มีใครบ้าง? 10 กุนซือระดับท็อปที่ยังว่างงานอยู่ในเวลานี้ - FEATURE
- โจเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีมระดับท็อปคนล่าสุดที่ต้องว่างงาน หลังจากโดน อาแอส โรม่า ปลดพ้นจากตำแหน่ง
- มูรินโญ่ ไม่ใช่ยอดกุนซือเพียงคนเดียวที่จะต้องว่างงาน เพราะยังมีเฮดโค้ชชื่อดังอีกหลายรายที่รอคอยโอกาสเหมาะสมในการกลับไปรับงานผู้จัดการทีมอีกครั้ง
โดย Asree Samuyae
โจเซ่ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีมระดับท็อปคนล่าสุดที่ต้องว่างงาน หลังจากโดน อาแอส โรม่า ปลดพ้นจากตำแหน่ง ด้วยผลงานที่ไม่สู้ดีนักในฤดูกาลนี้ แม้เคยพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ก็ตาม
อย่างไรก็ตามเขาไม่ใช่ยอดกุนซือเพียงคนเดียวที่จะต้องว่างงาน เพราะยังมีเฮดโค้ชชื่อดังอีกหลายรายที่รอคอยโอกาสเหมาะสมในการกลับไปรับงานผู้จัดการทีมอีกครั้ง และต่อไปนี้คือ 10 กุนซือระดับท็อปที่ยังว่างงานอยู่ในเวลานี้
10. อังเดร วิลลาส-โบอาส
วิลลาส-โบอาส ยังคงพยายามกูชื่อเสียงของตัวเองขึ้นมาใหม่ หลังจากเคยสร้างชื่อสมัยคุมทีม เชลซี และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ โดยระเห็จไปทั้งรัสเซียและจีนเพื่อหลบเลี่ยงจุดสนใจ ก่อนกลับมาคุมทีมในระดับ 5 ท็อปลีกของยุโรปกับ โอลิมปิก มาร์กเซย ในปี 2019
การคุมทีม มาร์กเซย จบลงอย่างกระทันหันเนื่องจากความไม่ลงรอยกับเบื้องบนของสโมสร แต่เฮดชาวโปรตุกีสพาสโมสรกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ก่อนสุดท้ายถูกแทนที่โดย ฮอร์เก้ ซามเปาลี ซึ่งตอนนี้ วิลลาส-โบอาส ว่างงานตั้งแต่ปี 2021 แล้ว
9. วิตอร์ เปเรร่า
อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้นนัก แต่ เปเรร่า ติดอยู่ในโผเพราะเขาตกเป็นข่าวพัวพันกับทีมชาติอังกฤษหลายครั้ง
เฮดโค้ชชาวโปรตุกีสสร้างชื่อกับ เอฟซี ปอร์โต้ เช่นเดียวกับผ่านการคุมทีม โอลิมเปียกอส, เฟเนร์บาห์เช่ และ ฟลาเมงโก้ อีกด้วย
เปเรร่า เคยมีข่าวกับ เอฟเวอร์ตัน และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส เช่นกัน แต่เขาก็ตอบปฏิเสธ ตอนนี้เขายังคงว่างงานและคงไม่แปลกใจถ้าได้เห็นเขารับงานคุมทีมในพรีเมียร์ลีก
8. โยอาคิม เลิฟ
เลิฟ ประสบความสำเร็จอย่างมากกับทีมชาติเยอรมนี แต่ผลงานของเขากับทัพ "อินทรีเหล็ก" ดร็อปลงเรื่อย ๆ ก่อนแยกทางกันไปในปี 2021
กุนซือวัย 63 ปี ฝากสถิติเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการสำคัญ 3 ครั้งระหว่างช่วงการคุมทีม เยอรมนี 15 ปี แน่นอนว่านำรางวัลสูงสุดของเขาคือการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 รวมถึงแชมป์คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ปี 2017, เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโร 2008 และได้อันดับ 3 ในฟุตบอลโลกปี 2010 อีกด้วย
นั่นเป็นความสำเร็จที่ผ่านมากับทีมชาติ แต่ เลิฟ ก็เคยมีประสบการณ์ในระดับสโมสรเช่นกัน โดยได้แชมป์ออสเตรียน บุนเดสลีกา ปี 2001/02 ร่วมกับ ทิโรล อินส์บรุค ซึ่งเป็นแชมป์สุดท้ายของสโมสร และ เดเอฟเบ โพคาล ในปี 1997 ร่วมกับ สตุ๊ตการ์ท
7. เกรแฮม พอตเตอร์
กราฟของ พอตเตอร์ ฉุดลงเล็กน้อยหลังจากช่วงเวลาที่ยากลำบากที่ เชลซี ซึ่งเขามีอัตราการชนะต่ำที่สุดในบรรดาผู้จัดการทีมถาวรในประวัติศาสตร์ของสโมสร (39%)
อย่างไรก็ตาม พอตเตอร์ มีผลงานที่น่าประทับใจกับ ออสเตอร์ซุนด์ส, สวอนซี ซิตี้ และ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน โดยเฉพาะการพา ออสเตอร์ซุนด์ส เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อปี 2015 ก่อนที่จะพาพวกเขาจบอันดับที่ 8 ในซีซั่นแรก
หลังจากเอาชนะ อาร์เซนอล ในยูโรป้า ลีก พอตเตอร์ ก็กลับมาอังกฤษอีกครั้งเพื่อคุม สวอนซี ในเดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก่อนที่จะเข้ามาแทนที่ คริส ฮิวจ์ตัน เป็นนายใหญ่ของ ไบรท์ตัน
แม้ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นสองฤดูกาล พอตเตอร์ ก็พา ไบรท์ตัน จบอันดับในพรีเมียร์ลีกได้ดีที่สุดของสโมสรเมื่อปี 2021/22 ด้วยการจบอันดับที่ 9 ก่อนโยกรับงานใหญ่อย่าง เชลซี
6. โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์
โซลชาร์ ฝากผลงานที่ยอดเยี่ยมตอนยังรับบทเป็นกุนซือขัดตาทัพ และฝากสถิติชนะเป็นเปอร์เซ็นต์ 54.17% และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก ในปี 2021 อย่างไรก็ตามสิ่งต่าง ๆ แย่ลงเรื่อย ๆ จนเขาถูกตะเพิดจากทีมในปีดังกล่าว
ปัจจุบัน โซลชาร์ กำลังออกทัวร์ทั่วสหรัฐอเมริกาโดยใช้สิ่งอำนวยความสะดวกและความรู้ที่สโมสรในเมเจอร์ลีกฯ ซึ่งทำให้เขาตกเป็นข่าวพัวพันกับ ชาร์ลอตต์ เอฟซี นอกจากนี้เขายังมีข่าวพัวพันกับทีมชาติหญิงสวีเดนอีกด้วย
5. ฮันซี่ ฟลิค
ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวยสำหรับ ฟลิค และทีมชาติเยอรมนี เขาคือช่วยโค้ชที่เคยพา "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ที่มี เลิฟ กุมบังเหียน รวมถึงยังคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย และแชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัยกับ บาเยิร์น มิวนิค อีกด้วย
ฟลิค แพ้เพียง 7 จาก 86 เกมเท่านั้นตลอดการคุมทีม บาเยิร์น ก่อนตัดสินใจอำลาตำแหน่งในปี 2021 เพื่อก้าวไปรับงานคุมทีมชาติเยอรมนีแทน
อย่างไรก็ตามหลังจากออกสตาร์ทได้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ผลงานของ เยอรมนี ดร็อปลงอย่างน่าใจหาย พวกเขาตกรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลกปี 2022 ซึ่งเป็นครั้งที่สองติดต่อกันที่พวกเขาตกรอบในรอบดังกล่าว
การพ่าย 3 นัดติดต่อกัน และนัดสุดท้ายที่แพ้ ญี่ปุ่น 4-1 เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ ฟลิค ต้องตกงาน
4. ฆูเลน โลเปเตกี
หลังจากช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการตกชั้น ดูเหมือนว่า วูล์ฟส์ ได้กุนซือที่เหมาะสมแล้วในแผนการระยะยาวอย่าง ฆูเลน โลเปเตกี อย่างไรก็ตามกุนซือชาวสแปนิชอำลาตำแหน่งก่อนเริ่มต้นฤดูกาล 2023/24 หลังจากมีปัญหากับบอร์ดบริหารเกี่ยวกับแผนการเสริมทัพ
เชื่อว่า โลเปเตกี จะไม่ตกงานได้ไม่นาน เพราะเขายอมรับเองว่าเริ่มชื่นชอบวัฒนธรรมอังกฤษแล้ว และมีความทะเยอทะยานที่จะอยู่สานต่องานที่นี่ต่อไปในระยะยาว ท่ามกลางกระแสข่าวลือกับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
3. อันโตนิโอ คอนเต้
การแยกทางของ คอนเต้ กับสโมสรที่เขาเคยคุมนั้นมักจะมีปัญหากับเบื้องบนของสโมสรตลอด และการคุม ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ก็ลงเอยแบบเดียวกันเมื่อเขามีความเหตุไม่ตรงกับ แดเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสร
ความหงุดหงิดของ คอนเต้ ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับ เลวี่ ขาดสะบั้นเมื่อเขาให้สัมภาษณ์ยาวเหยียดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ลูกทีมว่าเห็นแก่ตัวหลังจบเกมที่ สเปอร์ส เสมอกับ เซาแธมป์ตัน 3-3
ด้วยโปรไฟล์ของ คอนเต้ ทำให้เขาดึงดูดหลายสโมสร และตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะกลับมากุมบังเหียนอีกครั้ง
2. โจเซ่ มูรินโญ่
มูรินโญ่ เป็นกุนซือที่เพิ่งตกงานแบบสด ๆ ร้อน ๆ เลย คุณไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่ากุนซือชาวโปรตุกีสยอดเยี่ยมแค่ไหนจากความสำเร็จอันโชกโชนกับหลายสโมสรที่คุมมา แต่เขาอาจถูกตั้งคำถามเรื่องสไตล์การทำทีมที่เน้นเกมรับ
หลังจากพา โรม่า คว้าแชมป์ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ทำให้ มูรินโญ่ เป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่คว้าแชมป์รายการสำคัญของยูฟ่าทั้ง 3 รายการ
มูรินโญ่ อาจว่างงานได้ไม่กี่อึดใจเพราะล่าสุดมีรายงานว่า อัล-ชาบับ สโมสรจากซาอุดิอาระเบีย สนใจดึงไปคุมทัพ
1. ซีเนอดีน ซีดาน
เราคุ้นเคยกับการดู ซีเนอดีน ซีดาน ชูถ้วยแชมป์ในฐานะผู้จัดการทีมร่วมกับ เรอัล มาดริด นับตั้งแต่อำลาทีมไปในปี 2021 ตำนานเพลย์เมคเกอร์ชาวฝรั่งเศสก็ยังไม่กลับมารับงานกุนซือเลย แม้มีข่าวพัวพันกับหลายสโมสรชื่อดัง
อย่างไรก็ตามหลังจากพักผ่อนมาพอสมควรแล้วดูเหมือนว่า ซีดาน จะพร้อมสำหรับการกลับไปรับงานกุมบังเหียนอีกครั้ง
"ผมจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ รออีกสักหน่อย ผมไม่ไกลจากการกลับมาคุมทีมอีกต่อไป" ซีดาน เปิดใจกับ RMC Sport เมื่อไม่นานมานี้