เบรนท์ฟอร์ด 3-1 ลิเวอร์พูล: ชำแหละ 5 ประเด็นหลังความพ่ายแพ้ของ หงส์แดง เปิดหัวปีใหม่
โดย โตมร นวลประเสริฐ
รายการ: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2022/23
วันแข่งขัน: คืนวันจันทร์ที่ 2 มกราคม 2023
สนาม: จีเท็ค คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม
ผลการแข่งขัน: เบรท์ฟอร์ด 3-1 ลิเวอร์พูล
1. ปัญหาในการป้องกันลูกกลางอากาศของ ลิเวอร์พูล
หาก ลิเวอร์พูล ไม่ถูกเซฟด้วยวีเออาร์ในครึ่งแรก พวกเขาจะเสียเพิ่มอีก 2 ประตูจากการถูก เบรนท์ฟอร์ด เล่นงานด้วยลูกกลางอากาศในเกมนี้
แม้จะมี เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (195 เซ็นติเมตร) กับ อิบราฮิมา โคนาเต้ (194 เซ็นติเมตร) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถรับมือกับการโจมตีแบบไดเร็กต์และลูกสูตรเตะมุมที่ชาญฉลาดของเจ้าถิ่นได้
โคนาเต้ ไม่อาจจัดการรับมือลูกกลางอากาศจากจังหวะเตะมุมจนเป็นที่มาของการเสียประตูเบิกร่องแม้จะเป็นช็อตโชคร้ายสำหรับเจ้าตัวอยู่บ้าง, ฟาบินโญ กับ โคนาเต้ ป้องกันพลาดที่เสาแรกในช็อตลูกเตะมุมในจังหวะต่อมา จนเกือบจะนำไปสู่การเสียลูกที่สองโดยมี วีเออาร์ ช่วยชีวิต, ฟาน ไดค์ กับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทิ้งให้ โยอาน วิสซา ไร้ตัวประกบกับช็อต วีเออาร์ เซฟ หงส์แดง อีกครั้ง ก่อนที่ เทรนท์ จะถูกรุมกินโต๊ะในการเสียประตู 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกในที่สุด
การป้องกันทั้งลูกกลางอากาศและลูกเตะมุมของ หงส์แดง ดูสะเปะสะเปะ ไร้วินัยอย่างสิ้นเชิง จนกลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเขาต้องตามหลังถึงสองประตูในครึ่งแรก และนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในที่สุด
2. ดาบิด รายา โคตรเซฟรักษาโมเมนตัม
4 เซฟคือสถิติของ ดาบิด รายา ในเกมนี้ แม้จะเสีย 1 ประตูให้กับ หงส์แดง ในครึ่งหลังเป็นลูกไล่ขึ้นมาเป็น 2-1 แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทีมเสียศูนย์ และไม่อาจโทษเจ้าตัวกับประตูที่เสียไปได้
เจ้าตัวมีจังหวะมหัศจรรย์ออกสตาร์ทด้วยการปัดป้องลูกยิงล่อเป้าของ ฟาน ไดค์ ตั้งแต่ครึ่งแรกแม้จะถูกจับล้ำหน้า ตามด้วยการเซฟลูกตะบันระยะเผาขนของ คอสตาส ซิมิคาส ในช็อตต่อมา นับเป็นการรักษาความได้เปรียบให้กับเจ้าถิ่นก่อนที่แนวรุกจะใส่ 2 สกอร์ตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก
สถิติเมื่อจบเกมทำให้เขางัดเซฟมากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ไปแล้วที่ 79 ครั้ง นำห่าง จอร์แดน พิคฟอร์ด (64 เซฟ) ในอันดับที่ 2 มากกว่า 15 ครั้ง
3. กำลังใจยังไม่ถดถอย แต่ยิงอย่างไรก็ไม่เป็นประตู
ดาร์วิน นูนเญซ มีโอกาสเซ็ตโมเมนตัมให้เอนเอียงมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ตั้งแต่เปิดหัวของเกมที่ จีเท็ค คอมมูนิตี้ สเตเดี้ยม หากแต่ช็อตหลุดเดี่ยวแตะหนี ดาบิด รายา เหลือแค่ก้นตาข่ายรออยู่ทว่าเจ้าตัวกลับยิงไปติดบล็อคบนเส้นประตูของ เบน มี เสียอย่างนั้น
ความพยามยามของ นูนเญซ มาสำเร็จเอาในที่สุดต้นครึ่งหลังเมื่อทะยานหลุดไปรับลูกจ่ายทะลุช่องของ ติอาโก้ อัลคันทารา หลุดไปกระดกข้ามหัว รายา อย่างเด็ดขาดแต่โชคร้ายอีกเด้งเมื่อ วีเออาร์ จับเป็นลูกล้ำหน้าไปเสียก่อน
ให้หลังจากนั้นเจ้าตัวแทบจะถูกตัดออกไปจากเกม และไม่ได้เห็นถึงการประสานงานร่วมกับแข้งแนวรุกรายอื่นๆ เลย จนมีส่วนทำให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ล่องหนไปจากเกมเช่นเดียวกัน
4. ศักยภาพแข้งบนม้านั่งสำรอง หงส์แดง ไม่ดีพอจะเปลี่ยนเกม
นาบี เกอิต้า (ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์), แอนดี้ โรเบิร์ตสัน (คอสตาส ซิมิคาส) และ โจเอล มาติป (เวอร์จิล ฟาน ไดค์) คือ 3 แข้งตัวสำรองของ ลิเวอร์พูล ที่ถูก เยอร์เก้น คล็อปป์ ส่งลงสนามมาตั้งแต่จบพักครึ่ง หากแต่ทั้ง 3 นักเตะตัวสำรองดังกล่าวไม่อาจสร้างช็อตใดๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมของเกมได้เลย
ร็อบโบ้ อาจเติมเกมได้ดูดีกว่า ซิมิคาส เล็กน้อยแต่มีสถิติคีย์พาสเป็นศูนย์ ขณะที่ เกอิต้า มีสถิติทำเสียบอลมากที่สุดในสนาม (3 ครั้งเทียบเท่า อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน) และเลวร้ายถึงขนาดทำเสียบอลกลางทางในช่วงท้ายเกม อันเป็นที่มากของการเสียประตูตอกฝาโลง 3-1 ส่วน มาติป ทำได้เพียงแค่ประคองเกมที่แนวรับ
เกมถัดไปของ หงส์แดง จะเป็นการเฝ้ารัง แอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ วูล์ฟส์ (เอฟเอ คัพ) ในวันอาทิตย์นี้ ต่อด้วยเกม พรีเมียร์ลีก บุกไปเยือน ไบรท์ตัน วันที่ 14 มกราคม เหล่า เดอะค็อป ก็ได้แต่หวังว่า โคดี้ กัคโป จะได้ลงเล่นล่าตาข่ายชนิดฉีกซองใช้งานได้ทันที
5. ตลาดซื้อขายหน้าหนาว อย่างไรต่อดี?
ให้หลังจากที่ ลิเวอร์พูล ปิดดีล โคดี้ กัคโป สำเร็จ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ชะลอความหวังเหล่า เดอะค็อป ที่จะได้เห็นแข้งบิ๊กเนมพาเหรดเข้าสู่ถิ่น แอนฟิลด์ ด้วยการบอกว่าแข้งใหม่ดังกล่าวจะต้องอยู่ใน 2 เงื่อนไขทั้งฝีเท้าและค่าตัวที่สมเหตุสมผล นั่นหมายความว่าพวกเขาอาจไม่สามารถทุ่มเงินอย่างบ้าคลั่งเพื่อคว้าตัวเตะระดับเกรดเอร่วมทีมได้
แต่ปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นนอกจากความกระหายของเหล่าลูกทีมที่ดูดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ขณะปมการทำประตูเหลือแค่รอวัน กัคโป เฉิดฉายและเหล่าแข้งเดี้ยงหายจากอาการบาดเจ็บ และที่ขาดหายคือความดุดันที่กลางสนามเมื่อเหลือเพียง ติอาโก้ อัลคันทารา ที่สามารถรักษาคลาส บัญชาเกมเป็นจอมทัพที่กลางสนามได้เพียงรายเดียว ขณะที่ ฟาบินโญ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า ไม่อาจไว้วางใจได้ และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยังไม่เจนจัดพอที่จะแบกทีมไหว