อังกฤษ 6-2 อิหร่าน: ชำแหละ 5 ประเด็นหลังชัยชนะของ สิงโตคำราม เปิดหัว ฟุตบอลโลก
โดย โตมร นวลประเสริฐ
รายการ: ฟุตบอลโลก 2022 รอบแบ่งกลุ่ม
วันแข่งขัน: วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2022
ผลการแข่งขัน: อังกฤษ 6-2 อิหร่าน
สนาม: คาลิฟา อินเตอร์เนชั่นนัล สเตเดี้ยม
1. สังเวย เบรานวานด์ จากอาการบาดเจ็บน่าหวาดเสียว
อาลีรีฎอ เบรานวานด์ กระแทกเข้ากับเพื่อนร่วมทีมโดยเป็นอุบัติเหตุตั้งแต่ต้นเกมจนได้รับการปฐมพยาบาลอย่างยาวนานและได้รับอนุญาตให้เล่นต่อกระทั่งเจ้าตัวไม่อาจเฝ้าเสาไหว ส่งสัญญาณขอถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 20 ของเกม
ผลจากอาการบาดเจ็บของ เบรานวานด์ และกฎระเบียบของฟุตบอลทำให้เกมต้องหยุดกว่า 10 นาที ผู้เล่นของทั้ง 2 ทีมต้องพยายามอบอุ่นร่างกายเพื่อคงความพร้อมระหว่างการปฐมพยาบาล และยังทำให้เกมยืดเยื้อจนต้องทดเวลาบาดเจ็บ 14 นาทีในครึ่งแรก ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และข้อถกเถียงถึงความยืดหยุ่นของกฎอย่าง การอนุญาตให้เปลี่ยนตัวผู้เล่นเป็นการชั่วคราวหากได้รับการกระทบกระเทือนทางศีรษะจากคอมเมนต์ของ อลัน เชียเรอร์ เป็นต้น
แน่นอนว่าฟุตบอลโลกคือความฝันสำหรับเหล่านักฟุตบอล แต่หากไร้ซึ่งชีวิตและร่างกายที่แข็งแรงเสียแล้ว ฟุตบอลโลก ก็ไม่มีความหมาย โควต้าการเปลี่ยนตัวที่เพิ่มขึ้นมาจาก 5 เป็น 6 รายอาจไม่เพียงพอเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างที่เกิดกับ เบรานวานด์
2. แข้งวัยกระเตาะขับเคลื่อน อังกฤษ
จู๊ด เบลลิงแฮม ในวัย 19 ปีรับบทบาทบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ที่แดนกลางกลายเป็นคนพังประตูเบิกร่องจากช็อตเติมขึ้นไปในกรอบเขตโทษ โหม่งลูกครอสของ ลุค ชอว์ ไปซุกที่ก้นตาข่าย นับเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในนามทีมชาติ และกลายเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดของทัพ สิงโตคำราม ที่ใส่สกอร์ในเกม ฟุตบอลโลก ต่อจาก ไมเคิล โอเวน (เวิลด์คัพ 1998)
ขณะที่อันดับ 3 ไม่ใช่คนอื่นไกลนอกจาก บูคาโย ซาก้า ที่พังประตูได้ในเกมนี้ด้วยในวัย 21 ปีกับ 78 วัน
3. อังกฤษ กินนิ่มลูกกลางอากาศ
สิ่งที่ อังกฤษ โดดเด่นกว่า อิหร่าน อย่างเห็นได้ชัดในครึ่งแรกคือศักยภาพในการเล่นลูกกลางอากาศทั้งจากการเปิดเกมรุกครอสบอลที่ริมเส้น และการเล่นลูกตั้งเตะเปิดบอลเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ
ลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต เตือนดังๆ จากลูกโหม่งของ แฮร์รี แม็กไกวร์ ที่ไปชนคานอย่างจังระหว่างสกอร์ยังเท่ากันที่ 0-0 ก่อนพวกเขาจะได้ประตูเบิกร่องจากลูกโหม่งของ เบลลิงแฮม ตามด้วยลูก 2-0 อันมีที่มาจากลูกโหม่งชงของ แม็กไกวร์ ให้ ซาก้า ตะบันตุงตาข่าย และลูก 3-0 ก่อนจบครึ่งแรกจากลูกครอสของ เคน ให้ ราฮีม สเตอร์ลิง แท็ปอินจะทำให้พวกเขาเล่นอย่างไร้ความกังวลในครึ่งหลัง
4. แม็กไกวร์ เรียกความมั่นใจ
แฮร์รี แม็กไกวร์ ในร่างทีมชาติ อังกฤษ ดูราวกับเป็นคนละคนกับสโมสร เจ้าตัวยิ่งเล่นยิ่งมีความมั่นใจ สลัดภาพเซ็นเตอร์แบ็คจอมเฟอะฟะอย่างไร้ร่องรอย ไล่เรียงตั้งแต่การใช้จุดเด่นในการเล่นลูกกลางอากาศทั้งในเกมรุกและเกมรับ มีจังหวะตัดบอลในพื้นที่สุดท้ายสวยๆ ให้เห็น ไปจนถึงการเป็นจุดตั้งต้นผ่านบอลอันนำมาสู่การสวนกลับเร็วได้ลุ้นประตู
น่าเสียดายไม่น่อยที่ แม็กไกวร์ ไม่อาจอยู่ในสนามจนครบ 90 นาทีเมื่อถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 70 โดยคาดว่าอาจมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ
5. สิงโตคำราม เอาท์คลาส
มาตรฐานของ อังกฤษ กับ อิหร่าน ค่อยๆ ถูกเผยออกมาเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เริ่มต้นจากทีมเวิร์ค รูปแบบการเล่น ความเข้าใจในการเคลื่อนที่รับบอลของเหล่าผู้เล่น ไปจนถึงทักษะความสามารถเฉพาะตัวเมื่อต้องดวลกันหนึ่งต่อหนึ่ง ฝั่ง ทรีไลอ้อนส์ ทำได้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดจนใส่สกอร์ประตูแล้วประตูเล่า
ความห่างชั้นของผู้เล่น อังกฤษ ยังแสดงให้เห็นยันม้านั่งสำรองเมื่อการสัมผัสบอลแรกของ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลังถูกเปลี่ยนตัวลงสนามแปรเปลี่ยนกลายเป็นประตูทันที ขณะที่ประตู 6-1 ก็ยังเกิดจากตัวสำรองอย่าง แจ็ค กรีลิช ที่แท็ปอินลูกถวายพานของ คัลลัม วิลสัน ไปซุกที่ก้นตาข่าย