นิวคาสเซิล 2-0 เชลซี : เก็บตกประเด็นหลังเกม สิงห์บลูส์ เปลี่ยน 11 ผู้เล่นตัวจริงยกชุดทำบุกพ่าย สาลิกาดง ตกรอบลีกคัพ
- เชลซี เปลี่ยน 11 ผู้เล่นตัวจริงจนบุกไปแพ้ นิวคาสเซิล 2-0 ตกรอบ คาราบาว คัพ
- การเซ็ตบอลแดนหลังของ เชลซี ยังเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เสียประตูแบบเดิม ๆ
- เอ็ดดี้ ฮาว สั่งลูกทีมเล่นเกมเพรสซิ่งสูงจน เชลซี ทำเกมรุกกันไม่ได้เลย
รายการ | คาราบาว คัพ รอบ 16 ทีม |
---|---|
วันแข่งขัน | คืนวันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 |
สนาม | เซนต์ เจมส์ พาร์ค |
ผลการแข่งขัน | นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-0 เชลซี |
มาเรสก้า เปลี่ยนทีมยกชุด !
แม้จะรู้ดีว่ามีความเสี่ยงสูง แต่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ก็ยังคงคอนเซปต์เดิมในการเปลี่ยนผู้เล่นยกชุด 11 ตัวจริงจากเกม พรีเมียร์ลีก ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการเดิมพันที่หลายคนอาจจะไม่ชอบใจนักโดยเฉพาะเมื่อต้องออกไปเยือน นิวคาสเซิล ถึง เซนต์ เจมส์ พาร์ค
ว่ากันตามตรง 11 ผู้เล่นตัวจริงชุดนี้ของ เชลซี อาจพอไปวัดไปวาได้เมื่อลงฟาดแข้งกับเหล่าบรรดาทีมระดับกลางถึงล่างเหมือนที่ผ่าน ๆ มา แต่กับ นิวคาสเซิล ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมระดับกลางค่อนบนของ พรีเมียร์ลีก การจัดผู้เล่นลงแบบนี้จึงต้องทำใจยอมรับว่าความปราชัยอาจรออยู่หลังจบการแข่งขัน ซึ่งก็ไม่ผิดคาด
เอาจริง ๆ ก็น่าเห็นใจ เอ็นโซ่ มาเรสก้า เพราะหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจจัดผู้เล่นชุดนี้ลงก็คือเกมช่วงสุดสัปดาห์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งต้องออกไปเยือนถึง โอล แทรฟฟอร์ด รวมถึงทีม ปีศาจแดง เพิ่งจะปลดกุนซืออย่าง เอริก เทน ฮาก ออกไปสด ๆ ร้อน ๆ จึงทำให้กุนซือทีม เชลซี อาจยังคาดเดาแนวทางการเล่นไม่ถูกจึงต้องการเก็บชุดผู้เล่นที่ดีที่สุดไว้บู๊ในนัดนั้น
เชลซี เสียประตูแบบเดิม ๆ
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราได้เห็น เชลซี เสียประตูจากการทำงานผิดพลาดของกองหลังและผู้รักษาประตู ซึ่งก็ยังเป็นจุดที่แก้ไม่ตก มิหนำซ้ำยังเป็นจุดชี้ขาดผลการแข่งขันในนัดนี้เลยด้วยซ้ำ
จังหวะความผิดพลาดในวันนี้เกิดขึ้นตั้งแต่กรรมการเริ่มเป่านกหวีดเริ่มเกม โดยทั้ง เบอนัวต์ บาเดียชิลล์, โทซิน อดาราบิโอโย่, และ ฟิลิป ยอร์เกนเซ่น ต่างผลัดกันสร้างความหวาดเสียวในแดนหลังเพราะไม่สามารถรับมือการเพรสซิ่งหนักจากผู้เล่น นิวคาสเซิล ได้ดีนัก จนสุดท้ายมาโดนตัดบอลหน้ากรอบเขตโทษและเป็น อเล็กซานเดอร์ อิซัค ที่ได้โอกาสส่องเข้าไปแบบนิ่ม ๆ
เป็นที่เข้าใจได้ว่า เอ็นโซ่ มาเรสก้า พยายามให้ลูกทีมเซ็ตบอลจากแดนหลังคล้าย ๆ กับที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ในความเป็นจริงคือผู้เล่นแดนหลังของทีม เรือใบสีฟ้า มีความสามารถเฉพาะตัวและความเข้าใจเกมมากกว่ากองหลัง เชลซี ชุดนี้มาก แถมกองกลางตัวรับอย่าง โรดรี้ เพียงคนเดียวก็สามารถแก้เพรสซิ่งได้อย่างแยบยล ต่างกับ เรนาโต้ เวก้า และ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ ที่พลิกตัวทำอะไรก็ช้าไปหมด
ไม่รู้ว่าเราจะต้องเห็น เชลซี เสียประตูง่าย ๆ แบบนี้อีกกี่ครั้ง เพราะ มาเรสก้า เคยออกมายอมรับว่าทราบถึงปัญหานี้ดีแต่ทุกอย่างก็ต้องใช้เวลาในการปรับตัว จึงทำให้แฟน เชลซี ได้แต่ภาวนาว่าเหล่าบรรดากองหลังและผู้รักษาประตูจะเข้าใจปรัชญาการเล่นแบบนี้ได้ไว ๆ ด้วยเถิด
เอ็ดดี้ ฮาว สั่งลูกทีมบีบอัดอย่างหนัก !
หลังบุกไปเจอความปราชัยที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เอ็ดดี้ ฮาว ทำการปรับหมากผู้เล่นพอสมควร แต่ยังคงยึดผู้เล่นชุดตัวจริงไว้เพือเอาไว้ล้างแค้นทีม สิงห์บลูส์ ซึ่งสิ่งที่ นิวคาสเซิล ทำได้ดีมาก ๆ ในวันนี้คือการเล่นเกมเพรสซิ่งสูงจน เชลซี ไปกันแทบไม่เป็น
ครึ่งแรกจะเห็นได้เลยว่า เชลซี ครองบอลเยอะกว่าก็จริง แต่แทบไม่มีการเชื่อมต่อทำเกมรุกขึ้นไปในพื้นที่อันตรายได้ สาเหตุมาจากการที่ นิวคาสเซิล เดิมพันบีบสูงยันหน้ากรอบเขตโทษ ทำให้ผู้เล่น เชลซี ทำได้เพียงสาดบอลยาวขึ้นหน้าไปซึ่ง เจา เฟลิกซ์ กับ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ก็เก็บบอลไม่ค่อยได้ รวมถึงการได้ แอนโธนี่ กอร์ดอน ที่มีความเร็วกลับมาลงสนามก็ยิ่งช่วยให้แผนการเล่นนี้ลงตัวมากขึ้น
การจัดทัพของ มาเรสก้า ก็มีส่วนให้แผนการณ์ของ เอ็ดดี้ ฮาว ยิ่งทรงประสิทธิภาพเข้าไปใหญ่ เพราะผู้เล่นที่มีความสามารถในการแกะเพรสซิ่งอย่าง โคล พาลเมอร์, นิโคลาส แจ็คสัน, มอยเซส ไกเซโด้, และ โรเมโอ ลาเวีย ไม่ได้ลงสนาม ทำให้ เชลซี มีเพียงนักเตะที่คิดช้า ทำช้า พลิกตัวช้า ซึ่งไม่เหมาะสมกับสถานการณ์เกมแบบนี้อย่างแรง
เกิดอะไรขึ้นกับ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ ?
ย้อนกลับไปเมื่อทัวร์นาเม้นต์ ฟุตบอลโลก 2022 เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ เป็นนักเตะดาวรุ่งผู้พาทีมชาติ อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์พร้อมรับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมไปครองได้สำเร็จ จนสุดท้าย เชลซี ยอมทุ่มเงินกระชากเขามาร่วมทัพด้วยสนนราคาค่าตัว 106.8 ล้านปอนด์
ครึ่งฤดูกาลแรกที่ เอ็นโซ่ ย้ายมาค้าแข้งใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้องยอมรับว่าเขาคือคนที่ยกระดับให้แผงกองกลาง เชลซี มีความมั่นคงและน่าเกรงขามขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งบอลสั้นและบอลยาวที่ออกจากเท้า เอ็นโซ่ ต่างมีลุ้นที่จะเป็นประตูแทบทั้งนั้น แต่ในวันนี้มันกลับไม่ใช่แบบนั้นแล้ว..
ฟอร์มของ เอ็นโซ่ เริ่มดิ่งลงเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วงซีซันก่อนซึ่ง เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จับเขาไปยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกทำให้คุณภาพการออกบอลจากแนวลึกถูกตัดทอนออกไป เป็นสาเหตุให้ เอ็นโซ่ ที่ไม่ใช่นักเตะสายเทคนิค ความเร็ว งัดฟอร์มเด็ดออกมาไม่ออก
มาในซีซันนี้กุนซือใหม่อย่าง มาเรสก้า ก็ยังคงจับ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางที่ต้องอาศัยความคล่องแคล่วว่องไวพอสมควร และก็เหมือนเดิมคือเจ้าตัวทำออกมาได้ไม่ดีนัก ส่วนในเกมนี้แม้จะได้เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรับก็จริง แต่ฟอร์มของดาวเตะชาว อาร์เจนติน่า เรียกได้ว่าหลุดไปไกลแล้ว
ฝันร้ายออก เฟอร์นันเดซ อาจไม่จบลงง่าย ๆ เพราะในซีซันนี้มี โรเมโอ ลาเวีย ก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งผู้ท้าชิงคนสำคัญ ซึ่งจนถึงตอนนี้ดูเหมือนว่า ลาเวีย จะก้าวนำเขาไปแล้วเล็กน้อยอีกด้วย และถ้าหากดาวเตะชาว อาร์เจนไตน์ ยังเร่งฟอร์มไม่ขึ้น มีหวังว่าเขาจะได้กลายเป็นผู้เล่นตัวสำรองอย่างแน่นอน