ย้อนรอย 6 นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษชี้ขาดในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา - FEATURE
1. ปี 2001 บาเยิร์น มิวนิค - บาเลนเซีย
เกมนัดชิงชนะเลิศที่ ซาน ซิโร เป็น บาเยิร์น มิวนิค ในยุคที่มี โอลิเวอร์ คาห์น บิเซนเต้ ลิซาราซู และโจวานี เอลแบร์ เป็นตัวชูโรง โคจรมาพบกับ บาเลนเซีย ที่มี อเมเดโอ คาร์บอนี กาอิซก้า เมนเดียต้า และ ปาโบล ไอมาร์ เป็นกำลังหลัก
ทัพค้างคาวออกนำก่อนจากจุดโทษของ เมนเดียต้า ตั้งแต่นาทีที่ 3 ก่อนที่ สเตฟาน เอฟเฟนเบิร์ก จะมายิงจุดโทษตีเสมอในนาทีที่ 50 และลากยาวไปจนดวลจุดโทษ ซึ่งสุดท้ายเป็น เสือใต้ ที่แม่นยำกว่าเอาชนะไปด้วยสกอร์ 5-4 หลังจากยิงไปทีมละ 7 คน
2. ปี 2003 ยูเวนตุส - เอซี มิลาน
เกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นศึกสายเลือดระหว่าง ยูเวนตุส ยุคที่มี จานลุยจิ บุฟฟอน ลิลิยง ตูราม อเลสซานโดร เดล ปิเอโร เป็นสตาร์ประจำทีม พบกับ เอซี มิลาน ที่มี มานูเอล รุย คอสต้า อันเดร เชฟเชนโก้ และ ฟิลิปโป้ อินซากี้ เป็นสามประสานในยุคนั้น ตลอด 120 นาทีทำอะไรกันไม่ได้เสมอกันด้วยสกอร์ 0-0 กระทั่งดวลจุดโทษเป็น ปีศาจแดงดำ ที่แม่นยำกว่า เอาชนะไปได้ 3-2 หลังจากยิงไปครบ 5 คน
3. ปี 2005 ลิเวอร์พูล - เอซี มิลาน
เกมที่ อทาเติร์ก ในกรุง อิสตันบูล เป็นอีกหนึ่งเกมในใจแฟน หงส์แดง หลาย ๆ คนที่ ลิเวอร์พูล ในปีแรกของ ราฟา เบนิเตซ เข้าชิงชนะเลิศกับ เอซี มิลาน ที่ยุคนั้นซูเปอร์สตาร์แทบล้นทีม แถมยังออกนำก่อน 3 ลูกตั้งแต่ครึ่งแรกจาก เปาโล มัลดินี และ เอร์นัน เครสโป ที่เหมาสองประตู แต่แล้วครึ่งหลังผู้ท้าชิงจากอังกฤษจัดการตีขึ้น 3 เม็ดรวดจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ และ ชาบี อลอนโซ กระทั่งลากยาวจนผ่าน 120 นาที สุดท้ายเป็น ลิเวอร์พูล ที่เฉียบขาดกว่าเอาชนะไปได้ 3-2 ชนิดที่ยังยิงไม่ครบ 5 คนเลยด้วยซ้ำ
4. ปี 2008 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เชลซี
เกมนัดชิงที่สนาม ลุซห์นิกิ กรุงมอสโคว เป็นการพบกันระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ยุคของ คริสเตียโน โรนัลโด้ พบกับคู่ปรับร่วมลีกอย่าง เชลซี ที่เพิ่งจะปลด โชเซ มูรินโญ ออกจากตำแหน่งไป โดยเป็น โรนัลโด้ ที่โขกขึ้นนำ ก่อนที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด จะมายิงตีเสมอได้สำเร็จ ทำให้จบ 120 นาทีเสมอกันอยู่ 1-1 ต้องมายิงจุดโทษชี้ขาด โดยเป็น ปีศาจแดง ที่แน่นอนกว่าเอาชนะไปได้อย่างหวุดหวิด 6-5 ในที่สุด
5. ปี 2012 เชลซี - บาเยิร์น มิวนิค
เป็นเกมที่ อลิอันซ์ อารีนา รังเหย้าของ บาเยิร์น มิวนิค ยุคที่มี อาร์เยน ร็อบเบน ฟร็องค์ ริเบรี และ มาริโอ โกเมซ เป็นตัวชูโรง พบกับ เชลซี ที่ใช้งานผู้จัดการทีมชั่วคราวอย่าง โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ คุมทีมแทน อังเดร วิลลาส-โบอาส ที่ถูกปลดจากตำแหน่งไป โดยเป็น เสือใต้ ที่ออกนำก่อนในช่วงท้ายเกมจาก โธมัส มึลเลอร์ แต่แล้ว ดิดิเยร์ ดร็อกบา ก็มาตีเสมอได้สำเร็จก่อนหมดเวลาไม่กี่นาที กระทั่งผ่าน 120 นาทีต้องมาดวลจุดโทษ และเป็น สิงห์บลู ที่แม่นยำกว่าคว้าแชมป์สมัยแรกในประวัติศาสตร์สโมสรมาครองได้สำเร็จ
6. ปี 2016 เรอัล มาดริด - แอตเลติโก มาดริด
เป็นการชิงชนะเลิศที่สนาม ซาน ซิโร และเป็นการพบกันระหว่างคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เรอัล มาดริด ที่มี คริสเตียโน โรนัลโด้ และ แอตฯ มาดริด ในยุคของ อ็องตวน กรีซมันน์ โดนเป็น ราชันชุดขาว ที่ออกนำก่อนจาก เซร์คิโอ รามอส ตั้งแต่ต้นเกม ก่อนที่ คาร์ราสโก้ จะมายิงตีเสมอเป็น 1-1 กระทั่งจบ 120 นาทียิงประตูกันเพิ่มไม่ได้ ทำให้ต้องไปดวลจุดโทษและเป็น เรอัล มาดริด ที่ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ 5-3 ในที่สุด
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด