10 ตำนานนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพค้าแข้ง แต่อาภัพไม่เคยสัมผัสกับการเล่น ฟุตบอลโลก - FEATURE
- เปิดรายชื่อ 10 อดีตซุเปอร์สตาร์ที่ไม่เคยไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
- ทุกคนล้วนประสบความสำเร็จในระดับสโมสร
- หลาย ๆ คนในลิสต์ค้าแข้งอยู่ใน พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
ขึ้นชื่อว่า "ฟุตบอลโลก" ย่อมเป็นความใฝ่ฝันของนักฟุตบอลทุกคนบนโลกใบนี้อยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่ามันมีน้อยคนนักที่จะได้ถูกบันทึกว่าเคยมีส่วนร่วมกับทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนดาวดวงนี้ แถมจะยิ่งน้อยลงไปอีกกับคนที่ได้ถูกจารึกชื่อว่าเป็นแข้งที่เคยได้สัมผัสกับถ้วย "Cup of Life" และจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกให้เป็นตำนานตลอดกาลของวงการลูกหนังดังเช่น เปเล่ ดิเอโก้ มาราโดนา มิเชล พลาตินี และรายล่าสุดอย่าง ลิโอเนล เมสซี
อย่างไรก็ตามยังมีนักเตะอีกหลายคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในอาชีพการค้าแข้ง แต่ไม่เคยได้สัมผัสกับแชมป์รายการนี้ ยิ่งไปกว่านั้นบางคนไม่เคยแม้ได้แต่เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแม้แต่วินาทีเดียวเลยด้วยซ้ำในอาชีพการค้าแข้ง
วันนี้เราจึงอยากนำเสนอ 10 ดาวเตะชื่อดังที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพพ่อค้าแข้ง แต่ดวงอาภัพไม่เคยได้สัมผัสกับการเล่นฟุตบอลโลก โดยจะมีใครกันบ้างนั้น ตามไปชมกัน...
10. แมตต์ เลอ ทิสซิเอร์ - อังกฤษ
อีกหนึ่งแข้งที่เรียกได้ว่าอาภัพกับการเล่นทีมชาติกับตำนานตัวรุกของ เซาแธมป์ตัน ในยุค 90 ที่เรื่องฝีเท้าเรียกได้ว่าไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรทำให้เจ้าตัวเคยติดทีมชาติอังกฤษไปเพียง 8 นัดเท่านั้นและไม่เคยรู้จักกับคำว่าฟุตบอลโลกเลย ทั้งที่ชื่อชั้นของเขาควรอยู่ระดับเดียวกับ พอล แกสคอยน์ หรือ คริส วาดเดิล เลยด้วยซ้ำ
9. ดาวิด จีโนลา - ฝรั่งเศส
ตำนานนักเตะของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งเจ้าตัวมีส่วนสำคัญในการพา ทัพตราไก่ ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 1994 ซึ่งก่อนหน้านั้นในยุคของ เชราร์ อูลลิเยร์ เขาคือนักเตะคนสำคัญ กระทั่งการมาของ เอม จาคเควต ผู้จัดการทีมคนใหม่ จิโนลา ไม่อยู่ในแผนการทำทีม ทำให้สุดท้ายเจ้าตัวลงสนามให้ทีมชาติไปเพียง 17 เกมเท่านั้น
8. เลียม เบรดี้ - ไอร์แลนด์
ตำนานกองกลางของ อาร์เซนอล ในยุค 70 เจ้าตัวเป็นตัวหลักให้กับทีมชาติไอร์แลนด์มาโดยตลอด ลงสนามไปทั้งสิ้น 72 นัด แต่ด้วยการที่คุณภาพโดยรวมยังไม่ดีนักทำให้พวกเขาไม่เคยได้เข้าไปเล่นใน ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เลยช่วงเวลานั้น
7. เอียน รัช - เวลส์
สุดยอดกองหน้าระดับตำนานของ ลิเวอร์พูล และทีมชาติเวลส์ เคยเป็นผู้ถือครองสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติก่อนจะโดน แกเร็ธ เบล ทำลายสถิติลงไป แต่ด้วยการที่ เวลส์ ไม่ใช่ทีมใหญ่ทำให้ยากที่พวกเขาจะได้เข้าไปเล่นในรอบลึก ๆ ของ ทัวร์นาเมนต์ ใหญ่โดยเฉพาะอย่างฟุตบอลโลกได้
6. ไรอัน กิ๊กส์ - เวลส์
หนึ่งในไอคอนของ พรีเมียร์ลีก และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพการค้าแข้งในระดับสโมสร แต่ในระดับทีมชาติก็เหมือนกับซุเปอร์สตาร์จาก เวลส์ หลาย ๆ คนที่ยากจะแบกทีมไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้
5. แบรนด์ ชูสเตอร์ - เยอรมนี
ตำนานนักเตะของทั้ง บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด เขาเป็นอีกคนที่ควรจะได้เล่นฟุตบอลโลกในนามทีมชาติ แต่เกิดปัญหาความเข้าใจผิดกันในการเรียกตัวไปรับใช้ชาติกับทางสโมสรในสมัยที่เจ้าตัวยังค้าแข้งกับ บาร์เซโลนา ทำให้สุดท้ายเขาไม่เคยถูกเรียกไปติด ทัพอินทรีเหล็ก อีกเลย
4. อิริค คันโตนา - ฝรั่งเศส
ยอดนักเตะฝีเท้าระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่พฤติกรรมนอกสนามของเขาก็แรงไม่แพ้ฟอร์มการเล่นเลย เริ่มจากการมีปัญหากับกุนซือทีมชาติจนโดนแบนยาว แต่หลังยุคของ อุลลิเยร์ และ พลาตินี เจ้าตัวได้รับโอกาสอีกครั้ง แต่ต่อมาก็ดันไปกระโดดถีบแฟนบอลที่เราทราบกันจนพลาดการไปเล่นฟุตบอลโลกปี 98 แต่นั่นทำให้เป็นโอกาสของแข่งหน้าใหม่ที่ได้ติดทีมไปแทนที่นามว่า ซีเนดีน ซีดาน
3. จอร์จ เวอาห์ - ไลบีเรีย
นักฟุตบอลชาวแอฟริกันอีกคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด เขาคว้าแชมป์ในนามสโมสรและรางวัลส่วนตัวมากมาย แต่ก็เช่นเดียวกับหลาย ๆ คนที่ประเทศของเขามาตรฐานยังต่างชั้นกับทีมใหญ่ ๆ ที่จะสามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้
2. จอร์จ เบสต์ - ไอร์แลนด์เหนือ
ตำนานแข้งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ ปีศาจแดง แต่สำหรับในนามทีมชาติไอร์แลนด์เหนือยุคนั้นเขาเกือบมีโอกาสได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อปี 1982 แต่สุดท้ายกุนซืออย่าง บิลลี บิงแฮม ตัดสินใจไม่เรียกตัวเขาติดทีมไปด้วย
1. อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน - สเปน, อาร์เจนตินา, โคลอมเบีย
สุดยอดตำนานยุคเก๋าของลาตินฟุตบอลที่จากค่าย เรอัล มาดริด ซึ่งสมัยนั้นเขาเคยลงเล่นให้ถึง 3 ชาติแต่กลับดวงอาภัพ โดยเริ่มจาก อาร์เจนตินา ที่ทีมพลาดการไปเล่นบอลโลก 1950 ก่อนจะถูกตัดสิทธิ์ในครั้งต่อมาจากการลงเล่นให้สองประเทศทั้ง โคลอมเบีย และ อาร์เจนตินา ในฟุตบอลโลก 1954 จากนั้นเขาได้สัญชาติสเปนแต่ ทัพกระทิงดุก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 1958 ได้ และเมื่อทีมได้ไปเล่นบอลโลก 1962 เขาก็ดันเจ็บจนสุดท้ายเขาไม่เคยได้เล่นในรายการนี้เลยแม้แต่นาทีเดียว