โครเอเชีย AET 1-1 (PK 4-2) บราซิล: วิเคราะห์ 5 ประเด็นหลังทัพ ตราหมากรุก ดับ แซมบ้า ฉลุยฟุตบอลโลก
โดย โตมร นวลประเสริฐ
รายการ: ฟุตบอลโลก 2022 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
วันแข่งขัน: คืนวันศุกร์ ที่ 9 ธันวาคม 2022
ผลการแข่งขัน: โครเอเชีย 0-0 (AET 1-1) บราซิล (โครเอเชีย ชนะดวลจุดโทษ 4-2)
สนาม: เอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม
1. โครเอเชีย เขี้ยวลากดิน
จากสถานะรองแชมป์ ฟุตบอลโลก 2018 คุณภาพของเหล่ามิดฟิลด์ชั้นยอด รูปแบบการเล่น และความสามารถในการแบกรับความกดดันทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะกาชื่อ โครเอเชีย ออกจากการเป็นหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ เวิลด์คัพ ครั้งนี้
ทีมของ ซลัทโก้ ดาลิช ด้วยความแน่นหนา เน้นการหยุดบอลก่อนจะผ่านสู่พื้นที่สุดท้ายของ บราซิล ด้วยเด็ดขาด และถึงแม้จะเปิดโอกาสให้ทัพ เซเลเซา สบช่องสามารถสับไกยิงลุ้นทำประตูได้แต่ก็อยู่ในระยะที่ โดมินิค ลิวาโควิช สามารถป้องกันเอาไว้ได้
ยิ่งเวลาผ่านไป เกมที่ยืดเยื้อยิ่งโยนความกดดันไปอยู่ที่ทัพ แซมบ้า มากกว่าขุนพล ตราหมากรุก ที่ผ่านประสบการณ์ต่อเวลาพิเศษทุกนัดในรอบน็อคเอาท์ของ เวิลด์คัพ 2018 (ยกเว้นนัดชิงชนะเลิศ) รวมทั้งยังเพิ่งผ่านบรรยากาศที่คุ้นเคยในแมตช์ที่ทีมของ ดาลิช เพิ่งเข่น ญี่ปุ่น มาได้ด้วยการดวลลูกจุดโทษรอบ 16 ทีมสุดท้าย
2. โดมินิค ลิวาโควิช สร้างชื่อ
การแข่งขัน ฟุตบอลโลก มันเป็นเวทีสำคัญให้นักเตะได้เฉิดฉาย โดยเฉพาะกับแข้งที่ไม่ได้เป็นที่รู้จักบนหน้าสื่อนัก และ กาตาร์ 2022 ได้สร้างชื่อให้กับ โดมินิค ลิวาโควิช ผู้รักษาประตูวัย 27 ปีทีมชาติ โครเอเชีย สังกัด ดินาโม ซาเกร็บ เป็นที่เรียบร้อย
ให้หลังจากเจ้าตัวงัด 3 เซฟใส่ ญี่ปุ่น ในการดวลลูกจุดโทษรอบ 16 ทีมสุดท้าย เกมนี้กับ บราซิล เจ้าตัวทำสถิติปัดป้องโอกาสของขุนพล แซมบ้า 11 ครั้ง กลายเป็นจำนวนที่สูงที่สุดใน เวิลด์คัพ ครั้งนี้ โดย ลิวาโควิช ยังงัดเซฟลูกจุดโทษของ โรดรีโก้ ที่ยิงเป็นคนแรกให้กับ บราซิล ในการดวลลูกจุดโทษอีกด้วย
โดยการเซฟลูกจุดโทษดังกล่าวของเจ้าตัวทำให้เขาจารึกสถิติเซฟลูกโทษไปแล้ว 4 ครั้งในทัวร์นาเมนต์เดียว นับเป็นสถิติที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก อีกด้วย
ทั้งนี้ ผลงานของ ลิวาโควิช ในเกมนี้ยังทำให้เขาได้รับรางวัล แมนออฟเดอะแมตช์ อย่างเป็นทางการจาก ฟีฟ่า
3. การเต้นรำครั้งสุดท้ายของ โมดริช
ในวัย 37 ปีกับสถานะอดีตแข้ง บัลลงดอร์ 2018 นักเตะคนแรกนอกจาก ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด้ ในรอบ 1 ทศวรรษที่คว้าเกียรติยศดังกล่าวมาครอง กับการลงเล่นใน ฟุตบอลโลก ที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็น เวิลด์คัพ ครั้งสุดท้ายของเจ้าตัวหากนับไล่เรียงปี 2026 แข้งสังกัด เรอัล มาดริด รายนี้ก็จะมีอายุอานาม 41 ปีเมื่อถึงเวลาดังกล่าว
ลูก้า โมดริช ยังคงวิ่งทะยานขับเคลื่อนเกมที่แดนกลางไปทั่วสน เจ้าตัวทำสถิติเป็นนักเตะที่สัมผัสบอลมากที่สุดในเกมนี้ (141 ครั้ง) ผ่านบอลให้เพื่อนเล่นง่ายและมีประสิทธิภาพ
นอกจาก โมดริช ที่แดนกลางของ โครเอชเชีย ทีมของ ดาลิช ยังมีส่วนผสมที่ลงตัวอย่าง มาเตโอ โควาชิช ที่คลาสลูกหนังเชิงสูงไม่แพ้กันโดยมี มาริโอ โบรโซวิช เป็นลูกหาบอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์ การวิ่งสอดประสาน เคลื่อนที่ สลับตำแหน่งระหว่างนักเตะทั้ง 3 รายเป็นไปอย่างเข้าขาและเป็นจุดแข็งของพวกเขานการกรุยทางสู่ความสำเร็จใน ฟุตบอลโลก ครั้งนี้
4. หนึ่งใน บราซิล ชุดที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
จากภาพจำ บราซิล ที่เล่นฟุตบอลอย่างสวยงาม เดินหน้าบุกอย่างบ้าคลั่ง ปล่อยเกมรับให้เป็นเรื่องรอง แต่ใน ฟุตบอลโลก 2022 บราซิล ภายใต้การคุมทีมของ ติเต้ กลายเป็นทีมที่สมดุลแทบจะสมบูรณ์แบบ มีลูกล่อลูกชนต่างจากภาพเดิมๆ อย่างเห็นได้ชัด
นายใหญ่วัย 61 ปีเลือกที่จะเพลย์เซฟค่อยๆ นวดเข้าใส่ โครเอเชีย ไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งช่วงเวลาปกติและการต่อเวลาพิเศษ ฟูลแบ็คทั้ง 2 ข้างแทบไม่ได้สนับสนุนเกมรุกนัก โดยเฉพาะกับ ดานิโล ที่ฝั่งซ้ายขยับเข้ามายืนเป็น Inverted Fullback จับคู่กับ คาเซมิโร ยามทีมได้ครอบครองบอลเพื่อประคองหยุดเกมสวนกลับของคู่แข่ง ขณะที่ เอแดร์ มิลิเตา ปักหลักยืนเป็น 3 เซ็นเตอร์แบ็คร่วมกับ ติอาโก้ ซิลวา และ มาร์ควินญอส
ขณะที่แดนกลางและแนวรุกเรียกว่าศักยภาพทั้งตัวจริงและในม้านั่งสำรองแทบจะเอาชนะคู่แข่งได้ทุกทีมในโลก เพียงแต่ไม่ใช่ โครเอเชีย ที่มี ลิวาโควิช เฝ้าเสาและยังเต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อเกมยืดเยื้อจนเข้าสู่การดวลจุดโทษ
ติเต้ เชื่อมั่นในศักยภาพของลูกทีมถึงขนาดที่แทบจะไม่เปลี่ยนวิธีการเล่นเลยเมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนตัวของเขาในเวลาปกติทั้ง อันโตนี (แทนที่ ราฟินญา 56'), โรดรีโก้ (แทนที่ วินิซิอุส 64') และ เปโดร (แทนที่ ริชาร์ลิซอน 84') เป็นการเปลี่ยนตัวชนิดตำแหน่งต่อตำแหน่ง แทบไม่ต่างกับการเปลี่ยนตัวในช่วงต่อเวลาพิเศษอย่าง อเล็กซ์ ซานโดร (แทนที่ มิลิเตา 106') และ เฟร็ด (แทนที่ ปาเกต้า 106')
5. ความยอดเยี่ยมของ เนย์มาร์
เนย์มาร์ อายุ 30 ปีใน ฟุตบอลโลก ครั้งนี้และจะมีอายุ 34 ปีใน เวิลด์คัพ ครั้งถัดไป หลักไมล์ตัวเลขอายุดังกล่าวนับว่าสุ่มเสี่ยงไม่น้อยว่าเขาจะสามารถมีส่วนร่วมในมหกรรมฟุตบอลครั้งหน้าได้หรือไม่ ดาวเตะจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รายนี้จึงเล่นอย่างสุขุม ตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ลดทริคหวือหวาที่ไม่จำเป็น ไม่มีการเล่นละครตบตา ทุกจังหวะจากคีย์แมน เซเลเซา รายนี้เกิดขึ้นเพราะการหวังผล
คลาสของเจ้าตัวยังคงเต็มเปี่ยมในตัวเช่นเดิม เนย์มาร์ ทำสถิติกลายเป็นนักเตะที่เลี้ยงผ่านคู่แข่งมากที่สุดในสนามที่จำนวน 4 ครั้ง และสร้างจังหวะเล่นกับเพื่อนร่วมทีมอันนำไปสู่การได้ประตูขึ้นนำในช่วงต่อเวลาพิเศษ กลายเป็นประตูส่งเจ้าตัวทำสถิติทาบ เปเล่ (77 ประตูให้ทีมชาติ บราซิล) ซึ่งน่าจะกลายเป็นบทที่สมบูรณ์แบบกระทั่งประตูตีเสมอของ บรูโน เพ็ทโควิช ทำลายปาร์ตี้ของ เนย์มาร์ และผองเพื่อนในที่สุด