันนี้ทั้งสองคนกลับมามีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดพร้อมโชว์ฟอร์มการเล่นสุดไฉไลได้อีกครั้งแล้ว
ตั้งแต่นาทีแรกที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกม นิโคลาส แจ็คสัน ใช้ความเร็วและเทคนิคการพลิกบอลเล่นงานแนวรับของ นิวคาสเซิล จนไปกันแทบไม่เป็น แถมยังมีจังหวะเชื่อมเกมได้สวยจน พาลเมอร์ ซัดประตูได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่น่าเสียดายที่หนีไม่พ้นกับดักล้ำหน้าจึงไม่ได้ประตู
หลังจากนั้นไม่นาน แจ็คสัน ก็มายิงประตูให้ เชลซี ขึ้นนำได้จากลูกสวนกลับเร็ว ซึ่งต้องชมการผสานงานกันของ พาลเมอร์, เนโต้, และสุดท้ายคือ แจ็คสัน ที่เป็นคนส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้อย่างเฉียบคม
ส่วน โคล พาลเมอร์ ก็สมควรได้รับการชื่นชมว่าเล่นได้ดีสุด ๆ เพราะวันนี้นอกจากจะเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยสุดสวยได้แล้ว ดาวเตะชาว อังกฤษ ยังสามารถทำหน้าที่ตัวเชื่อมเกมได้อย่างเฉียบขาดเป็นที่สุด ซึ่งลูกแรกที่ เชลซี ได้ประตูขึ้นนำก็มาจากการที่ พาลเมอร์ ตวัดบอลยาวน้ำหนักพอดิบพอดีไปให้ เปโดร เนโต้ และยังมีอีกหลาย ๆ จังหวะที่ พาลเมอร์ สร้างสรรค์เกมให้เพื่อนได้อย่างสวยงาม
ริมเส้นฝั่งซ้ายของ เชลซี แข่งกันสนุกแน่นอน
หากถามว่าตำแหน่งไหนของ เชลซี ที่ตอนนี้การแข่งขันดูจะดุเดือดมากที่สุด คำตอบคงหนีไม่พ้นตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้าย ซึ่งตอนนี้แม้จะยังไม่มีใครจับจองพื้นที่ได้อย่างถาวร แต่ก็ต้องบอกว่าแต่ละคนฝีเท้าและฟอร์มการเล่นน่าจับตามองแบบสุด ๆ
เปโดร เนโต้ ดูจะเป็นคนที่ภาษีดีกว่าเพื่อนเล็กน้อย ด้วยประสบการณ์การเป็นตัวจริงใน พรีเมียร์ลีก ให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน ก่อนจะย้ายมาค้าแข้งใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ รวมถึงการติดทีมชาติ โปรตุเกส อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องบอกว่า เนโต้ มีทั้งความเร็วและการตัดสินใจเล่นในพื้นที่สุดท้ายได้ดี รวมถึงเมื่อได้รับโอกาส เนโต้ ก็มักจะตอบแทนความไว้วางใจได้ในทุกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจหาก มาเรสก้า จะเลือกให้ เนโต้ ยึดพื้นที่ตัวจริงยาว ๆ ต่อจากนี้
ส่วน เจดอน ซานโช่ แม้ฟอร์มจะตกลงไปในช่วง 2 เกมหลัง แต่เจ้าตัวก็มีประสบการณ์อันโชกโชนกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่เข้าไปได้ถึงรอบชิง ฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลที่แล้ว และยังมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกับ เนโต้ อย่างชัดเจน จึงเป็นอีกหนึ่งแคนดิเคตที่ตัดออกไปไม่ได้โดยเด็ดขาด แถมช่วงต้นซีซันก็มีโชว์ฟอร์มดีให้เห็นมาแล้วด้วย
เชลซี ยังมี มิไคโล มูดริก ที่ยังต้องขัดเกลาฝีเท้าให้เฉียบคมอีกพอสมควร แต่ถ้าเทียบกับ 2 ซีซันก่อนที่ดาวเตะชาว ยูเครน ย้ายเข้ามาร่วมทีม ก็ต้องยอมรับตามตรงว่า มูดริก มีพัฒนาการขึ้นให้เห็นอยู่พอสมควร แถมในเกมล่าสุดกับ พานาธิไนกอส เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ๆ ด้วย
มาเรสก้า เอ็ฟเฟกต์ !
หลังผ่านการลงเตะ พรีเมียร์ลีก ไปทั้งหมด 9 สัปดาห์ เชลซี ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นอย่างชัดเจนและผลของความทุ่มเทก็เริ่มสะท้อนออกมาให้เห็นบนตารางคะแนนซึ่งล่าสุดพลพรรค สิงห์บลูส์ ทะยานขึ้นไปอยู่บนอันดับ 5 ได้สำเร็จแล้ว
การเข้ามาของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ทำให้ทีมพลังหนุ่มอย่าง เชลซี มีความคงเส้นคงวา และเริ่มมีรูปแบบการเล่นที่เด่นชัดมากขึ้นว่าพวกเขาเล่นฟุตบอลแบบไหนและจุดแข็งของทีมชุดนี้คืออะไร ซึ่งต่างจากทีมของโค้ช 3 คนก่อนอย่าง แกรห์ม พอตเตอร์, แฟรงค์ แลมพาร์ด, และ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่จนจบฤดูกาลแล้วก็ยังหาสไตล์การเล่นที่ชัดเจนกันไม่เจอ
พรีเมียร์ลีก นัดหน้า เชลซี มีคิวบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังอยู่ในสภาพรอมร่อแบบสุดขีด ซึ่งถ้าหากลูกทีมของ มาเรสก้า สามารถบุกไปเชือดทีม ปีศาจแดง ได้ถึง โอล แทรฟฟอร์ด พวกเขาก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะขึ้นไปอยู่บนท็อปโฟร์ได้สำเร็จ และแมตช์ดังกล่าวจะเป็นตัวพิสูจน์ด้วยว่า เชลซี ชุดนี้ของจริงหรือไม่..