แอร์เบ ไลป์ซิก 2-1 แอตเลติโก มาดริด : เก็บตกทุกประเด็นหลัง เดอะเร้ดบูลส์ สร้างประวัติศาสตร์ตัดเชือก แชมเปี้ยนส์ลีก

RB Leipzig v Club Atletico de Madrid - UEFA Champions League Quarter Final
RB Leipzig v Club Atletico de Madrid - UEFA Champions League Quarter Final / Pool/Getty Images
facebooktwitterreddit

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน : คืนวันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม
ผลการแข่งขัน : แอร์เบ ไลป์ซิก 2-1 แอตเลติโก มาดริด
สนาม : เอสตาดิโอ โชเซ อัลบาลาเด้


แอร์เบ ไลป์ซิก สร้างประวัติศาสตร์กรุยทางสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรเมื่อ 11 ปีก่อนหลังคว่ำ แอตเลติโก มาดริด 2-1 จากประตูชัยในช่วงท้ายเกมของ ไทเลอร์ อดัมส์

RB Leipzig v Club Atletico de Madrid - UEFA Champions League Quarter Final
RB Leipzig v Club Atletico de Madrid - UEFA Champions League Quarter Final / Pool/Getty Images

การแข่งขันที่ โปรตุเกส ออกสตาร์ทอย่างร้อนแรงด้วยการที่ทั้ง 2 ฝ่ายพยายามเปิดเกมรุกอย่างรวดเร็วโดย ไลป์ซิก เป็นฝ่ายเหลื่อมกว่าเล็กน้อยจากสัดส่วนการครองบอลที่มากกว่า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีประตูเกิดขึ้นใน 45 แรกของการแข่งขัน

เกมทวีความร้อนแรงขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลังเมื่อ ดานี โอลโม ทะยานโหม่งลูกครอสเร็วของ มาร์แซล ซาบิตเซอร์ จากกราบขวาผ่านมือ แยน โอบลัค ตุงตาข่ายเป็นประตูขึ้นนำของ แอร์เบ ไลป์ซิก ในนาทีที่ 51 ทำให้พลพรรค ตราหมี ต้องเร่งเกมเพื่อทวงประตูคืน

ความพยายามของลูกทีม ดิเอโก้ ซิเมโอเน มาสำเร็จในนาทีที่ 71 เมื่อ ชูเอา เฟลิกซ์ ได้หลุดไปล่อเป้า ปีเตอร์ กูลาสชี เหน่งๆ ก่อนถูก ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ เสียบล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นลูกจุดโทษอย่างไม่ลังเลก่อนที่วันเดอร์คิดวัย 20 ปีจะลุกขึ้นมาสังหารไม่พลาด

เกมทำท่าจะยืดเยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่เกมรุก ไลป์ซิก ก็มาแผลงฤทธิ์ในนาทีที่ 88 เมื่อ อังเจลิโน ได้หลุดขึ้นไปที่กราบซ้ายก่อนตัดสินใจตบเลียดกลับมาที่แถวสองโดยมี ไทเลอร์ อดัมส์ ทะยานเติมขึ้นมาถึงหน้ากรอบเขตโทษ แต่งบอล 1 จังหวะก่อนยิงไปแฉลบกองหลัง ตราหมี เป็นประตู 2-1 และกลายเป็นประตูชัยของ ไลป์ซิก ในที่สุด


คะแนนนักเตะของทั้ง 2 ทีม
แอร์เบ ไลป์ซิก : กูลาสชี (7/10); ฮัลสเทนเบิร์ก (7/10), อูปาเมคาโน (9/10), คลอสเตอร์มันน์ (7/10), อังเจลิโน (8/10); ซาบิตเซอร์ (8/10), แคมเปิล (8/10), ไลเมอร์ (8/10); เอ็นคุนคู (5/10), โพลเซน (7/10), โอลโม (7/10)

ตัวสำรอง : อดัมส์ (7/10), ไฮดารา (5/10), ชิค (6/10)

แอตเลติโก มาดริด : โอบลัค (6/10); ทริปเปียร์ (5/10), ซาวิช (7/10), ฆิเมเนซ (7/10), โลดี (6/10); โกเก้ (6/10), ญีเกวซ (6/10), เอร์เรรา (5/10), คาร์ราสโก้ (6/10); ยอเรนเต้ (5/10), คอสต้า (4/10)

ตัวสำรอง : เฟลิกซ์ (8/10), โมราต้า (6/10), เฟลิเป้ (6/10)


เก็บตกประเด็นหลังเกม
ด้วยวัยเพียง 20 ปี ชูเอา เฟลิกซ์ ยังคงเดินหน้าสร้างความมหัศจรรย์แม้ว่าต้นสังกัดของเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ร่วงตกรอบศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ในเกมนี้ก็ตาม

RB Leipzig v Club Atletico de Madrid - UEFA Champions League Quarter Final
RB Leipzig v Club Atletico de Madrid - UEFA Champions League Quarter Final / Pool/Getty Images

โดย เฟลิกซ์ ถูกเปลี่ยนตัวลงสนามหลังเกมผ่าน 1 ชั่วโมงและสามารถเปลี่ยนโมเมนตัมของเกมได้ในทันทีหลังจากใช้เวลาในสนามราว 10 นาทีเท่านั้นเมื่อเจ้าตัวเล่นงาน ลูคัส คลอสเตอร์มันน์ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษจนปราการหลังชาว เยอรมนี ต้องเสียบสกัดจนเป็นเหตุให้เสียลูกจุดโทษก่อนที่เจ้าหนูดาวยิงวัยกระเตาะจะรับหน้าที่สังหารไม่พลาด

ขณะที่ฝั่ง ไลป์ซิก ต้องยกเครดิตให้กับ ดาโยต์ อูปาเมคาโนา ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลางที่แสดงความเป็นผู้นำในเกมรับอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงความโดดเด่นในการตั้งต้นเซ็ตเกมจากแดนหลัง และยังเข้าสกัดในจังหวะชี้เป็นชี้ตายได้อย่างเด็ดขาดจนไม่เป็นที่แปลกใจว่าเพราะเหตุใดบรรดาบิ๊กทีมทั่วยุโรปถึงต้องการลายเซ็นของเจ้าตัวในตลาดซื้อขายนักเตะ


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด