อังกฤษ 5-0 ไอร์แลนด์ : เก็บตกประเด็นหลังเกม สิงโตคำราม รัวยิงไม่ยั้ง พร้อมยึดจ่าฝูงเข้ารอบ เนชั่นลีกส์
- ทีมชาติ อังกฤษ เปิดบ้านบดขยี้ ไอร์แลนด์ 5-0 ในฟุตบอล ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก
- ใบเหลืองแดงของ เลียม สเกลส์ เป็นจุดเปลี่ยนเกมให้ อังกฤษ ได้โอกาสยิงไม่ยั้ง
- ลี คาร์สลีย์ โบกมืออำลาตำแหน่งกุนซือทีมชาติ อังกฤษ ชุดใหญ่สุดสวยหรู
รายการ | ยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ลีก บี กรุ๊ป 2 นัดที่ 6 |
---|---|
วันแข่งขัน | คืนวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 |
สนาม | เวมบลีย์ สเตเดี้ยม |
ผลการแข่งขัน | อังกฤษ 5-0 ไอร์แลนด์ |
ใบแดงจุดเปลี่ยนเกม
ในเกมช่วงครึ่งแรกต้องชื่นชมหัวจิตหัวใจของผู้เล่นทีมชาติ ไอร์แลนด์ ที่เตรียมตัววางระเบียบเกมรับกันมาเป็นอย่างดี และสามารถเล่นได้ตามแผนแบบเนียนกริ๊บทำให้เกมรุกของ อังกฤษ แทบจะไปกันไม่เป็น แม้จะสร้างโอกาสยิงประตูได้ถึง 8 หน แต่กลับไม่สามารถเบิกสกอร์ได้แม้แต่ลูกเดียว
จุดเปลี่ยนของเกมมาเกิดขึ้นในช่วงนาทีที่ 51 ของเกมซึ่ง เลียม สเกลส์ พลาดท่าทำทีมเสียจุดโทษพร้อมโดนใบเหลืองที่ 2 ไล่ออกจากสนาม ซึ่งหลังจาก แฮร์รี่ เคน สังหารจุดโทษเข้าไปอย่างเฉียบคม เกมก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือโดยทันที หากจะเรียกว่า 'เขื่อนแตก' ก็คงจะไม่ผิดนัก
อีกมุมหนึ่งก็ต้องชื่นชมคุณภาพนักเตะ อังกฤษ ชุดนี้ที่สามารถนำความได้เปรียบในเรื่องตัวผู้เล่นมาใช้ประโยชน์และสามารถลงโทษคู่แข่งที่มีชื่อชั้นต่ำกว่าได้ เพราะหลายปีที่ผ่านมาเราก็เคยเห็นกันมาแล้วว่า อังกฤษ มักจะทำ 'หมูหก' ไม่เฉียบคมพอที่จะบดขยี้คู่แข่งที่ระดับห่างชั้นกันได้ แต่ อังกฤษ ชุดนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว
วันแห่งการเบิกสกอร์แรก
หลัง แฮร์รี่ เคน ยิงประตูปลดล็อคให้ทีมได้ในนาทีที่ 53 สกอร์ที่เหลือก็เริ่มไหลตามมาเป็นน้ำ โดยเริ่มจาก แอนโธนี่ กอร์ดอน เอี้ยวตัววอลเลย์เข้าไปตุงตาข่ายในนาทีที่ 56 ก่อนที่อีก 2 นาทีถัดมา มาร์ค เกฮี จะโหม่งเช็ดให้ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ได้ชาร์จบอลเข้าไปแบบจ่อ ๆ
เท่านั้นไม่พอ จาร์ร็อด โบเว่น ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาก็สามารถทำประตูได้แบบสุดสวยตั้งแต่ครั้งแรกที่สัมผัสบอล และปิดท้ายด้วยลูกโขกแบบเน้น ๆ ของ เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส ปราการหลังดาวรุ่งดีกรีกัปตันทีมชาติชุด ยู-21 ที่ได้รับโอกาสจาก ลี คาร์สลีย์ ให้ลงสนามเดบิวต์ในวันนี้
สิ่งที่ทำให้ค่ำคืนที่ เวมบลีย์ ในวันนี้พิเศษมากกว่าเดิมก็คือ 4 ประตูทั้งหมดที่ได้กล่าวมาล้วนเป็นประตูแรกของนักเตะแต่ละคนในนามทีมชาติ อังกฤษ ชุดใหญ่ทั้งนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เราได้เห็นแต่ละคนดีใจกันแบบสุดเหวี่ยงแม้สกอร์จะทิ้งห่างไปแล้วก็ตาม
คาร์สลีย์ ส่ง สิงโตคำราม ผ่านเข้ารอบแบบไร้กังวล
นับตั้งแต่มีการก่อตั้งศึก ยูฟ่า เนชั่นลีกส์ ขึ้นมา ว่ากันตามตรงว่าฟอร์มของทีมชาติ อังกฤษ ลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาโดยตลอดและยังไม่เคยไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้แม้แต่หนเดียว ซึ่งปีที่แย่ที่สุดคือซีซัน 2022/23 ที่ไม่ชนะใครเลยจากการลงเล่นทั้งหมด 6 นัดจนทำให้กระเด็นตกมาอยู่ในลีก บี ซีซันนี้
แต่หลังจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต โบกมือลาตำแหน่งไปและเป็น ลี คาร์สลีย์ ก้าวเข้ามารับตำแหน่งแทน กุนซือขัดตาทัพรายนี้พาทีมเอาชนะคู่แข่งได้ทั้งหมด 5 จาก 6 นัด ส่งให้ อังกฤษ ผ่านเข้ารอบไปในฐานะแชมป์กลุ่มแถมยังได้กลับขึ้นไปบนลีก เอ ในการแข่งขันครั้งหน้าอีกด้วย ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ อังกฤษ จบในฐานะแชมป์กลุ่มของรายการนี้ต้องย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 2018/19 เลยทีเดียว
ฟุตบอลของ ลี คาร์สลีย์ อาจมีจุดบกพร่องให้เห็นบ้างเพราะได้เวลาการเตรียมทีมไม่มากนัก แต่สิ่งหนึ่งที่กุนซือรายนี้ส่งไม้ต่อให้กับ โธมัส ทูเคิ่ล ก็คือการดันดาวรุ่งสายเลือดใหม่ขึ้นมาให้ได้เลือกใช้เต็มไปหมด เป็นการโชว์ให้เห็นว่าระบบเยาวชนของ อังกฤษ แทบจะดีที่สุดในโลกฟุตบอลเวลานี้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากว่าเมื่อกุนซือคนใหม่เข้ามารับงานคุมทีม มรดกชิ้นไหนของ คาร์สลีย์ จะถูกเลือกนำมาใช้บ้าง