ลิเวอร์พูล 2-1 เชลซี : เก็บตกประเด็นหลังเกม สิงห์บลูส์ เจอ หงส์แดง เขี้ยวลากดินสอนเชิงที่ แอนฟิลด์
- เชลซี บุกไปแพ้ ลิเวอร์พูล 1-2 ทำให้ยังไม่สามารถทะลุขึ้นไปบนพื้นที่ท็อปโฟร์ได้
- โรเมโอ ลาเวีย และ รีซ เจมส์ พลิกโผออกสตาร์ทเป็นตัวจริง
- โดยรวม เชลซี เล่นดีขึ้นกว่าซีซันก่อน แต่อาจยังไม่ดีพอจะขึ้นไปเป็นแชมป์
รายการ | พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024/25 นัดที่ 8 |
---|---|
วันแข่งขัน | วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 |
สนาม | แอนฟิลด์ |
ผลการแข่งขัน | ลิเวอร์พูล 2-1 เชลซี |
จังหวะเกือบโดนใบแดงช่วงต้นเกมของ โทซิน
นอกจากผลสกอร์และรายละเอียดของเกมที่มีเรื่องให้พูดถึงกันไม่น้อย หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือจังหวะที่ โทซิน อดาราบิโอโย่ รอดพ้นจากการโดนใบแดงไล่ออกในช่วงครึ่งแรกซึ่งเป็นอีกหนึ่งครั้งที่สะท้อนให้เห็นมาตรฐานการตัดสินที่แกว่งไปแกว่งมาของกรรมการ พรีเมียร์ลีก
จังหวะดังกล่าวเกิดขึ้นในนาทีที่ 6 ของเกม โดยเป็นจังหวะที่ เจดอน ซานโช่ ไปเสียบอลในกรอบเขตโทษ ลิเวอร์พูล ก่อนจะโดนสาดบอลยาวสวนกลับมาจน ดิโอโก้ โจต้า เกือบได้โอกาสหลุดเดี่ยว ถ้าไม่เป็น โทซิน อดาราบิโอโย่ ที่ฉุดกระชากลากดึงดาวเตะชาว โปรตุกีส จนล้มลงไปนอนกับพื้น พร้อมโดนใบเหลืองจากการไปทำฟาล์วอย่างชัดเจน
สิ่งที่น่าแปลกใจคือการที่กรรมการควักแค่ใบเหลืองออกมาลงโทษ อดาราบิโอโย่ ทั้ง ๆ ที่ตำแหน่งทำฟาล์วคือเจ้าตัวอยู่ในฐานะกองหลังตัวสุดท้าย และถ้าหาก โจต้า หลุดจากตรงนั้นไปก็จะได้ดวลเดี่ยวกับ โรเบิร์ต ซานเชซ แน่นอน
ผู้ตัดสินให้เหตุผลว่า ลีไว โคลวิลล์ อยู่ใกล้จากจุดเกิดเหตุและมีโอกาสที่จะวิ่งเข้ามาซ้อนได้ทัน ซึ่งฟังแล้วก็ทะแม่ง ๆ ชอบกล เพราะ วิลเลี่ยม ซาลิบา ของ อาร์เซน่อล เพิ่งโดนใบแดงไล่ออกจากการทำแบบเดียวกันมาหมาด ๆ ในเกมคืนก่อนหน้า
แมตช์นี้จึงเป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นว่ามาตรฐานการตัดสินของ พรีเมียร์ลีก มีความเอาแน่เอานอนไม่ได้จริง ๆ
หรือ ลาเวีย จะดีกว่า เอ็นโซ่ ?
โรเมโอ ลาเวีย ที่เพิ่งหายเจ็บได้ไม่นาน มีชื่อออกสตาร์ทเป็นตัวจริงคู่กับขาประจำอย่าง มอยเซส ไกเซโด้ ทำให้ก่อนเกมแฟน เชลซี จำนวนไม่น้อย มีความเป็นห่วงว่าแดนกลางของทีม สิงห์บลูส์ วันนี้จะมีปัญหาในการต่อกรกับแผงกองกลางของ ลิเวอร์พูล หรือเปล่า
แต่ ลาเวีย ใช้เวลาไม่นานแสดงให้เห็นว่า เอ็นโซ่ มาเรสก้า คิดถูกที่เลือกเขาลงสนามก่อน เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ โดยเจ้าตัวใช้ทักษะและไหวพริบในการพลิกบอลเอาชนะเกมเพรสซิ่งของ ลิเวอร์พูล อย่างน่าประทับใจ ทำให้เล่นไปเล่นมา ลิเวอร์พูล ต้องยอมไม่กดดันสูงเพราะ ลาเวีย เป็นตัวช่วยแกะบอลออกจากแดนหลังได้หมด
ส่วนครึ่งหลังขาประจำอย่าง เอ็นโซ่ แฟร์นันเดซ ถูกส่งลงมาแทนเนื่องจาก ลาเวีย ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ ซึ่งเห็นได้เลยว่าเกมของ เชลซี ตันลงพอสมควร ทั้งโอกาสสร้างสรรค์เกมและการออกบอลเร็วต่างมีประสิทธิภาพลดลงพอควร จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจว่า ลาเวีย จะก้าวขึ้นมาเสียบตำแหน่ง เอ็นโซ่ ได้ในอนาคตหรือไม่ เพราะดูแล้วนาทีนี้เจ้าตัวดูจะเล่นเข้าขากับ ไกเซโด้ ได้มากกว่า
รีซ เจมส์ พลิกโผออกสตาร์ทเป็นตัวจริง
หนึ่งสิ่งที่เหนือความคาดหมายของแฟนบอล เชลซี คือการที่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เลือกส่ง รีซ เจมส์ ลงเล่นเป็นตัวจริงทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บมาสด ๆ ร้อน ๆ ซึ่งเรียกได้ว่ามีความเสี่ยงสูงทั้งในเรื่องของผลการแข่งขันและสภาพร่างกายของ เจมส์ เองด้วย เพราะนี่ไม่ใช่แค่เกมธรรมดา แต่เป็นหนึ่งในเกมที่มีความเข้มข้นสูงสูงของฤดูกาลเลยทีเดียว
ผลออกมาคือ รีซ เจมส์ ยังมีจุดบกพร่องในเรื่องความฟิตให้เห็นอยู่พอสมควร มีหลายจังหวะที่ถูกตัวรุกของ ลิเวอร์พูล เผาเครื่องหรือไม่ก็เสียเหลี่ยมบอลให้แบบง่าย ๆ แถมยังมีจังหวะคิดช้าทำอะไรช้าจนทีมเสียกระบวนอยู่หลายครั้ง ซึ่งถ้าจะมีข้อดีก็คือเขาสามารถช่วยให้ เชลซี ออกบอลพาบอลจากแดนหลังได้ไม่แย่ และที่สำคัญคือเจ้าตัวรักษาสภาพร่างกายให้ไม่บาดเจ็บได้ในเกมนี้
เชลซี ดีขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ดีพอจะขึ้นไปท้าชิงแชมป์
แม้จะไม่สามารถควักแต้มออกมาจาก แอนฟิลด์ ได้ แต่สิ่งที่พลพรรค สิงห์บลูส์ ควรต้องภาคภูมิใจก็คือพวกเขามีพัฒนาการขึ้นจากซีซันที่แล้วอย่างชัดเจน ทั้งในรูปแบบการเล่น และในเรื่องของสภาพจิตใจที่นักเตะวิ่งสู้ฟัดอยากเอาชนะกันจนวินาทีสุดท้าย
โดยตั้งแต่กรรมการเป่านกหวีดเขี่ยลูกเริ่มเล่น เชลซี มีโอกาสครองบอลโถมเกมบุกใส่ ลิเวอร์พูล อย่างชัดเจน ซึ่งน่าแปลกใจมากเพราะมีไม่กี่ทีมบนโลกที่สามารถทำให้ ลิเวอร์พูล ลงไปแพ็คเกมรับกลางสนามได้ จนตัวเลขหลังจบเกมออกมา เชลซี ครองบอลไปทั้งหมด 57.5 %, สร้างโอกาสยิงได้ 12 ครั้ง (มากกว่า ลิเวอร์พูล 3 ครั้ง) และได้โอกาสเตะมุมถึง 6 ครั้ง ในขณะที่ทีมเจ้าบ้านเตะมุมไปเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ฟุตบอลวัดผลแพ้ชนะกันที่จำนวนการยิงประตู ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าแม้ ลิเวอร์พูล จะทำเกมรุกบุกใส่หรือครองเกมได้น้อยกว่า แต่พวกเขามีความเฉียบคมมากกว่า เชลซี หลายขุม ส่วนลูกทีมของ มาเรสก้า ก็ยังไม่สามารถคุมสมาธิได้ดีนักจนมีโอกาสเล่นพลาดหลังบ้านให้เห็นอยู่หลายครั้ง และการที่ผลสกอร์ออกมาเป็นหน้าชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ก็ต้องบอกว่าเหมาะสมทุกประการแล้ว