10 สถิติที่คุณ (อาจ) ยังไม่รู้ ก่อนเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ยูโร 2024 - FEATURE
• ที่หมายความว่าทัวร์นาเมนต์ ผ่านมาเกินครึ่งทางแล้ว
• และนี่คือหลากหลายสถิติน่าสนใจที่เกิดขึ้น และคุณอาจไม่ทันได้สังเกตเห็น
แรกสุดแห่ง ยูโร 2024
• ประตูแรกสุด เป็นของ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ที่ยิงให้ เยอรมนี นำหน้า สกอตแลนด์ 1-0 ในเพียง 9 นาที 55 วินาที ของเกมเปิดสนาม 14 มิ.ย. 2567
• แอสซิสต์แรกสุด ก็เป็นของ โยชัว คิมมิช ที่ปาดจากขวาให้ ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ ยิงไม่จับลูกนั้นเอง
• ใบเหลืองแรกสุด ยังเป็นของนักเตะเจ้าภาพ เยอรมนี อย่าง โรเบิร์ต อันดริช ที่โดนในนาที 31 ของเกมชนะ สกอตแลนด์ 5-1
• ใบแดงแรกสุด เป็นของ ไรอัน ปอร์เทียส เซนเตอร์แบ็กสกอตแลนด์ โดนในนาที 45 พร้อมเสียจุดโทษ เป็นช็อตสำคัญทำให้ สกอตแลนด์ แพ้ เยอรมนี เละเทะในนัดเปิดสนาม
• จังหวะนั้นเองนำมาซึ่ง จุดโทษแรกสุด ซึ่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ สังหารเข้าไปไม่พลาด 45+1 ของเกมที่ อัลลิอันซ์ อารีน่า
• ประตูตัวเองแรกสุด ยังคงอยู่ในเกมเปิดสนาม เป็นของ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่บอลลอยมาชนศีรษะเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง เป็นลูกตีไข่แตก 1-4 ของ สกอตแลนด์ นาที 87
• ผลเสมอแรกสุด เกมกลุ่มซี สโลวีเนีย เสมอ เดนมาร์ก 1-1 วันที่ 3 ของทัวร์นาเมนต์ (16 มิ.ย.)
• ทีมแรกสุดที่เข้ารอบน็อกเอาต์ คือ เยอรมนี ส่วนทีมแรกสุดที่ตกรอบแรก คือ โปแลนด์
• เกมแรกสุดที่ต้องต่อเวลา คือ อังกฤษ พบ สโลวาเกีย ที่ฝ่ายแรกเฉือนชนะ 2-1 ภายหลังตามตีเสมอ 90+5
• แฮตทริกแรก... ยังไม่มี ฟรีคิกประตูแรก... ก็ยังไม่มา!
100 ประตู
รอบแรกผ่านไป กับอีก 4 คืนของรอบสอง (16 ทีมสุดท้าย) ก็ค่อยๆ ผ่านไป พบว่า ยูโร 2024 มียิงกัน "100 ประตู" พอดี
ประตูแรก - ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ (เยอรมัน) / ประตูร้อย - มิชาเอล เกรกอริตซ์ (ออสเตรีย)
ร้อยประตู ตีเฉลี่ย 2.28 ประตูต่อแมตช์ และจะเกิดประตูขึ้นในทุกๆ 40 นาที
ทีมที่พังตาข่ายได้มากที่สุด คือ เยอรมนี กดไป 10 ประตู จากนั้นตามด้วย สเปน 9 ลูก
ถัดมา ที่ยิงได้ 7 ประตู มีทั้ง เนเธอร์แลนด์, สวิตเซอร์แลนด์, ออสเตรีย และ ตุรกี
สำหรับเกมที่จบแบบไร้สกอร์ 0-0 จนถึงตอนนี้ มีเกิดขึ้นเพียง 5 แมตช์เท่านั้น
- เนเธอร์แลนด์ 0-0 ฝรั่งเศส
เดนมาร์ก 0-0 เซอร์เบีย
อังกฤษ 0-0 สโลวีเนีย
ยูเครน 0-0 เบลเยียม
โปรตุเกส 0-0 สโลวีเนีย (จุดโทษ โปรตุเกส ชนะ 3-0)
นาทีสังหาร
จากการเก็บสถิติอย่างเป็นทางการของ ยูฟ่า
พบว่า "นาทีสังหาร" ยอดฮิตประจำ ยูโร เที่ยวนี้ เกิดขึ้นในระหว่างนาทีที่ 16 - 30
หรือก็คือ "กลางครึ่งแรก" ซึ่งหลายๆ ทีมเริ่มดันเกมรุกเต็มตัว และหลายๆ ทีมก็เริ่มการ์ดตก หลังผ่าน 15 นาทีแรกของเกมไปแล้ว
ระหว่างนาทีที่ 16 - 30 เกิดประตูขึ้นสูงสุดคือ 20 ลูก
ตรงกันข้าม น้อยสุดคือใน "ครึ่งหลังของการต่อเวลาพิเศษ" ที่ยังไม่มีประตูเกิดขึ้นในช่วงนี้เลย หรือเป็น 0 นั่นเอง
- และนี่คือลิสต์เต็มของประตูที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา
1-15 : 14 ประตู
16-30 : 20 ประตู
31-45 : 8 ประตู
45+ : 3 ประตู
46-60 : 16 ประตู
61-75 : 14 ประตู
76-90 : 12 ประตู
90+ : 12 ประตู
ต่อเวลา ครี่งแรก : 1 ประตู
ต่อเวลา ครึ่งหลัง : 0 ประตู
นาทีบาป
ที่น่าสนใจอีกอย่างจากลิสต์ข้างต้น
คือจาก 100 ลูกที่เกิดขึ้นจนตอนนี้ พบว่ามีถึง "12 ประตู" ที่เกิดขึ้นในช่วง "นาทีบาป" ทดเจ็บของครึ่งหลัง
ที่สำคัญ หลายๆ ประตูก็ส่งอิทธิพลโดยตรงกับเกมนั้นๆ เสียด้วย
12 ประตูนาทีบาปที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย...
- 1. เอ็มเร่ ชาน 90+3 (เยอรมนี 5-1 สกอตแลนด์)
2. บรีล เอ็มโบโล่ 90+3 (ฮังการี 1-3 สวิตเซอร์แลนด์)
3. เคเร็ม อัคตูร์โคกลู 90+7 (ตุรกี 3-1 จอร์เจีย)
4. ฟรานซิสโก้ คอนไซเซา 90+2 (โปรตุเกส 2-1)
5. เคล้าส์ ยาซูล่า 90+5 (โครเอเชีย 2-2 อัลเบเนีย)
6. สเตฟาน โยวิช 90+5 (สโลวีเนีย 1-1 เซอร์เบีย)
7. นิคลาส ฟุลล์ครุก 90+2 (สวิตเซอร์แลนด์ 1-1 เยอรมนี)
8. เควิน โซบอธ 90+10 (สกอตแลนด์ 0-1 ฮังการี)
9. มัตเตีย ซัคคานยี่ 90+8 (โครเอเชีย 1-1 อิตาลี)
10. เซงค์ โตซุน 90+4 (เช็ก 1-2 ตุรกี)
11. จู๊ด เบลลิงแฮม 90+5 (อังกฤษ 2-1 สโลวาเกีย, ต่อเวลา)
12. ดอนเยลล์ มาเลน 90+3 (โรมาเนีย 0-3 เนเธอร์แลนด์)
ดาวแอสซิสต์
ในขณะที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า "ดาวซัลโว" ยูโร งวดนี้ กอบโกยยอดประตูได้ไม่มากไม่มาย ถึงตรงนี้เพิ่งจัดกันไปคนละ 3 ลูก (โคดี้ กัคโป, จามาล มูเซียล่า, จอร์เจส มิคอทัดเซ่, อีวาน ชรานซ์) เท่านั้น
รู้หรือไม่ว่า ใครคือ "ดาวแอสซิสต์" จ่ายให้เพื่อนยิงได้ สูงสุด
พบว่า ก่อนเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย มีถึง 10 คน ที่ทำแอสซิสต์ไว้เท่ากัน 2 ครั้ง
- ลามีน ยามัล (สเปน)
เดนนิส มาน (โรมาเนีย)
ชาฟี ซิมอนส์ (เนเธอร์แลนด์)
มิเชล แอบิสเชอร์ (สวิตเซอร์แลนด์)
ฟาเบียน รุยซ์ (สเปน)
ยูราย คุชก้า (สโลวาเกีย)
อเล็กซานเดอร์ พราสส์ (สวิตเซอร์แลนด์)
เรโม ฟรอยเลอร์ (สวิตเซอร์แลนด์)
อันเต้ บูดิเมียร์ (โครเอเชีย)
นาธาน อาเก้ (เนเธอร์แลนด์)
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลจากบางแหล่ง (ออปต้า) ที่ขัดแย้งกับสถิติของ ยูฟ่า ชิ้นนี้ โดยยกให้ ชาฟี ซิมอนส์ จอมทัพดาวรุ่งทีมกังหันลม เป็นผู้นำแอสซิสต์ ด้วยการทำไป 3 แอสซิสต์
จนกว่าทัวร์นาเมนต์จะจบลง จับตาดูไปพร้อมกันว่าที่สุดแล้ว ใครจะเข้าป้ายเป็นเจ้าแอสซิสต์ประจำรายการ
จอมจบ (ไม่ลง)
แม้จะรวยล้นฟ้า ใช้เงินได้เหมือนแบงค์กาโม่ แต่รับประกันได้ว่าคุณพี่นักชกดัง คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ คงเขวี้ยงรีโมทใส่ทีวี หรือไม่ก็ปาจานชามลงพื้นไปแล้ว หลังได้ดูเกมระหว่าง โปรตุเกส กับ สโลวีเนีย เมื่อวันก่อน
เรื่องของเรื่องคือ ก่อนเริ่มรายการ แม็คเกรเกอร์ ได้ทุ่มเงินกว่า 6 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 2 ล้านบาท) ลงเดิมพันว่า โรนัลโด้ จะคว้ารางวัลดาวซัลโว ยูโร 2024 ไปครอง ในเรต 14/1 ซึ่งถ้าเข้าเป้าจริงในท้ายที่สุด จะทำเงินให้เขาที่ 9 แสนเหรียญสหรัฐฯ หรือราวๆ 33 ล้านบาท เลยทีเดียว
แต่ทั้งยิงใกล้ ยิงไกล ยิงฟรีคิก แม้กระทั่งจุดโทษ โรนัลโด้ ก็พลาดมันไปทั้งหมด -- โดยที่การแก้ตัว ยิงได้ในระหว่างดวลจุดโทษหลังจากนั้น ไม่ถูกนับรวมในชาร์ตการทำประตู แต่อย่างใด
และ 4 นัดผ่านไป โรนัลโด้ มีโอกาสยิงถึง 20 ครั้ง ...ไม่มีสักประตู แถมมี 1 ร่ำไห้
และนี่คือชาร์ตจอมจบ...จบวืดจบวาด ประตูได้มั้ยก็อีกเรื่อง!
- 1. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ : ยิงรวม 20 / ตรงกรอบ 8 / ประตู 0
2. ไค ฮาแวร์ตซ์ : ยิงรวม 15 / ตรงกรอบ 9 / ประตู 2
3. คีลิยัน เอ็มบัปเป้ : ยิงรวม 15 / ตรงกรอบ 6 / ประตู 1
4. เมมฟิส เดอปาย : ยิงรวม 14 / ตรงกรอบ 2 / ประตู 1
5. แฮร์รี่ เคน : ยิงรวม 13 / ตรงกรอบ 4 / ประตู 2
จอมเสียบ
ในขณะที่เขาโดนจับตาเรื่องความพลุ่งพล่านในเกมรุก เป็นตัวสอดแถวสองที่ดีที่สุดคนหนึ่งแห่งยุค อีกทั้งยังทำประตูสำคัญช่วยให้ อังกฤษ เอาตัวรอดจากเงื้อมมือของ สโลวาเกีย มาแล้ว
แถมกวาดรางวัล แมนออฟเดอะแมตช์ ไป 2 หนแล้วต่างหาก
แต่รู้หรือไม่ว่า จู๊ด เบลลิงแฮม คือ "จอมเสียบ" เบอร์ 1 แห่ง ยูโร 2024 จนถึงตอนนี้
และมากกว่ากลางรับเพื่อนร่วมทีมอย่าง ดีแคลน ไรซ์ ถึง 6 ครั้งทีเดียว
- 16 แท็คเกิ้ล - จู๊ด เบลลิงแฮม (อังกฤษ)
15 - ปิแอร์-เอมิล ฮอยเบิร์ก (เดนมาร์ก)
13 - จอร์จี้ ชัคเวทัดเซ่ (จอร์เจีย)
12 - ยาก้า บิโยล (สโลวีเนีย)
12 - มาริอุส มาริน (โรมาเนีย)
12 - ออนเดรจ์ ดูด้า (สโลวาเกีย)
11 - วานย่า เดอร์คูซิช (สโลวาเกีย)
11 - อมาดู โอนาน่า (เบลเยียม)
11 - เพตาร์ สโตยาโนวิช (สโลวีเนีย)
10 - ดีแคลน ไรซ์ (อังกฤษ)
10 - โอตาร์ คาคาบัดเซ่ (จอร์เจีย)
10 - ชูเอา ปาลินญ่า (โปรตุเกส)
10 - นูโน่ เมนเดส (โปรตุเกส)
10 - อดัม เซริน (สโลวีเนีย)
10 - โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ (อิตาลี)
จอมเซฟ
ให้เดาคำตอบเรื่องนี้ ก็ยากที่จะมีใครทายได้ถูกอีกนั่นแหละ
เพราะเป็นนายประตูทีมชาติ จอร์เจีย อย่าง จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ ที่เป็นเบอร์ 1 จำนวนเซฟประตูแห่ง ยูโร 2024 ชนิดที่ทิ้งผู้ตามแบบไม่เห็นฝุ่น
มามาร์ดาชวิลี่ (ซึ่งตกรอบไปเรียบร้อย) เซฟแล้วถึง 24 ครั้ง ในขณะที่ผู้ตามใกล้เคียงสุดคือ ฟลอริน นิต้า จอมหนึบ โรมาเนีย ที่เซฟไป 16 หนเท่านั้น
- อันดับจอมเซฟประตู ยูโร 2024
29 เซฟ - จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ (จอร์เจีย) เสีย 8 ประตู
16 - ฟลอริน นิต้า (โรมาเนีย) เสีย 6 ประตู
14 - จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (อิตาลี) เสีย 5 ประตู
14 - ยาน โอบลัค (สโลวีเนีย) เสีย 2 ประตู
14 - โคเอน คาสตีลส์ (เบลเยียม) เสีย 2 ประตู
13 - บาร์ต แฟร์บรุคเค่น (เนเธอร์แลนด์) เสีย 4 ประตู
12 - แองกัส กันน์ (สกอตแลนด์) เสีย 7 ประตู
12 - มาร์ติน ดูบราฟก้า (สโลวาเกีย) เสีย 5 ประตู
12 - แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (เดนมาร์ก) เสีย 4 ประตู
12 - เมิร์ต กูน็อค (ตุรกี) เสีย 3 ประตู
12 - ไมค์ เมนยอง (ฝรั่งเศส) เสีย 1 ประตู
10 - จอร์แดน พิคฟอร์ด (อังกฤษ) เสีย 2 ประตู
พี่ตู้...
หนึ่งในคนที่ต้องจาก ยูโร 2024 ไปแบบเจ็บปวดหัวใจที่สุด ไม่พ้น โรเมลู ลูกากู
นี่คือ ลูกากู สำหรับ ยูโร เที่ยวนี้
- ลงสนาม : 4
โอกาสยิง : 11
ยิงตรงกรอบ : 8
ยิงหลุดกรอบ : 1
ติดบล็อก : 2
ล้ำหน้า : 3
ประตู : 0
แอสซิสต์ : 1
ประเด็นก็คือ ผลงาน "รอบคัดเลือก" กับ "รอบสุดท้าย" ต่างกันราวฟ้ากับเหว
เมื่อ ลูกากู ยิงในรอบคัดเลือกไปถึง 14 ประตู เป็นดาวซัลโวแบบไร้คู่แข่ง (โรนัลโด้ 10, เอ็มบัปเป้ 9, แฮร์รี่ เคน 8, ราสมุส ฮอยลุนด์ 7)
แต่เมื่อมาถึงรอบสุดท้ายแล้ว "พี่ตู้เย็น" ก็เหมือนลืมเสียบปลั๊ก
แม้อาจต้องโทษดวงชะตา ที่ทำให้ประตูของเขาถูก VAR ริบไปถึง 3 รอบก็ตาม
เหลือแค่ 7 เกมสุดท้าย
และวันเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน
เร็วจน ยูโร 2024 เหลือนับถอยหลัง มีเกมให้ชมให้เชียร์อีกแค่ 7 นัดสุดท้าย เท่านั้นเอง
- 1. ศุกร์ 5 ก.ค. / 23.00 น. / รอบ 8 ทีมสุดท้าย (45) สเปน v เยอรมนี
2. ศุกร์ 5 ก.ค. / 02.00 น. / รอบ 8 ทีมสุดท้าย (46) โปรตุเกส v ฝรั่งเศส
3. เสาร์ 6 ก.ค. / 23.00 น. / รอบ 8 ทีมสุดท้าย (48) อังกฤษ v สวิตเซอร์แลนด์
4. เสาร์ 6 ก.ค. / 02.00 น. / รอบ 8 ทีมสุดท้าย (47) เนเธอร์แลนด์ v ตุรกี
5. อังคาร 9 ก.ค. / 02.00 น. / รอบตัดเชือก ผู้ชนะ 45 v ผู้ชนะ 46
6. พุธ 10 ก.ค. / 02.00 น. / รอบตัดเชือก ผู้ชนะ 47 v ผู้ชนะ 48
7. อาทิตย์ 14 ก.ค. / 02.00 น. / นัดชิงชนะเลิศ
เอาล่ะ 7 นัดสุดท้าย...ใครจะเป็น "เจ้ายุโรป" ประจำปี 2024
เดี๋ยวรู้เรื่อง!