มองทัพสิงโตคำรามรอบสุดท้ายก่อนตัดตัวไป “ฟุตบอลโลก 2022” - OPINION
แกเร็ธ เซาธ์เกต นายใหญ่ทีมชาติอังกฤษประกาศรายชื่อนักเตะทีมชาติอังกษชุดที่จะลงเล่นในเกมเนชั่นส์ ลีก ซึ่งจะพบกับ อิตาลี และ เยอรมัน ออกมาเรียบร้อย และนี่จะเป็นเรียกรวมพลทีมชาติครั้งสุดท้าย ก่อนเจอกันครั้งต่อไปคือ ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย
“สิงโตคำราม” ของนายใหญ่วัย 52 ปี มีบททดสอบใหญ่มากกับการเจอกับสองชาติระดับท็อปของยุโรปสองเกมต่อจากนี้ โดยการเลือกทีม 28 คนในรอบนี้ มีเพียง อิวาน โทนี่ หัวหอกเบรนท์ฟอร์ด ได้รับการติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรก หลังจากผลงานเยี่ยม กับ 6 เกมแรกทำไป 5 ประตู 2 แอตซิสต์ นับเป็นช่วงที่ฟอร์มดีต่อเนื่องมานับจากฤดูกาลที่แล้ว สวนทางกับนักเตะหลายคนที่เคยเป็น “ขาประจำ” ในระยะหลัง อย่างเช่น มาร์คัส แรชฟอร์ด และ จาดอน ซานโช่ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) เบนจามิน ไวท์ (อาร์เซนอล) รวมถึง ไทโรน มิงส์ (แอสตัน วิลล่า) ที่หลุดไปในรอบนี้ ขณะที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวารมือหนึ่งทีมชาติไม่มีชื่อในเกมนี้จากอาการบาดเจ็บ
Gareth Southgate has named a 28-man squad for our #ThreeLions' upcoming games against Italy and Germany:
— England (@England) September 15, 2022การประกาศรายชื่อในรอบนี้สร้างความกังขาให้กับแฟนบอล และสื่อมวลชนไม่น้อย และแน่นอนเซาธ์เกตก็ออกมาแถลงไขในเรื่องนี้ทันที หลังการประกาศรายชื่อออกมา โดยเขาระบุว่ามีนักเตะอยู่สามส่วนใหญ่ ๆในการตัดสินใจเลือกครั้งนี้ประกอบไปด้วย
นักเตะตัวสำรองในสโมสร แต่ทำงานกับทีมชาติมายาวนาน อย่างเช่น คัลวิน ฟิลลิปส์ หรือว่า แฮร์รี่ แมคไกวร์ ซึ่งเขาระบุว่ากับทีมชาตินักเตะเหล่านี้ยังคงมีความสำคัญกับทีม แน่นอนมันอาจไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีสำหรับพวกเขาในเกมระดับสโมสร แต่ก็ยังคงมีเวลาอีกหลายเกมก่อนฟุตบอลโลก ดังนั้นการเรียกตัวครั้งนี้จึงเป็นการเรียกเพื่อการลงเล่น และเรียกความมั่นใจ
นักเตะที่เคยติดทีมชาติมาตลอดแต่ไม่มีชื่อในรอบนี้อย่างเช่น มาร์คัส แรชฟอร์ด หรือว่า จาดอน ซานโช่ กลุ่มนี้ทีมชาติอังกฤษรู้จักกับนักเตะเป็นอย่างดีแล้ว แต่ผลงานอาจจะไม่ดีเท่าไรนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้หลุดทีมไปในรอบนี้ ดังนั้นการหลุดทีมในรอบนี้จึงเป็นการกระตุ้นให้นักเตะเร่งทำผลงานให้ดีที่สุด ก่อนจะตัดตัวรอบแรกในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ และยืนยันว่านักเตะในกลุ่มนี้ยังคงอยู่ในสายตาของทีมชาติทั้งหมด โดยในกลุ่มนี้มีนักเตะจำนวนมากที่สุดที่ยังต้องลุ้นว่าจะติดทีมไปฟุตบอลโลกหรือไม่
นักเตะที่กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งหลังจากหลุดทีมไปนาน หรือเรียกตัวติดทีมครั้งแรก ในเคสของ เอริค ไดเออร์ เซาธ์เกต ยอมรับว่าประทับใจกับผลงานของแนวรับสเปอร์สมากในฤดูกาลนี้ และนั่นทำให้เขาได้กลับมาสู่ทีมอีกครั้ง ซึ่งการเลือกติดทีมครั้งนี้ตรงกับที่ อันโตนิโอ คอนเต้ ผู้จัดการทีมสเปอร์ส ยกย่องลูกทีมของเขาเป็นเด็กที่มีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมมาก และมั่นใจว่าหากยังรักษามาตรฐานไว้ได้ ไดเออร์ จะเป็นแถวหน้าของแนวรับยุโรปได้อย่างแน่นอน
มองจากสัมภาษณ์ และการเลือกตัวผู้เล่นแล้ว ต้องบอกว่า เซาธ์เกต มีทีมในใจอยู่แล้วเกือบทั้งหมดที่เหลือคือการประเมินผลงานของนักเตะว่าจะพร้อมมากแค่ไหนสำหรับการติดทีมชาติไปฟุตบอลโลกรอบที่สองของเขาเอง การเลือกนักเตะซีเนียร์อย่าง แฮร์รี่ แมคไกวร์ ถูกตั้งคำถามอย่างมากว่าด้วยฟอร์มของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตอนหลังหลุดจากทีมตัวจริงไปแล้ว แต่เซาธ์เกตก็ยังคงมั่นใจในกองหลังคู่บุญของเขาต่อไป เช่นเดียวกับการที่ให้โอกาส ดีน เฮนเดอร์สัน ที่กลับมาฟอร์มดีกับนอตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ทีมน้องใหม่ หลังจากเสียเวลาไปกับอาการบาดเจ็บ และการนั่งข้างสนามที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปหนึ่งฤดูกาล นั่นก็ทำให้ประเมินได้ว่า เซาธ์เกต และทีมงานยังคงมีความลังเลอยู่ไม่น้อย กับนักเตะที่ประเมินจากการเรียกตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพวกเขาน่าจะมีนักเตะในลิสต์ประมาณ 35-40 คน ที่ต้องมาหั่นเหลือเพียง 26 คนสุดท้ายหนีบไปกาตาร์ด้วยกัน และด้วยระยะเวลาที่เหลือเพียงสองเดือน คงยากมากจะเห็นเซอร์ไพรส์สำหรับคนที่ไม่เคยติดทีมชาติมาก่อนเลย จะติดโผได้ขึ้นเครื่องไปด้วยกันในช่วงปลายปี ยกเว้น โทนี่ คนเดียวที่ช่วงสองสัปดาห์ในทีมชาติที่จะถึงนี้ จะเป็นสองสัปดาห์แห่งชีวิตของเขาก็ว่าได้ ถ้าเขาทำผลงานได้น่าประทับใจเมื่อโอกาสมาถึง ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า เขาก็ยังคงมีลุ้นเพราะอย่างน้อยก็ได้รับการเรียกมา “ดูตัว” เรียบร้อยแล้ว
“ฟุตบอลทีมชาติ” มีการทำงานที่แตกต่างกับสโมสรค่อนข้างมาก หนึ่งฤดูกาลทีมชาติจะมีเกมลงเล่นเพียง 10-12 เกม และต้องดูฟอร์มนักเตะกันทุกสัปดาห์ เช็คผลงานก่อนจะเลือกมาร่วมงานกันเป็นทีมชาติเดียวกัน ดังนั้นในสัปดาห์ทีมชาติ พวกเขามีเวลาไม่มากนักในการซ้อมร่วมกัน ลองผิดลองถูกร่วมกันว่า สิ่งที่โค้ชคิด นักเตะแต่ละคนที่มาจากต่างสโมสรจะทำงานร่วมกันได้ลงตัวหรือเปล่า ดังนั้นมันจะไม่แปลกเลยที่ว่าทำไมนักเตะบางคนเล่นทีมชาติไม่ดีอย่างในระดับสโมสร และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมทีมชาติถึงไม่นิยมที่จะเรียกหน้าใหม่เข้ามาพร้อมกันหลายคน และทำไมตัวหลักหน้าเดิมถึงยังคงโดนเรียกตัว แม้ว่ากับสโมสรจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีก็ตาม การทำงานของทีมชาติจึงเป็นการทำงานเรียกว่าผสมผสานและให้โอกาส บนพื้นฐานที่ว่าผู้จัดการทีมไม่มีเวลาในสนามซ้อมกับนักเตะมากมายเหมือนกับสโมสรที่จะได้เห็นพัฒนาการของนักเตะได้ในแบบวันต่อวัน
ดังนั้น 28 คนที่เรียกตัวมาในรอบนี้ จะต้องมีคนอกหักอีกหลายคน และกว่าจะถึงตรงนั้นต้องไปสู้กับคนที่หลุดจากทีมในรอบนี้ว่าท้ายที่สุดแล้ว ใครจะได้ไปรอบสุดท้ายที่กาตาร์ในฐานะ 26 คนสุดท้าย ซึ่งต้องบอกว่ามีกลุ่มทีการันตีที่นั่งแน่นอนแล้วเกินครึ่งในใจของผู้จัดการทีม
ฟุตบอลบอลโลก 2022 จะมีการประกาศรายชื่อของแต่ละชาติจำนวน 23-26 คน ออกมาช่วงประมาณวันที่ 17-21 ตุลาคม 2022 ก่อนที่จะมีการประกาศชื่อนักเตะอย่างเป็นทางการส่งไปยังFIFA ในวันที่ 13 พฤศจิกายน 2022 และว่า ฟุตบอลโลกครั้งนี้จะให้มีการส่งชื่อได้ถึง 26 คน แต่เวลาแข่งขันจะสามารถส่งชื่อตัวสำรองได้เพียง 12 คนเท่านั้น และสามารถเปลี่ยนตัวได้จำนวน 5 คนต่อเกมภายในการเปลี่ยนตัวสามครั้ง และสามารถเปลี่ยนเพิ่มได้อีกหนึ่งคนในกรณีที่เกมลงเล่นในการต่อเวลาพิเศษ
อีกสองเกมสุดท้ายในอีกสองเดือนสุดท้าย ฟุตบอลโลกสองศูนย์สองสอง กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว