อินเตอร์ มิลาน 1 - 0 อาร์เซนอล : ประเด็นหลังเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อินเตอร์ โชว์เกมรับ ปืนใหญ่ กระสุนด้าน
• อาร์เซนอล แพ้เป็นเกมที่สองติดต่อกันในทุกรายการ แบบยิงประตูไม่ได้ทั้งสองเกม
อาร์เซนอล ยังคงกู่ไม่กลับกับผลงานของพวกเขา เมื่อเกมนี้ต้องมาเยือน อินเตอร์ มิลาน ที่โชว์เกมรับชั้นยอดใน 45 นาทีหลังหยุดแนวรุกของพวกเขาไว้ได้ทั้งหมด พร้อมเก็บชัยชนะ 1-0 จากประตูโทนที่มาจากจุดโทษในช่วงท้ายครึ่งแรกโดย ฮาคาน ชัลฮาโนกลู พาทีมคว้าอีกสามคะแนนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก
รายการแข่งขัน : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2024-2025
วันที่แข่งขัน : 6 พฤศจิกายน 2024
สนามแข่งขัน : จูเซปเป้ เมซซา
ผลการแข่งขัน : อินเตอร์ มิลาน 1 – 0 อาร์เซนอล
จุดโทษตัดสินเกม แต่เกมรับนำมาซึ่งชัยชนะ
เกมในครึ่งแรกของวันนี้ เป็นเกมที่อึดอัดด้วยกันทั้งคู่ มีช่วงเวลาที่ดีและแย่สำหรับทั้งสองทีมในการพบกับแรงกดดันจากอีกฝ่าย
“เกมรับ” ของทั้งสองทีมทำงานได้ดีไม่ผิดพลาด หากแต่ต่างกันในแดนบน อินเตอร์ มิลาน เล่นเพรสซิ่งแดนบนแต่ยืนคุมพื้นที่กันเป็นกลุ่ม ไม่วิ่งไล่เพรส เหมือนที่ อาร์เซนอล ทำมาตลอดเกม ก่อนที่ครึ่งหลังพวกเขาจะถอยเกมรับลึกและใช้การสวนกลับเพื่อลดภาระของแนวรับ
“เกมรุก” ทั้งสองทีมเล่นกันช้าเกินไป ความแม่นยำก็ไม่ได้มากมายอะไร ยิ่งทำให้ทุกอย่างยากสำหรับการเซ็ตเกมบุก ฝั่ง อินเตอร์ มิลาน เกมรุกใช้น้อยจังหวะ สวนกลับดูมีทรง ส่วน อาร์เซนอล ถ้าตัวรุกแดนบนเก็บบอลได้ พวกเขาก็พอมีลุ้น ปัญหาเดียวกันของทั้งสองทีมคือบอลสุดท้ายที่ไม่มีคุณภาพมากพอจะแหวกเกมรับคู่แข่ง โดยเฉพาะ อาร์เซนอล เมื่อพวกเขาโดยคู่แข่งออกนำไปก่อน
การได้จุดโทษในช่วงทดเจ็บของครึ่งแรก ก่อนที่ ฮาคาน ชัลฮาโนกลู จะยิงเข้าไป เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้ และเป็นความผิดพลาดของ มิเคล เมริโน่ ที่ยกแขนขึ้นมาห่างลำตัวในจังหวะนั้น ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเจ้าตัวโชคไม่ดีเลยในเกมวันนี้
ครึ่งหลัง อินเตอร์ มิลาน ถูกบังคับให้เล่นเกมรับเกมตลอด 45 นาที และพวกเขาแสดงให้เห็นถึงความอดทน และวินัยในเกมรับที่ยอดเยี่ยม การยืนเกมรับในกรอบเขตโทษโดยใช้จำนวนผู้เล่นจำนวนมากนั้นไม่ใช่เรื่องดีเสมอไปถ้าคุณไม่ทราบหน้าที่อย่างชัดเจนของตนเอง อย่างไรก็ตามแม้จะมีพลาดไปบ้าง แต่พวกเขาก็สามารถจัดการเก็บกวาดเกมรุกของ ปืนใหญ ได้ทั้งหมด และนำมาซึ่งชัยชนะในที่สุด
ปืนใหญ่ “คิดช้า-ทำช้า-อยู่ถูกที่ผิดเวลา”
อาร์เซนอล จบเกมนี้ด้วยการยิงมากถึง 21 ครั้ง แต่เข้ากรอบเพียง 4 ครั้ง บ่งบอกได้ถึงสองส่วนประกอบไปด้วย 1.พวกเขาเป็นคนครองเกมบุกมากกว่าคู่แข่งที่ทั้งเกมโอกาสยิงเพียง 7 ครั้ง เข้ากรอบ 1 (ซึ่งเป็นการยิงจุดโทษ) 2. การสร้างสรรค์เกมบุกพวกเขามีปัญหาในพื้นที่สุดท้าย จากการยิงเข้ากรอบประมาณ 20 % ของโอกาสทั้งหมดที่มี
ปัญหาของการ “เจาะไม่เข้า” ของ อาร์เซนอล นอกเหนือจากการเจอเกมรับในกรอบเขตโทษที่เหนียวแน่นของ อินเตอร์ มิลาน แล้ว พวกเขายังมีปัญหากับการเข้าทำที่เสียเวลากับการครองบอลนานเกินไปในแต่ละเพลย์ เมื่อทั้งสองส่วนประกอบกันก็ทำให้ อาร์เซนอล เจอกับงานที่ยากมาก ปืนใหญ่ เป็นทีมที่เล่นเกมรุกด้วยการเจาะทางริมเส้นเป็นอาวุธหลัก มาวันนี้ปีกสองข้าง เจอสถานการณ 2:1 หรือว่า 3:1 ตลอด 90 นาที กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ เลี้ยงเอาชนะคู่แข่งไม่ได้เลย จนต้องให้ ยูเรี่ยน ทิมเบอร์ ขึ้นมาช่วยและเพิ่มโอกาสในการเปิดบอลให้มากกว่าเดิม ขณะที่ บูคาโย่ ซาก้า ก็อยู่ในสถานะที่ไม่ต่างกันนัก แม้จะเชื่อมต่อเกมจนจบด้วยการเปิดบอลได้ แต่บอลก็ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ
“ตัวในกรอบ” ของอาร์เซนอลในเกมนี้ได้บอลน้อยเกินไป โดยเฉพาะในช่วง 45 นาทีหลัง การเจอกับเกมรับในกรอบที่เต็มไปด้วยผู้เล่นเจ้าบ้าน อาร์เซนอล พยายามจะเอาบอลเข้าเขตโทษเพื่อให้เกิดจังหวะเข้าทำซึ่งก็เกิดขึ้นน้อยมาก ไค ฮาแวตซ์ - เลอันโดร ทรอตซาร์ รวมถึงสำรองอย่างกาเบรียล เชซุส ไม่ใช่ไม่มีโอกาส โดยเฉพาะกับ ฮาแวตซ์ ในครึ่งหลัง แต่ไม่สามารถฉวยโอกาสเหล่านั้นได้ดีพอ เกมนี้ ยานน์ ซอมเมอร์ รวมถึง ดาบิด ราย่า แทบไม่ต้องออกแรงเซฟอะไรเลย ท่ามกลางกระแสเกมที่จะเห็นได้ตลอดกับการมองดู อาร์เซนอล ขึงเกมรุกรอบเขตโทษ ดวลกับเกมรับทั้งหน้าและในเขตโทษที่เหนียวแน่นของ อินเตอร์ มิลาน เป็นแบบนี้วนไปตลอดครึ่งเวลาหลัง
“เมริโน่” ยังไม่ใช่ตัวจริง “ทิมเบอร์” ยิ่งเล่นยิ่งโดดเด่น
การขาดหายไปของ ดีแคลน ไรซ์ ทำให้มิเคล อาร์เตต้า เลือกใช้งานกองกลางทีมชาติสเปนลงเล่นเป็นตัวจริง ซึ่งเขามีส่วนกับการเสียจุดโทษโดยตรง อย่างไรก็ตามปัญหาของเขาคือการที่เขายังไม่เข้าใจเกมของเพื่อนร่วมทีมมากนัก ทำให้เกมเสียจังหวะไปอย่างไม่ควรจะเป็น และไม่แปลกใจที่ทำไมเขาถึงโดนเปลี่ยนตัวออกหลังผ่านไปเพียง 45 นาที นี่คือตัวอย่างของนักเตะใหม่ที่ขาด Pre-season กับทีม เมื่อไม่มีการลงซ้อมแบบต่อเนื่องทำให้ไม่มีความเข้าใจเพื่อนร่วมทีมที่มากพอ แถมย้ายมาแล้วเจอกับอาการบาดเจ็บทันที ยิ่งทำให้ทุกอย่างช้ากว่าที่ควรจะเป็นหลายเท่า และกลายเป็นการ “เล่นไปเรียนรู้ไป” ในระหว่างฤดูกาล ทำให้ เมริโน่ ในเวลานี้ยังไม่ใช่เวอร์ชั่นที่ดีที่สุดอย่างที่ควรจะเป็น
ในทางกลับกัน ยูเรี่ยน ทิมเบอร์ เป็นอีกเกมที่แสดงผลงานได้ดีในตำแหน่งแบ็คซ้าย เติมเกมรุกได้อย่างเข้าจังหวะ และเป็นแบ็คจอมบุกที่ช่วยแบ่งเบาภาระ มาร์ติเนลลี่ได้ มากพอสมควร เพียงแต่ว่าปลายทางกับการเข้าทำนั้น บอลสุดท้ายก็ยังดีไม่พอจะสร้างโอกาสได้เต็มที่นัก เมื่อเจอกับเกมรับที่แน่นหนาของอินเตอร์ มิลาน อย่างไรก็ตามหลังการบาดเจ็บนานไปถึง 11 เดือนเต็ม จนถึงตอนนี้แนวรับดัตซ์แมนกำลังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ที่เหลือคือมารอดูกันว่าเขาจะยืนระยะลงเล่นเต็ม 90 นาทีได้ต่อเนื่องนานเท่าไร และปัญหาบาดเจ็บจะกลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้งหรือไม่