จัดทีม 11 แข้งรวมดาว นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2021/22: ลิเวอร์พูล พบ เรอัล มาดริด XI
โดย โตมร นวลประเสริฐ
การรอคอยใกล้ที่จะได้บทสรุป
กับรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกฤดูกาลที่เต็มไปด้วยดราม่าและฟุตบอลระดับคุณภาพ โดยปีนี้เป็นการพบกันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ เรอัล มาดริด รีแมตช์นัดชิงฯ เมื่อปี 2018
จะมีอะไรน่าสนใจไปกว่าการโหมโรงด้วยการจัดทัพ 11 แข้งชุดผสมระหว่างแข้ง หงส์แดง กับพลพรรค ราชันชุดขาว และนี่คือทีมที่ดีที่สุดตามความคิดเห็นของ ไมเคิล โอเวน อดีตแข้งที่เคยเล่นให้กับทั้ง ลิเวอร์พูล และ เรอัล มาดริด
1. อลิสซอน เบ็คเกอร์ (GK)
อลิสซอน เบ็คเกอร์ เป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลกเวลานี้ชนิดไร้ข้อกังขา
นายด่านชาว บราซิล ยอดเยี่ยมทั้งการเตะเปิดเกมอย่างแม่นยำ มีปฎิกิริยาที่รวดเร็ว และเพิ่งคว้ารางวัลถุงมือทองคำของ พรีเมียร์ลีก ในซีซันล่าสุดเมื่อรักษา 20 คลีนชีทให้กับ หงส์แดง เทียบเท่า เอแดร์ซอน
2. เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (RB)
เพลย์เมคเกอร์ของ ลิเวอร์พูล ในตำแหน่งแบ็คขวาโดย เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่มีในตัวอย่างเต็มเปี่ยมด้วยวัยเพียง 23 ปี
เจ้าตัวกลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่ หงส์แดง ไม่อาจขาดได้โดยทำสถิติ 19 แอสซิสต์จากการลงสนาม 46 นัดเมื่อรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้
3. โจเอล มาติป (CB)
แม้จะไม่ใช่แข้งที่หวือหวานักแต่ มาติป เข้าคู่กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้อย่างลงตัว
ปราการหลังวัย 30 ปีเยือกเย็นกับการเซ็ตบอลที่หน้าปากประตูตนเอง แถมยังสามารถพาบอลจากแดนหลังขึ้นสู่แดนหน้า และมีส่วนร่วมกับการสร้างอันตรายในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง
4. เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (CB)
ความเร็ว พละกำลัง การยืนตำแหน่ง การดวลหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเอ่ยถึงคุณลักษณะใดที่กองหลังชั้นยอดจำเป็นต้องมีในตัว เวอร์จิล ฟาน ไดค์ สามารถตอบโจทย์คุณได้ในทุกหัวข้อ
เขากลายเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญพา เร้ดแมชีน ประสบความสำเร็จหลังย้ายมาจาก เซาแธมป์ตัน และการดวลระหว่างเจ้าตัวกับ คาริม เบนเซมา คือหนึ่งในไฮไลท์ที่เรารอชมในเกมนี้
5. แอนดี้ โรเบิร์ตสัน (LB)
ปิดท้ายแนวรับยกชุดจาก ลิเวอร์พูล ด้วย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ผู้ที่ตะบึงขึ้นลงที่กราบซ้ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มาดฟาดปาก ปะทะคารมชิงเหลี่ยมกับคู่แข่งของ ร็อบโบ้ ยังคงติดตาเราเมื่อเล่นงานนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี, ราฟินญา ไปจนถึง ทอม เดวีส์ จนดีกรีทะลักจุดเดือดมาแล้ว
6. ฟาบินโญ (CM)
เราสัญญาว่าจะใส่นักเตะ เรอัล มาดริด มาในลิสต์นี้อย่างแน่นอน แต่ตำแหน่งมิดฟิลด์คัดท้ายในเวลานี้ต้องยกให้ ฟาบินโญ
มิดฟิลด์ บราซิเลียน ใช้เวลาอยู่พักใหญ่หลังย้ายมาจาก โมนาโก กว่าที่จะปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ฟุตบอลของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้ แต่หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่ทีมไม่อาจขาดได้
7. โทนี โครส (CM)
ศักยภาพของ โทนี โครส ในการคุมเกมที่แดนกลางไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย
มิดฟิลด์ชาว เยอรมัน ยังคงผ่านบอลสร้างอันตรายได้เช่นเคย วิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมขับจุดเด่นดังกล่าวให้เขากลายเป็นหนึ่งในกองกลางระดับมันสมองที่หาตัวจับยาก
8. ลูก้า โมดริช (AM)
อายุที่มากขึ้นของ ลูก้า โมดริช มีแต่จะทำให้ฝีเท้าของเขายอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น ราวกับไวน์ที่ถูกหมักบ่มเอาไว้
ดีกรีแข้ง บัลลงดอร์ 2018 ยังคงทำผลงานในฟุตบอลระดับสูงสุดได้ไร้ที่ติ เขากลายเป็นตัวแปรสำคัญพลิกผลลัพธ์ให้ทัพ โลสบลังโกส ยามที่ทีมตกอยู่ในสถานการณ์คับขันได้บ่อยครั้ง
9. โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (RW)
แข้งระดับปรากฎการณ์ผู้ปลุกชีพ ลิเวอร์พูล ให้กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังย้ายมาร่วมทัพในซัมเมอร์ 2017
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นกุญแจสำคัญพา หงส์แดง ซิวแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในช่วงที่ผ่านมา และไม่เคยทำให้ทีมผิดหวังในช่วงเวลาสำคัญ นับเป็นโอกาสที่สำหรับเจ้าตัวที่จะได้ล้างตาจากนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2018 กับคู่แข่งทีมเดิม
10. คาริม เบนเซมา (ST)
นึกอะไรไม่ออก ให้บอก คาริม เบนเซมา
เจ้าของสถิติดาวซัลโว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ที่ 15 ประตู เขาตะบันแฮตทริคใส่ทีมอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ เชลซี ตามด้วยการมีส่วนสำคัญกับการพลิกนรกยิงใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบรองชนะเลิศ พาทีมกรุยทางสู่นัดชิงฯ สำเร็จ และเป็นหนึ่งในตัวเต็งแคนดิเดท บัลลงดอร์ ปีนี้
11. ซาดิโอ มาเน (LW)
ปิดท้ายด้วยแข้งที่ก้มหน้าทำผลงานให้กับทีมอย่างสม่ำเสมออย่าง ซาดิโอ มาเน
แม้อนาคตของเจ้าตัวที่ แอนฟิลด์ ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม แต่ประสบการณ์ในการพลิกสถานการณ์เกมใหญ่ให้กับ ลิเวอร์พูล ไม่เป็นที่กังขาแต่อย่างใด และซีซัน 2021/22 เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของเจ้าตัว (23 ประตู 5 แอสซิสต์จาก 50 เกม) โดยมีเพียงฤดูกาล 2018/19 เท่านั้นที่เจ้าตัวทำได้ดีกว่า (26 ประตู 5 แอสซิสต์)