10 โคตรแมตช์ฟุตบอลยอดเยี่ยมที่สุดแห่งทศวรรษ - Ranked
โดย โตมร นวลประเสริฐ
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเกมการแข่งขันฟุตบอลที่ตราตรึง ประตูที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ ดราม่าวินาศสันตะโร และเกมคุณภาพที่ยอดเยี่ยมมากมาย
ไล่เรียงตั้งแต่ ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก และ ลา ลีกา ทั้งหมดนั่นถูกจารึกเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลและจะไม่ถูกลืมเลือน เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้ฟุตบอลมีความหมายต่อเหล่าแฟนบอลทั่วโลก
และเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 10 ปีของ 90min เราจึงหยิบยก 10 เกมการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งทศวรรษดังนี้
10. บาร์เซโลนา 2-2 เชลซี เมษายน 2012
เชลซี เป็นหนึ่งในทีมหัวแถวของยุโรปในช่วงไม่กี่ก่อนหน้านี้ แต่นั่นไม่ใช่สถานะของพวกเขาในปี 2012 เมื่อทีมอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ในขณะที่ บาร์เซโลนา อยู่ในช่วงครองความยิ่งใหญ่กับการเป็นทีมชุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลของประวัติศาสตร์ลูกหนัง
ฤดูกาลดังกล่าวยังเป็นซีซันที่ ลิโอเนล เมสซี ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุดกับสถิติ 73 ประตูตลอดการแข่งขัน 2011/12 แต่ถึงอย่างนั้นทัพ สิงห์บลู ก็ออกสตาร์เลกแรกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยการคว่ำ บาร์ซา เอาชนะพวกเขาได้สำเร็จ ก่อนที่จะสามารถไปยันเสมอ 2-2 ที่ คัมป์นู จากประตูของ เฟร์นันโด ตอร์เรส
9. ลิเวอร์พูล 4-0 บาร์เซโลนา พฤษภาคม 2019
ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมแรกในรูปแบบการแข่งขัน แชมเปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นทีมแรกหากนับรวมตั้งแต่ ยูโรเปี้ยนคัพ 1986 ที่สามารถพลิกสถานการณ์จากการเป็นฝ่ายตามหลัง 3-0 ในเลกแรกของรอบรองชนะเลิศกลับมาเอาชนะคู่ต่อสู้ กลายเป็นทีมเข้าชิงฯ สำเร็จ
หงส์แดง ที่ไร้คีย์แมนอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และโรแบร์โต้ ฟิร์มิโน สร้างเทพนิยายโดย ดิว็อค โอริกี รับบทพระเอกจากการพังประตูเบิกร่องและประตูชัยปิดท้ายทำให้ แอนฟิลด์ แทบจะพังทลายจากการดีใจของเหล่า เดอะค็อป ในนั้น
8. สเปน 1-5 เนเธอร์แลนด์ มิถุนายน 2014
ทีมชาติ สเปน เดินหน้าสู่ ฟุตบอลโลก 2014 ด้วยศักดิ์ศรีแชมป์ ยูโร 2012, แชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และ แชมป์ ยูโร 2008
ไม่มีใครคาดคิดว่าทัพ กระทิงดุ จะเปิดหัวด้วยการปราชัยต่อ เนเธอร์แลนด์ แบบขาดลอยขนาดนี้ โดยประตูที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ทำได้จากการลอยตัวโขกสุดสวยยังได้รับรางวัล ปุสกัส อวอร์ด ในปีดังกล่าว
สเปน ลงเอยด้วยการจบอันดับ 3 ของรอบแบ่งกลุ่ม ร่วงรอบแรก ฟุตบอลโลก ขณะที่ทัพ อัศวินสีส้ม เข้าป้ายคว้าอันดับที่ 3 ของทัวร์นาเมนต์
7. เรอัล มาดริด 2-3 บาร์เซโลนา เมษายน 2017
เอล กลาซิโก้ ที่ ซานติเอโก้ เบอร์นาเบว ในปี 2017 เป็นหนึ่งในการพบกันระหว่าง บาร์เซโลนา กับ เรอัล มาดริด ที่สถานการณ์ตึงเครียดที่สุดในรอบหลายปี
ราชันชุดขาว มีแต้มนำเป็นจ่าฝูง คั่วแชมป์ ลา ลีกา สมัยแรกนับตั้งแต่ปี 2012 โดยนำ บาร์ซา ในอันดับที่ 2 อยู่ 3 คะแนน แต่การปราชัยคารังต่ออริตัวฉกาจของพวกเขาก็ทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์กลับมาเท่ากันอีกครั้ง โดยคนยิงประตูชัยของพลพรรค อาซูลกรานา เป็นคนอื่นไปไม่ได้นอกจาก ลิโอเนล เมสซี นั่นเอง
6. แมนฯ ซิตี้ 4-3 สเปอร์ส เมษายน 2019
หลังจากที่คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาในฤดูกาลก่อนหน้านี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตั้งความไว้หวังสูงกับฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซีซันถัดมาโดยมี สเปอร์ส เป็นก้างขวางคอในรอบก่อนรองชนะเลิศ
ความพ่ายแพ้ของ ซิตี้ 1-0 ในเลกแรกทำให้พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากโหมบุกเพื่อกำชัยเหนือ ไก่เดือยทอง ให้ได้ในเลกที่ 2 ใน ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม เกมเข้าสู่ช่วง 20 นาทีสุดท้ายกับสกอร์ 4-3 ที่ เรือใบสีฟ้า เป็นฝ่ายนำ แต่พวกเขาต้องการอีกประตูเมื่อ สเปอร์ส ได้เปรียบจากกฎประตูทีมเยือน
ราฮีม สเตอร์ลิง สร้างปาฏิหาริย์ส่งบอลสู่ก้นตาข่ายในช่วงท้ายและดูเหมือนจะเป็นประตูส่ง ซิตี้ สู่รอบตัดเชือกทว่าถูก VAR ปฎิเสธและจบเกมด้วยชัยชนะของลูกทีม เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ด้วยอเวย์โกล
5. อาแจ็กซ์ 2-3 สเปอร์ส พฤษภาคม 2019
หลังจากที่ สเปอร์ส โกงตายมาในรอบ 8 ทีมสุดท้ายของฤดูกาลดังกล่าวเมื่อบด แมนฯ ซิตี้ มาได้ด้วยกฎประตูทีมเยือน พวกเขาสร้างความหัศจรรย์ในครึ่งหลังของเลกที่ 2 ใน โยอัน ครัฟฟ์ อารีนา
2 ประตูที่ อาแจ็กซ์ ทำได้ในครึ่งแรกทำให้สกอร์รวมอยู่ที่ 3-0 ทุกอย่างเข้าทางเจ้าถิ่น แต่แล้วการไล่ตีตื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วในครึ่งหลังโดย ลูคัส มูรา ตั้งแต่นาทีที่ 55, 59 ทำให้เกมคงความเข้มข้นจนถึงนาทีสุดท้าย และเราหมายถึงนาทีสุดท้ายจริงๆ
ลูคัส ซัดแฮตทริคสำเร็จในนาทีที่ 90+6 พา สเปอร์ส ดับ อาแจ็กซ์ ชุดโกลเด้นเจเนเรชันด้วยกฎประตูทีมเยือน กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
4. บาร์เซโลนา 2-8 บาเยิร์น มิวนิค สิงหาคม 2020
การแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศของฤดูกาล 2019/20 ถูกบีบให้เหลือการแข่งขันเพียงนัดเดียวชี้ชะตาที่สนามกลาง ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด-19 และมันกลายเป็นหนึ่งในเกมที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บาร์ซา ถึงขนาดที่ ลิโอเนล เมสซี ร้องขอต้นสังกัดย้ายทีมไม่นานหลังจากนั้น
ทัพ เสือใต้ ใส่สกอร์ไม่เลี้ยงใส่ อาซูลกรานา 4 ประตูตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก ก่อนจะรัวยิงอีก 4 ประตูในครึ่งเวลาหลัง
บาเยิร์น มิวนิค ลงเอยด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลดังกล่าวเมื่อดับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในนัดชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 1-0
3. แมนฯ ซิตี้ 3-2 คิวพีอาร์ พฤษภาคม 2012
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลงเล่นนัดสุดท้ายของศึก พรีเมียร์ลีก 2011/12 ด้วยเงื่อนไขที่ว่าชัยชนะในเกมนี้จะทำให้การรอคอยแชมป์ลีกสูงสุดเป็นระยะเวลา 44 ปีสิ้นสุดลง
การณ์กลายเป็นว่า ซิตีเซนส์ ตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไปก่อนที่สกอร์ 2-1 แต่แล้วประตูตีเสมอ 2-2 โดย เอดิน เซโก้ ในนาทีที่ 90+1 ก็ต่อลมหายใจให้กับ เรือใบสีฟ้า กระทั่ง เซร์คิโอ อเกวโร กลายเป็นฮีโร่ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายของเกม กระชากถ้วยแชมป์จากอริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาครองสำเร็จ
2. บาร์เซโลนา 6-1 เปแอสเช มีนาคม 2017
การคัมแบ็คของ บาร์เซโลนา ในเกมนี้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดที่มันมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ลา เรมอนตาดา (La Remontada) ที่ในบริบทนี้หมายความว่า 'การกลับมา'
ทัพ อาซูลกรานา ตกเป็นฝ่ายปราชัยด้วยสกอร์ขาดลอย 4-0 ในเลกแรกที่ ปาร์ก เด แปรงซ์ และจ่อที่จะกลายเป็นการตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในรอบที่เร็วที่สุดหากนับช่วง 10 ปีก่อนหน้านั้น
พวกเขาออกสตาร์ทในเลกที่ 2 กับถิ่น คัมป์นู ด้วยการเรียงคิวใส่สกอร์ 3-0 อย่างรวดเร็วทว่าถูก เอดินสัน คาวานี ตีไข่แตกทำให้งานของพวกเขายากขึ้นไปอีกเท่า
แต่ท้ายที่สุด การเร่งเครื่องซัลโว 2 ประตูหลังจากนั้นโดย เนย์มาร์ ก็ทำให้ บาร์ซา คึกจนถึงนาทีสุดท้ายและเป็น แซร์จี้ โรแบร์โต้ พังประตูปิดท้ายให้พวกเขาเข่น เปแอสเช ตกรอบสำเร็จ
1. บราซิล 1-7 เยอรมนี กรกฎาคม 2014
บราซิล มีความหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำให้การเป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก 2014 ถูกเติมเต็มด้วยการคว้าแชมป์สำเร็จที่บ้านของตนเอง หลังจากอกหักมาในปี 1950 กับนัดชิงชนะเลิศกับ อุรุกวัย
ทุกอย่างดูจะเป็นใจให้กับพลพรรค เซเลเซา นับตั้งแต่เริ่มทัวร์นาเมนต์ กระทั่งโปรแกรมการแข่งขันงวดเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเมื่อมี เยอรมนี ขวางทางพวกเขา
การไร้ เนย์มาร์ คีย์แมนที่ได้รับบาดเจ็บ ไปจนถึงการขาด ติอาโก้ ซิลวา ทำให้เกมตกเป็นของทัพ อินทรีเหล็ก โดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่อาจต้านทานความร้อนแรงของ เยอรมนี ได้ถึงขนาดที่เสีย 5 ประตูตั้งแต่ 29 นาทีแรกของเกม
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด