เลสเตอร์ 1-2 เชลซี : เก็บตกประเด็นหลังเกม สิงห์บลูส์ ยังฟอร์มแรงใช้ได้หลังบุกยิง จิ้งจองสยาม คาบ้าน

เอ็นโซ่ ฟอร์มแรงไม่ไหว !

เรียกได้ว่าตั้งแต่ประกาศเป็นโสดมา แม้จะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไรแต่ก็ต้องยอมรับว่าฟอร์มของ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ กระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจริง ๆ โดย 4 นัดหลังสุดที่ลงเล่นให้กับ เชลซี เจ้าตัวทำไปได้ถึง 1 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ ซึ่งส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ โรเมโอ ลาเวีย เริ่มขยับขึ้นมาเบียดตำแหน่งตัวจริงอย่างจริงจังแล้วด้วย

ในเกมนี้ เอ็นโซ่ รับบทบาทมิดฟิลด์ บ๊อกซ์ ทู บ๊อกซ์ ที่จะเคยเติมขึ้นไปผสานงานกับ โนนี่ มาดูเอเก้ ทางด้านขวาอยู่ตลอด และจะคอยสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษจนมีจังหวะได้ครอสบอลหลายครั้ง ซึ่งที่มาได้ผลจริง ๆ ในช่วงครึ่งแรกก็คือประตูขึ้นนำที่ เอ็นโซ่ วิ่งเข้าช่วย แจ็คสัน เพรสซิ่งจนบอลกระเด็นไปเข้าทาง แจ็คสัน ซัดเข้าไปไม่เหลือ ก่อนจะมายิงประตูได้เองในครึ่งหลังจากจังหวะเก็บตกที่ แจ็คสัน โหม่งไปติดผู้รักษาประตู

สถิติของ เอ็นโซ่ เกมเจอ เลสเตอร์ ซิตี้
โอกาสยิง 3 ครั้ง
ทำประตูได้ 1 ลูก
สร้างสรรค์โอกาสทอง 3 ครั้ง
เรียกฟาล์ว 2 ครั้ง
เข้าปะทะสำเร็จ 5 ครั้ง

แจ็คสัน ฟอร์มเปรี้ยงแบบนี้ เอ็นคุนคู จะอยู่ยังไงล่ะ ?

ไม่ว่าใครจะว่า นิโคลาส แจ็คสัน เป็นกองหน้าสากกระเบือยังไง หากคุณได้ชมเกม เชลซี ที่มีดาวเตะชาว เซเนกัล ผู้นี้ยืนค้ำหน้าเป้าในซีซันนี้ก็จะเห็นได้เลยว่า แจ็คสัน มีประโยชน์กับทีมมากขนาดไหน เพราะนอกจากเจ้าตัวจะมีพัฒนาการเรื่องการจบสกอร์ที่เฉียบคมขึ้น จังหวะเกมโอเพ่นเพลย์ต่าง ๆ แจ็คสัน ก็ยกระดับขึ้นมาช่วยทีมได้มากเช่นกัน

ซีซันนี้จะเห็นได้เลยว่า แจ็คสัน มีทัศนคติการเล่นฟุตบอลเป็นทีมมากขึ้น เลือกตัดสินใจในพื้นที่สุดท้ายได้ดีกว่าเดิม ส่วนเรื่องการจบสกอร์ก็น้อยครั้งที่ดาวเตะผู้นี้จะปล่อยหมูหกไปแบบที่เคยทำเมื่อซีซันก่อน จึงเป็นที่มาว่าทำไม แจ็คสัน ถึงถูกเลือกเป็นตัวจริงก่อนหน้า คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ตลอด

ในขณะที่ เอ็นคุนคู สามารถยิงประตูได้มากถึง 10 ลูกจนขึ้นเป็นดาวซัลโวของทีมในปัจจุบัน สิ่งที่ดาวเตะชาว ฝรั่งเศส ยังคงเป็นรองคือความเข้าอกเข้าใจเพื่อนร่วมทีมและการเล่นให้เข้าขาเหมือนที่ แจ็คสัน ทำได้ น่าสนใจว่าสถานการณ์ของ เอ็นคุนคู ที่มีดีพอจะเป็นกองหน้าตัวจริงของสโมสรใน ยุโรป จะดำเนินต่อไปอย่างไร

กรรมการ พรีเมียร์ลีก ยังตาถั่วเหมือนเดิม

ขึ้นชื่อว่าเป็นกรรมการ พรีเมียร์ลีก คงไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลาถึงความมึนงงในการตัดสิน โดยวันนี้ผู้ตัดสินคือ แอนดี้ แมดลีย์ ก็สร้างเรื่องไว้ไม่น้อยเช่นกัน ส่งผลให้แฟนบอลทั้งสองทีมรวมถึงผู้จัดการทีมอย่าง สตีฟ คูเปอร์ ต้องหัวร้อนไปตาม ๆ กัน

จังหวะแรกเกิดขึ้นในตอนที่ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ กระโดดเสียบใส่ โคล พาลเมอร์ จากด้านหลัง ซึ่งเมื่อมาดูภาพช้าจะเห็นว่า เอ็นดิดี้ ทำการเปิดปุ่มใส่เอ็นร้อยหวายของ พาลเมอร์ โดยอาจจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ถ้าหากมองรูปการณ์ของการเข้าปะทะแล้ว จังหวะนี้มีโอกาสเป็นใบแดงสูงมาก แต่เมื่อผู้ตัดสินปรึกษากับทีมงาน วีเออาร์ เอ็นดิดี้ กลับได้รับโทษเป็นเพียงแค่ใบเหลืองเท่านั้นทั้ง ๆ ที่เป็นการเข้าปะทะที่สุ่มเสี่ยงสุด ๆ

อีกจังหวะเป็นช่วงครึ่งหลังที่ เวสลีย์ โฟฟาน่า ทำฟาวล์ใส่ สเตฟี มาวิดีดี ในกรอบเขตโทษแต่ก็ดันรอดพ้นจากการทำเสียจุดโทษเช่นกัน จนหลังเกม สตีฟ คูเปอร์ กุนซือทีม จิ้งจอกสยาม ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์เหน็บผู้ตัดสินเลยทีเดียว เพราะถ้าหาก เลสเตอร์ ได้จุดโทษจากจังหวะนั้น ผลการแข่งขันอาจจะออกมาเป็นอีกหน้าหนึ่งก็เป็นได้