10 เรื่องที่คุณ (อาจ) ไม่รู้ของ ดาวรุ่ง 115 ล้านปอนด์ 'มอยเซส ไคเซโด้' เพชรเม็ดใหม่ของ เชลซี - FEATURE
• บรรลุข้อตกลงในที่สุดที่ 100+15 ล้านปอนด์ เป็นกำไรบึ้มบั้มของ ไบรท์ตัน
• ทั้งเส้นทางความเป็นมา, การเข้ามาแจ้งเกิดในอังกฤษ และการหักอก ลิเวอร์พูล เพื่อมายัง เชลซี เรารวบรวมไว้แล้วที่ตรงนี้
เข้าสวมเสื้อน้ำเงินยิ้มแฉ่งเป็นแข้งใหม่รายล่าสุดของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เรียบร้อยแล้วสำหรับ มอยเซส ไคเซโด้ มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัยยังไม่เต็ม 22 ที่ตอนนี้ กลายเป็นแข้ง "ร้อยล้านปอนด์" อีกคนแล้วของฟุตบอลอังกฤษ แต่เส้นทางกว่าที่จะได้มาเป็นแข้งใหม่ เชลซี ก็ควรถือว่าไม่ง่ายดาย แม้จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ไม่น้อยก็ตาม
1. ของขวัญวันเกิดชิ้นหรู
แม้จะต้องรออีกสักนิด แต่การได้ย้ายสู่ เชลซี ด้วยสัญญายาวเหยียด 8 ปี และว่ากันว่า (ไม่มียืนยันเป็นทางการ) การฟันค่าจ้างกับต้นสังกัดใหม่ประมาณ 1 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ครั้งนี้ ก็ควรนับเป็นเหมือน "ของขวัญวันเกิด" ล่วงหน้าของ ไคเซโด้ ที่จะได้ฉลองวันคล้ายวันเกิด อายุครบ 22 ปี ในวันที่ 2 พ.ย. หรืออีกไม่ถึง 3 เดือนข้างหน้า
และแม้ค่าจ้างหลัก 1 แสนปอนด์นั่น จะถือว่าจิ๊บๆ สำหรับ เชลซี (จ่ายแพงสุด 3.25 แสนปอนด์ให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กับ "ส่วนเกิน" อย่าง โรเมลู ลูกากู) แต่ก็ถือเป็นก้าวกระโดดของ ไคเซโด้ อย่างยิ่งในเรื่องรายรับ จากที่เคยได้ค่าเหนื่อยแค่สัปดาห์ละ 15,000 ปอนด์เท่านั้นจาก ไบรท์ตัน
2. น้องของพี่ๆ ทั้ง 9
มอยเซส ไคเซโด้ เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัวในเมือง ซานโต โดมิงโก้ ที่ประกอบด้วยลูกๆ มากถึง 10 คน ซึ่งเขาและพี่ๆ โตมาด้วยการดูฟุตบอลยุค 2000 พร้อมกับเตะบอลบนพื้นถนนทางเดิน ที่ใช้ก้อนหินมาตั้งเป็นเสาประตู ตามประสาเด็กเอกวาดอร์ทั่วไป
แต่ "แววดี" ของ ไคเซโด้ ก็พาให้เขาไปพบกับ อีวาน เกร์ร่า โค้ชฟุตบอลท้องถิ่น ที่เตะตากับลักษณะท่าทางของเจ้าหนูมอยเซสเข้าอย่างจัง
อีวาน เกร์ร่า มั่นใจมากตั้งแต่ตอนนั้นว่า ไคเซโด้ มีดีพอจะก้าวไปเป็นนักเตะอาชีพชั้นนำได้ในอนาคต จึงให้การสนับสนุนทั้งตัว ไคเซโด้ และครอบครัว เป็นอย่างดี ควักเงินส่วนตัวดูแลทั้งเรื่องอาหารการกิน ค่าเดินทาง เช่นเดียวกับซื้อรองเท้าสตั๊ดให้กับ ไคเซโด้ เพื่อให้ได้เข้าร่วมทีมท้องถิ่น Mujer Trabajadora ที่เขาดูแลอยู่อย่างเป็นจริงเป็นจัง
3. จากกองหน้าสู่กองกลาง
ในช่วงแรกเริ่มเข้าสู่สโมสร Mujer Trabajadora นั้น ไคเซโด้ เล่นในตำแหน่งกองหน้า และเล่นดีจนติดทีมเป็นตัวแทนระดับเขต ไปเตะกับอีกสโมสรอยู่เป็นประจำ เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ค่อยๆ ปรับสู่ตำแหน่งที่เฉิดฉายและร่ายศักยภาพออกมาได้ดีที่สุดอย่าง "มิดฟิลด์ตัวกลาง"
แม้ว่าการทดสอบฝีเท้ากับทีมอาชีพ 2-3 รายแรกจะล้มเหลว แต่เมื่อมาถึงปี 2016 ที่ ไคเซโด้ อายุราว 15 ขวบ หนึ่งในพี่ชายของเขาก็พาไปทดสอบฝีเท้ากับ อินดิเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ (Independiente del Valle) และได้ผลลัพธ์เป็นการที่ ไคเซโด้ สอบผ่าน ได้เข้าสู่ระบบฟุตบอลอาชีพอย่างจริงจังเป็นที่แรก
4. เทิร์นโปรในวัย 17
จากอะคาเดมี่ สู่ทีมชุดใหญ่ของ อินดิเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ ที่ ไคเซโด้ ถูกส่งลงประเดิมสนาม เซเรีย อา เอกวาดอร์ ในซีซั่น 2019 ด้วยวัยเพียง 17 ขวบเท่านั้น
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซีซั่นถัดมา (2020) ไคเซโด้ ก็กลายเป็นสมาชิกขาประจำทีมชุดใหญ่ไปเรียบร้อย ที่นอกจากความโดดเด่นของการเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง ลักษณะบ๊อกซ์ทูบ๊อกซ์แล้ว ยังมีบางครั้งที่เขาถูกถอยไปเล่นเซนเตอร์แบ็ก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่ลืมสัญชาตญาณเพชฌฆาต โดยมีผลงานยิงไป 6 ประตูจากการลงสนาม 28 นัด
5. คว้าโอกาสอย่างไม่ลังเล
ความโดดเด่นของ ไคเซโด้ ทั้งในการเล่น โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส ร่วมกับต้นสังกัด และระหว่างเข้ารับใช้ทีมชาติ เอกวาดอร์ ที่เขาเริ่มติดธงตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ทำให้ชื่อของเขาอยู่ในสมุดบันทึกของหลายๆ แมวมองจากสโมสรทั่วยุโรป
ในวัยเพียง 19 กับการต้องจากบ้าน ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสู่เมืองผู้ดี อังกฤษ หากเป็นบางคน อาจเลือกตอบปฏิเสธไปเมื่อความเสี่ยงต่อการล้มเหลวก็มีอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ใช่กับ ไคเซโด้ ที่ตกลงรับโอกาสการย้ายสู่ ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน อย่างไม่ลังเล ในช่วงตลาดหน้าหนาว ต้นปี 2021 ภายหลังฟอร์มของเขาเข้าตาทั้ง แมวมอง, สตาฟฟ์โค้ช ไปจนถึงกุนซือ ไบรท์ตัน ในช่วงนั้นอย่าง เกรแฮม พ็อตเตอร์
ส่วนค่าตัวที่ ไบรท์ตัน ควักจ่ายให้กับ อินดิเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ ไป อยู่ที่เพียง 4 ล้านปอนด์เท่านั้น
6. ถูกส่งยืมที่เบลเยียม
แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาของนักเตะใหม่จากต่างแดน ที่จะต้องใช้เวลาปรับตัวปรับใจกับฟุตบอลอังกฤษสักระยะ ซึ่งในรายของ ไคเซโด้ เขาไม่ถูกส่งลงเล่นทีมของ พ็อตเตอร์ แม้แต่นัดเดียวในตลอดครึ่งหลังของซีซั่น 2020/21 ที่ย้ายเข้าสู่เมืองชายฝั่งตอนใต้ของอังกฤษ
ซัมเมอร์ 2021 ไคเซโด้ ยังถูกส่งยืมไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เบลเยียม กับทีม เบียร์ช็อต (Beerschot) ภายใต้สัญญา 1 ปี
อย่างไรก็ตาม เป็นโชคของ ไคเซโด้ ที่ในระหว่างซีซั่นนั้น ตัวเลือกแดนกลางของ พ็อตเตอร์ ล้มเจ็บไปพร้อมๆ กัน เช่นเดียวกับบางคนก็ย้ายออก ทำให้สัญญายืมตัวกับ เบียร์ช็อต ถูกฉีกลงกลางทาง ไคเซโด้ ได้กลับสู่ ไบรท์ตัน ก่อนกำหนด ตอนกลางเดือน ม.ค. 2012 หลังจากลงเล่นที่เบลเยียมไปได้ 14 นัด (มี 2 ประตู)
7. ปีแจ้งเกิด
หลังถูกดึงตัวกลับมาจากสัญญายืม ไคเซโด้ ก็ได้โอกาสสอดแทรกลงสู่ทีมชุดใหญ่ของ พ็อตเตอร์ และมีผลงานน่าพอใจอย่างการยิง 1 ประตูในโอกาสลงสนาม 10 นัด
นั่นทำให้เมื่อ 2022/23 เริ่มต้นขึ้น ไคเซโด้ ก็กลายเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชุดใหญ่ ไบรท์ตัน เต็มตัว ทั้งในตอนที่ พ็อตเตอร์ ยังอยู่ และมาถึงตอนส่งไม้ต่อให้โค้ชอิตาเลียน โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ เข้ามาสานงาน
เมื่อมีที่ทางให้ได้โชว์ฟอร์มเต็มที่แล้ว ไคเซโด้ ก็พุ่งสุดฉุดไม่อยู่ ร่ายฟอร์มแบบมิดฟิลด์ชั้นยอดที่ "ครบเครื่อง" ในตัวเอง เป็นทั้งผึ้งงานและทุกสิ่งทุกอย่างในแดนกลางของ ไบรท์ตัน เช่นเดียวกับเป็นหนึ่งในดาวเด่นของทีมร่วมกับ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, อีแวน เฟอร์กูสัน และ คาโอรุ มิโตมะ (รวมถึงไปยิง 1 ลูกในฟุตบอลโลก 2022 ด้วย)
เด่นขนาดไหนอย่างไร ยืนยันด้วยหลักฐานอย่างรางวัล "นักเตะแห่งปีไบรท์ตัน" ทั้ง 2 รางวัล - Player of the Season และ Players' Player of the Season ประจำซีซั่นที่แล้ว
8. เหตุผลของราคาแพง
ก่อนจะเข้าเปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ เชลซี เมื่อ 14 ส.ค. นั้น ไคเซโด้ ต้องเจอกับช่วงปรีซีซั่นที่น่ากระอักกระอ่วนใจไม่ใช่น้อย เมื่อชัดเจนว่ามีทั้ง เชลซี, ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ให้ความสนใจจะดึงไปเสริมแดนกลาง และตัว ไคเซโด้ เองก็พร้อมรับโอกาสเข้าร่วมทีมใหญ่ด้วยความยินดี
แต่ ไบรท์ตัน ก็ไม่ยินดีจะปล่อยออกง่ายๆ ราคา 50-60 ล้านปอนด์เลิกคิดไปได้เลย (แม้จะซื้อมาแค่ 4 ล้านปอนด์) เนื่องจาก 1. นักเตะผลงานดี 2. มี "ความต้องการซื้อ" จากหลายสโมสร และ 3. ไคเซโด้ เพิ่งต่อสัญญากับ ไบรท์ตัน ไปยันปี 2027 เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา เท่านั้น
9. สิงห์น้ำเงินทั้งใจ
เป็นเรื่องจริงที่ ลิเวอร์พูล เข้าใกล้การได้ตัว ไคเซโด้ อย่างยิ่ง เพราะหลังจาก ไบรท์ตัน ปัดตกข้อเสนอจาก เชลซี ที่ 80 ล้านปอนด์ ไปแล้ว พวกเขาก็เปิดไฟเขียวให้กับ ลิเวอร์พูล ที่มาด้วยเงินก้อนตู้ม สถิติสโมสร 111 ล้านปอนด์ ซึ่่งเรื่องนี้ สำนักข่าวใหญ่อย่าง บีบีซี ก็ได้รายงานไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เยอร์เก้น คล็อปป์ และชาวคณะหงส์แดง คงรู้สึกเหมือนโดนตบจนหน้าชา เมื่อเพียงไม่กี่ชั่วโมงถัดมา ก็มีรายงานตามมาว่า ไคเซโด้ จะไม่ย้ายสู่ ลิเวอร์พูล แน่นอน เมื่อ "เทหัวใจให้ เชลซี ไปหมดแล้ว" โดยมีการเผยว่า เขาได้ตกปากรับคำว่าจะไปเล่นให้ทีมตราสิงห์แล้วด้วยตั้งแต่ตอนต้นซัมเมอร์
และยังมีการเผยตามมาว่า ทั้ง โคล้ด มาเกเลเล่ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ต่างก็เป็น "ไอดอล" ที่ ไคเซโด้ พยายามศึกษาวิธีการเล่น ผ่านทางวิดีโอ มาตลอด รวมถึงเขาเองก็เป็นกองเชียร์ เชลซี มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วด้วย
10. สถิติเอกวาดอร์
สำหรับค่าตัวที่ เชลซี ยอมทุ่มทุนในการณ์นี้ อยู่ที่การจ่ายเบื้องต้น 100 ล้านปอนด์ บวกกับออปชั่นเสริมตามผลงานในอนาคตอีก 15 ล้านปอนด์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสถิติค่าตัวสูงสุดตลอดกาลของชนชาติเอกวาดอร์อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าในแคมป์ เชลซี ยังต้องถือว่า เอ็นโซ เฟร์นานเดซ เป็นเจ้าสถิติค่าตัวแพงสุดอยู่ ที่ 106.8 ล้านปอนด์ (121 ล้านยูโร) ในการย้ายจาก เบนฟิก้า มาเมื่อต้นปี
ส่วน ไคเซโด้ จะถือว่ามีค่าตัว ณ ตอนนี้ที่ 100 ล้านปอนด์ จนกว่าที่ add-ons ต่างๆ จะมีผลบังคับใช้ในอนาคต ที่ทำให้ค่าตัวขยับขึ้นไปเต็มจำนวน 115 ล้านปอนด์ นั่นเอง