เงื่อนไขการผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย และสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับรอบคัดเลือก "ฟุตบอลโลก 2022" พร้อมส่องสถานการณ์ทีมชาติไทย
ฟุตบอลโลก 2022
หลายคนคงจะทราบกันดีแล้วว่า ฟุตบอลโลก 2022 จะจัดการแข่งขันขึ้นที่ประเทศกาตาร์ โดยวันและเวลาการแข่งขันจะเปลี่ยนแปลงไปจากฟุตบอลโลกครั้งก่อน ๆ ที่ปกติจะจัดขึ้นราวหน้าร้อนกลางปีช่วงที่ฟุตบอลลีกยุโรปส่วนใหญ่ปิดฤดูกาล แต่ในครั้งนี้จะจัดการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2022 ถึง 18 ธันวาคม 2022 หรือในช่วงหน้าหนาวปลายปีนั่นเอง
วิธีการคัดเลือก
จะมีเพียง 32 ประเทศจากทั้งหมด 210 ชาติสมาชิกของ ฟีฟ่า ที่จะได้เข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย 1 ทีมคือเจ้าภาพและ 31 ทีมมาจากการคัดเลือก ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 6 โซนด้วยกัน โดยแต่ละโซนจะได้รับโควต้าทีมที่จะไปเล่นรอบสุดท้ายดังนี้
CONCACAF - โซนอเมริกาเหนือ : 3 หรือ 4 ทีม จาก 35 ชาติสมาชิก
CONMEBOL - โซนอเมริกาใต้ : 4 หรือ 5 ทีม จาก 10 ชาติสมาชิก
CAF - โซนแอฟริกา : 5 ทีม จาก 54 ชาติสมาชิก
UEFA - โซนยุโรป : 13 ทีม จาก 55 ชาติสมาชิก
AFC - โซนเอเชียและออสเตรเลีย : 4 หรือ 5 ทีม จาก 46 ชาติสมาชิก
OFC - โซนโอชีเนีย : 0 หรือ 1 ทีม จาก 11 ชาติสมาชิก
เงื่อนไขของแต่ละโซน
UEFA - โซนยุโรป จะแบ่งการคัดเลือกออกเป็น 2 รอบเพื่อคัด 13 ทีม จาก 55 ชาติสมาชิกเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย
รอบแรก : จะแบ่งทั้ง 55 ทีมออกเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 5-6 ทีม โดยให้สิทธิ 4 ทีมที่เข้ารอบสุดท้ายในศึก ยูฟ่า เนชั้นลีก ลีก เอ ได้เป็นทีมวางในกลุ่มที่จะมี 5 ทีม โดยแชมป์ของทั้ง 10 กลุ่มจะผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติทันที
รอบที่สอง : อันดับ 2 ของแต่ละกลุ่มบวกกับแชมป์กลุ่มที่ทำผลงานดีที่สุดในศึก ยูฟ่า เนชั่นลีก 2 ทีมที่ไม่ได้จบในอันดับ 1 หรือ 2 ในแต่ละกลุ่มรอบแรก จะถูกจับฉลากแบ่งเป็น 3 กลุ่มมินิเพลย์ออฟทัวร์นาเมนต์ กลุ่มละ 4 ทีมแข่งขันแบบน็อคเอาท์นัดเดียวรู้ผล ซึ่งผู้ชนะทั้ง 3 ทีมจะได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
*รอบแบ่งกลุ่มจะเริ่มทำการแข่งขันนัดแรกในช่วงเดือน มีนาคม 2021 นี้
AFC - โซนเอเชียและออสเตรเลีย จะแบ่งการคัดเลือกออกเป็น 3 รอบให้เหลือ 4 หรือ 5 ทีม จาก 46 ชาติสมาชิก
รอบแรก : จะนำ 12 ทีมที่มีอันดับต่ำที่สุดในการจัดอันดับ FIFA Ranking มาแข่งขันแบบเพลย์ออฟเหย้า-เยือนเพื่อหา 6 ทีมเข้าสู่รอบที่สอง
รอบที่สอง : 34 ทีมที่มีอันดับ FIFA Ranking สูงที่สุดจะเข้ามาเล่นในรอบนี้โดยอัตโนมัติพร้อมกับ 6 ทีมที่ผ่านรอบแรกมาได้ โดยจะจับฉลากแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีมแข่งขันกันในระบบเหย้า-เยือน โดยแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 อัตโนมัติพร้อมกับอันดับ 2 ที่ทำคะแนนดีที่สุด 4 ทีม
รอบที่สาม : จะนำแชมป์กลุ่มทั้ง 8 ทีมบวกกับอันดับ 2 ที่เข้ารอบมา 4 ทีมรวมเป็น12 ทีมสุดท้าย มาแบ่งเป็นเป็น 2 กลุ่มกลุ่มละ 6 ทีม โดยจะคัดเอา 2 ทีมที่ทำคะแนนดีที่สุดของทั้ง 2 กลุ่มผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติและนำอันดับ 3 ของทั้งสองกลุ่มมาแข่งกันแบบนัดเดียวรู้ผล ซึ่งผู้ชนะจะได้เข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟร่วมกับอีก 3 ทีมจากโซนอื่น ๆ เพื่อหา 2 ทีมที่จะเข้าสู่รอบสุดท้ายต่อไป
CAF - โซนแอฟริกา จะคล้ายกับโซนเอเชียที่จะแบ่งการคัดเลือกออกเป็น 3 รอบให้เหลือ 5 ทีม จาก 54 ชาติสมาชิก
รอบแรก : จะนำ 28 ทีมที่มีอันดับต่ำที่สุดในการจัดอันดับ FIFA Ranking มาแข่งขันแบบเพลย์ออฟเหย้า-เยือนเพื่อหา 14 ทีมเข้าสู่รอบที่สอง
รอบที่สอง : 26 ทีมที่มีอันดับ FIFA Ranking สูงที่สุดจะเข้ามาเล่นในรอบนี้โดยอัตโนมัติพร้อมกับ 14 ทีมที่ผ่านรอบแรกมาได้ โดยจะจับฉลากแบ่งเป็น 10 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีมแข่งขันกันในระบบเหย้า-เยือน โดยแชมป์ของแต่ละกลุ่มจะผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 อัตโนมัติ
รอบที่สาม : จะนำแชมป์กลุ่มทั้ง 10 ทีมมาจับฉลากประกบคู่และแข่งกันแบบเหย้า-เยือน ผู้ชนะทั้ง 5 ทีมจะได้เข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายต่อไป
CONCACAF - โซนอเมริกาเหนือ จะแบ่งการคัดเลือกออกเป็น 2 รอบแต่เงื่อนไขจะต่างกันออกไปเพื่อหา 3 หรือ 4 ทีม จาก 35 ชาติสมาชิกเข้าสู่รอบสุดท้าย
รอบแรก : จะนำ 30 ทีมที่มีอันดับต่ำที่สุดในการจัดอันดับ FIFA Ranking มาแบ่งเป็น 6 กลุ่ม กลุ่มละ 5 ทีม โดยจะแข่งขันแบบรอบเดียว (แต่ละทีมจะได้โอกาสเล่นในบ้าน 2 นัดและนอกบ้าน 2 นัด) ทีมแชมป์ของทั้ง 6 กลุ่มจะต้องมาจับฉลากแข่งขันกันในแบบเหย้าเยือนเพื่อหา 3 ทีมผู้ชนะผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
รอบที่สอง : 3 ทีมจากรอบแรกบวกกับ 5 ทีมที่มีอันดับสูงที่สุดในการจัดอันดับ FIFA Ranking รวมเป็น 8 ทีมมาแข่งขันแบบพบกันหมดเหย้า-เยือน ทีมที่ได้คะแนนมากที่สุด 3 ทีมจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายยแบบอัตโนมัติส่วนอันดับที่ 4 จะต้องเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟร่วมกับทีมจากโซนอื่น ๆ ต่อไป
CONMEBOL - โซนอเมริกาใต้ จะคัดเลือก 4 หรือ 5 ทีม จาก 10 ชาติสมาชิก โดยแข่งขันแบบนำทั้ง 10 ประเทศมาจัดอยู่ในกลุ่มเดียวและแข่งขันแบบพบกันหมดเหย้า-เยือน 4 ทีมที่ทำคะแนนได้มากที่สุดจะผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายทันที ส่วนอันดับที่ 5 จะต้องเข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟร่วมกับทีมจากโซนอื่น ๆ
OFC - โซนโอชีเนีย จะคัดเลือก 1 ทีม จาก 11 ชาติสมาชิก เข้าไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ โดยจะแบ่งเป็น 2 รอบ
รอบแรก : ทั้ง 11 ทีมจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม มาแข่งขันแบบรอบเดียวโดยใช้สนามกลาง และนำ 2 ทีมที่ทำคะแนนได้สูงสุดของทั้งสองกลุ่มผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
รอบที่สอง : 4 ทีมที่ผ่านเข้ารอบจะมาจับฉลากแข่งขันกันแบบรอบน็อคเอาท์เหย้า-เยือน ซึ่งจะมีเพียง 1 ทีมที่จะได้สิทธิไปเล่นรอบเพลย์ออฟร่วมกับทีมในโซนอื่น ๆ
สถานการณ์ของทีมชาติไทย
แน่นอนว่าประเทศไทยเราก็ยังอยู่บนเส้นทางของรอบคัดเลือกโซนเอเชียและออสเตรเลีย ที่ ณ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอบแบ่งกลุ่ม โดย ทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่ม G ร่วมกับ เวียดนาม มาเลเซีย ยูเออี และ อินโดนิเซีย ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันของ ทัพช้างศึก รั้งอันดับ 3 ของกลุ่มมี 8 คะแนนจากการลงเล่น 5 เกม ตามหลังอันดับสอง มาเลเซีย 1 คะแนน และตามแชมป์กลุ่ม เวียดนาม 3 คะแนน อย่างไรก็ตาม ยูเออี ทีมอันดับ 4 ก็มีแต้มตามหลัง ไทย 2 คะแนนแต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด นั่นทำให้สถานการณ์ตอนนี้ไทยเราดูจะต้องลุ้นเหนื่อยพอสมควรหากต้องการจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มกับอีก 3 เกมที่ยังเหลือในมือ ที่พอจะมีลุ้นได้คงจะการเข้ารอบเป็นอันดับสองที่ดีที่สุดที่มีโควต้า 4 ทีมจากทั้งหมด 8 กลุ่มเท่านั้น
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด