10 เรื่องที่คุณอาจไม่รู้ของ นิโคลัส แจ๊คสัน หอกเป้าตัวความหวังใหม่ของ เชลซี - FEATURE

เพราะชัดเจนว่า เชลซี ไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้าให้เป็นที่พึ่งพิง ภายหลังปล่อย โรเมลู ลูกากู ไปสู่ที่ชอบๆ แล้วระหว่างซีซั่นก่อนก็สลับใช้ ไค ฮาแวร์ตซ์ บ้าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง บาง หรือตัวยืม เจา เฟลิกซ์ บ้าง แต่ทั้งหมดก็ออกทรงล้มเหลวพอๆ กัน

แต่ก็น่ารักน่าลุ้นว่าปัญหานี้จะหมดไป ด้วยการมาของ นิโคลัส แจ๊คสัน หอกเซเนกัลจาก บียาร์เรอัล และนี่คือ 10 เรื่องที่คุณไม่มีทางรู้มาก่อนของหอกเป้าตัวความหวังใหม่แห่ง สแตมฟอร์ด บริดจ์

1. แกมเบีย - เซเนกัล

ด.ช. นิโคลัส แจ๊คสัน (นิโกล่าส์ ชัคซอน?) เป็นอีกหนึ่งดาวเตะที่มีการย้ายถิ่นฐานตั้งรกราก โดยหลังจากลืมตาดูโลกในวันที่ 20 มิ.ย. 2001 ที่กรุงบันจูล เมืองหลวงของประเทศแกมเบีย (สาธารณรัฐแกมเบีย, The Gambia) อดีตดินแดนอาณานิคมของอังกฤษแล้ว ก็ได้ย้ายสู่ เซเนกัล ตอนอายุ 16 หรือที่จริงก็เมื่อราวๆ 6-7 ปีที่แล้วเท่านั้น

และเมื่อมีตัวเลือก 2 ชอยส์ แกมเบีย กับ เซเนกัล เจ้าหนูแจ๊คสันจึงไม่ลังเลในการจิ้มเลือกชอยส์หลัง (ที่ใหญ่กว่า มีอนาคตกว่า) สำหรับการเข้าเล่นทีมชาติ โดยเริ่มจากชุดยู-20 ก่อนขยับขึ้นสู่ชุดใหญ่ เซเนกัล รวมถึงมีชื่อเป็นหนึ่งใน 26 แข้งชุดลุย ฟุตบอลโลก 2022 ด้วย แม้จะมีโอกาสลงสำรองแค่ 20 นาทีท้าย รอบแรกเกมแพ้ เนเธอร์แลนด์ 0-2 ก็ตาม

2. "แอฟริกัน เนย์มาร์"

แคมป์ลูกหนังแห่งแรกของ แจ๊คสัน คือ เอเอสซี ติเลเน่ ก่อนที่จะได้เข้าสู่อะคาเดมี่ชั้นนำของเซเนกัลอย่าง คาซ่า สปอร์ต ซึ่งภายใต้ต้นสังกัดแรก ว่ากันว่า แฟนๆ มอบชื่อ "เนย์มาร์คนใหม่" ให้กับเขา หลังจากได้เห็นฟอร์มในสนามแค่ 15 นาทีเท่านั้น

"เมื่อเขาเข้ามาร่วมทีมเรา เราก็ใช้งานเขาทันทีเลยในเกมอุ่นเครื่องกับ เอเอสซี สเตลล่า ซึ่งแฟนบอลท้องถิ่นจำนวนมากเข้ามาดูก้าวแรกของเขา" ซาฟีตู ซานย่า ผู้ช่วยโค้ช ติเลเน่ ว่าพลางยิ้ม "ตอนนั้นเองที่แฟนๆ เรียกเขาว่า เนย์มาร์ ที่จริงเขาได้อยู่ในสนามแค่ 15 นาทีเท่านั้น เพราะเราอยากเห็นเขาแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้นเอง เพราะจากแวบแรก เขาดูไม่เหมือนนักฟุตบอลเอาเลย!"

บาดาร่า ซาร์ โค้ชใน คาซ่า สปอร์ต เผยไว้เช่นกัน "เขาเป็นตัวเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยมมากๆ ซึ่งพบเจอไม่ง่ายนักแล้วในฟุตบอลทุกวันนี้ เขามีความเร็วสูง มีพลัง และสามารถเล่นได้ทั้งสองเท้า คุณภาพสูงในเรื่องลูกกลางอากาศ ด้วยส่วนสูง 1.87 เมตร"

"เราให้เขาเล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 แต่บางครั้งเขาออกไปเล่นทางซ้าย บางทีเขาถ่างออกทางขวา แสดงให้เห็นถึงความสารพัดประโยชน์ เมื่อในบางเวลา เราก็ใช้งานเขาในฐานะศูนย์หน้าตัวเป้า หรือหน้าต่ำด้วยเหมือนกัน"

3. ขึ้นฝั่ง สเปน ตั้งแต่ 18

แม้จะไม่มีบันทึกที่ชัดเจนถึงผลงานสมัยเล่นในบ้านเกิด แต่ก็พอเดาได้ว่าร้อนแรงประมาณไหน เพราะในช่วง ก.ย. 2019 หรือตอนที่ แจ๊คสัน อายุแค่ 18 และเพิ่งอยู่กับ คาซ่า สปอร์ต ได้แค่ปีเดียว (รวมถึงเพิ่งติดทีมชาติเซเนกัล ชุดยู-20 เท่านั้น) บียาร์เรอัล ก็ลุยเข้าคว้าตัวมาเสริมทัพอย่างรวดเร็ว แม้จะส่งไปเรียนรู้วิชาฟุตบอลยุโรปในทีมเยาวชนก่อนก็ตาม

แต่แม้จะมาแบบโนเนม ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โต ในเนื้อข่าวเปิดตัวก็ยังระบุไว้ด้วยว่านี่คือ "เซเนกัลลีส เนย์มาร์" ที่ได้เข้าสู่ทัพ เยลโล่ ซับมารีน

4. 1 ปีที่ มิรันเดส

เป็นเรื่องปกติที่ทีมในสเปน (หรือก็ทุกที่) จะส่งเด็กออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ "ฝึกงาน" ในฐานะแข้งยืมตัวกับทีมเล็กๆ ลีกรองๆ ลงไป เพื่อให้มีโอกาสลงสนามเต็มที่แบบไม่มีแรงกดดัน ซึ่งสำหรับ แจ๊คสัน ก็ถูก บียาร์เรอัล ส่งยืมไปยังทีมใน เซกุนด้า ดิบิซิออน อย่าง มิรันเดส ในซีซั่น 2020/21

และภายใต้เครื่องแบบดำแดง แจ๊คสัน ต้องพยายามปรับจังหวะจะโคน ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับบอลสเปนอยู่ไม่น้อย โดยเขามีโอกาสลงสนาม 17 นัด ทำได้แค่ 1 ประตูกับ 1 แอสซิสต์เท่านั้น

5. ได้เวลาโชว์ของ

ภายหลังกลับมาจากการยืมตัว ก็ถึงคราวที่ แจ๊คสัน จะได้โชว์ผลงานกับ บียาร์เรอัล บ้างแล้วในซีซั่น 2021/22 โดยเริ่มต้นที่ บียาร์เรอัล เบ (Villarreal B) ทีมชุดสองซึ่งเล่นในลีกรอง ดิวิชั่น 3 Primera Division RFEF

ที่นี่เองที่ แจ๊คสัน เริ่มระเบิดฟอร์มเตะตาผู้คน ด้วยการลงสนาม 27 นัด ซัด 7 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ จนถือว่ามีส่วนสำคัญในการพาทีมเลื่อนชั้นสู่ เซกุนด้า ดิบิซิออน ในท้ายที่สุด

ในซีซั่นเดียวกันนั้นเอง อูไน เอเมรี่ กุนซือทีมชุดใหญ่ บียาร์เรอัล (เวลานั้น) ก็ได้เปิดที่ทางให้ แจ๊คสัน ได้ขึ้นมาสูดอากาศชั้นบนสุดเป็นระยะ ซึ่งก็ลงสนามไป 10 นัดด้วยกัน

6. เบ่งบานกับเรือดำน้ำ

แล้วหลังจากทำความรู้จักกับฟุตบอลสเปนในแต่ละระดับอย่างเข้าถึง ซีซั่นที่ผ่านมา 2022/23 ก็เป็นเวลาที่ แจ๊คสัน จะได้เป็นสมาชิกของทีมชุดใหญ่อย่างสมบูรณ์ โดยไม่หลุดจากทีมด้วยแม้ว่า อูไน เอเมรี่ จะผละออกจากเก้าอี้กุนซือ แล้วมี กีเก้ เซเตียน เข้ามาแทน ก็ตาม

เริ่มกันตั้งแต่นัดเปิดสนาม ลา ลีกา กลางเดือน พ.ค. ที่ บียาร์เรอัล บุกเตะ เรอัล บายาโดลิด และ แจ๊คสัน ที่ถูกวางเป็นคู่กองหน้าร่วมกับ เคราร์ด โมเรโน่ พังตาข่ายลูก 1-0 ตอนต้นครึ่งหลัง ก่อนทีมจะเก็บชัยชนะสวยๆ 3-0

แต่ความร้อนแรงทะลักทะลวงควงใจมากกว่าของ แจ๊คสัน คือในช่วงท้ายๆ ซีซั่น ที่เขากระหน่ำถึง 10 ประตูจากการลงสนามรวม 11 นัด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าจุดนี้แหละ เป็นตัวนำทางให้ดาวรุ่งวัย 22 (เพิ่งฉลองเบิร์ธเดย์ไปเมื่อกลางเดือน 6) ยกครอบครัวมาสู่ชีวิตใหม่ที่นครลอนดอน ภายใต้การจิ้มเลือกของท็อปทีม พรีเมียร์ลีก อย่าง เชลซี

(ยังมีการเผยว่า บอร์นมัธ พยายามรุกล่าตัว แจ๊คสัน อย่างจริงจังมาแล้วในช่วงเปิดตลาดหน้าหนาว เมื่อเดือน ม.ค. และ บียาร์เรอัล ก็เปิดไฟเขียวรับข้อเสนอ 22.5 ล้านปอนด์แล้วด้วย แต่อีลมีอันพังครืนลงเพราะ แจ๊คสัน ตรวจร่างกายไม่ผ่าน ด้วยปัญหาบาดเจ็บแฮมสตริง)

7. แปดปี!

แม้ในบางแง่ วลี "8 ปี" จะถือเป็นเรื่องอัปมงคล แต่ในการคว้าตัว แจ๊คสัน มาสวมเครื่องแบบตราสิงห์ครั้งนี้ มีค่าเสียหาย 32 ล้านปอนด์ (37 ล้านยูโร) และ เชลซี ยืนยันว่าพวกเขาจับนักเตะลงนามเซ็นสัญญายาวถึง 8 ปีด้วยกัน

ต่างไปจากนักเตะรายอื่นที่เซ็นกัน 3-4 ปี หรือแม้แต่ปีสองปีก็เยอะแยะ แต่ แจ๊คสัน ได้สัญญายาวเหยียดระยะ 8 ปีจาก เชลซี "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ต้อนรับ นิโคลัส แจ๊คสัน สู่ เชลซี เขาคือนักเตะอายุน้อยที่มีศักยภาพสูง อย่างที่เขาแสดงให้เห็นกับ บียาร์เรอัล ในซีซั่นก่อน" ลอว์เรนซ์ สจ๊วร์ต กับ พอล วินสแตนลี่ย์ สองบิ๊กสิงห์ ออกแถลงร่วม "เราเชื่อว่าเขาพร้อมสำหรับก้าวถัดไปในเส้นทางอาชีพ และกำลังมองถึงการได้ร่วมงานกับเขา พร้อมเฮดโค้ชคนใหม่ของเรา เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และบรรดาเพื่อนร่วมทีมใหม่ของเขาเช่นกัน"

มาลองดูกันว่า 8 ปีของ แจ๊คสัน จะมีอนาคตเป็นไปอย่างไรใน เดอะ บริดจ์

และจะมีกุนซือถูกสลับสับเปลี่ยนเปลี่ยนมาเป็นเจ้านายของเขาสักกี่คน!

8. ดร๊อกบา - อเนลก้า - เดมบา บา

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ แจ๊คสัน จะมีอดีตดาวยิง เชลซี แทรกเข้าอยู่ในหัวใจ ไม่ว่าจะตำนานอย่าง ดิดิเยร์ ดร๊อกบา, นิโกล่าส์ อเนลก้า หรือ เดมบา บา ก็ตาม

"ผมอยากเล่นให้ทีมใหญ่ๆ มาตลอด และ เชลซี ก็คือหนึ่งในทีมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผมได้ดูพวกเขามาตั้งแต่ที่ผมยังเด็ก ผมดู เดมบา บา, ดิดิเยร์ ดร๊อกบา, นิโกล่าส์ อเนลก้า ก็เก่งมาก ดังนั้นผมจึงใฝ่ฝันมาตลอดที่จะได้เล่นให้ทีมใหญ่แบบนี้" แจ๊คสัน เผยขณะเปิดตัวกับทีมตราสิงห์

"เมื่อ เชลซี ก้าวเข้ามา ผมก็ไม่มีเหตุผลใดต้องปฏิเสธ ผมอยากเล่นให้ทีมระดับนี้มาตลอดอยู่แล้ว เช่นเดียวกับที่ผมมีไอคอนที่เคยเล่นให้ที่นี่ ทั้ง บา และ ดร๊อกบา ดังนั้นเมื่อ เชลซี เข้ามา หัวใจผมก็ตอบตกลงในทันที"

9. เอเยนต์ เดมบา บา & ซาดิโอ มาเน่

"ผมดูฟุตบอลอังกฤษมาไม่น้อยในตอนอยู่แอฟริกา ผมโตขึ้นด้วยการดู พรีเมียร์ลีก เพราะสำหรับผม นี่คือลีกที่ดีที่สุดในโลก ผมรักพรีเมียร์ลีก ผมรู้เรื่องของที่นี่เยอะ รวมถึงเรื่องของ เชลซี ด้วย"

"ผมได้พบกับ เดมบา บา ตอนที่ผมเข้าร่วมทีมชาติเซเนกัล ในเบรคทีมชาติหนล่าสุด และผมมีเรื่องมากมายเกี่ยวกับ เชลซี ที่อยากถามเขา แต่ทำไม่สำเร็จเพราะผู้คนรายล้อมเขาเต็มไปหมด ดังนั้นผมจึงรอจนถึงตอนนี้ที่ผมเซ็นสัญญากับ เชลซี แล้ว ผมได้ส่งข้อความไปหาเขา รวมถึงจะส่งเสื้อของผมไปให้เขาด้วย"

"ผมได้คุยกับเอเยนต์ของผม ดิโอม็องซี่ กามาร่า แล้วถึงเรื่องพรีเมียร์ลีก เมื่อเขาก็เคยเล่นที่นี่มาก่อน เช่นกับ ฟูแล่ม เขาจึงรู้จักที่นี่เป็นอย่างดี เขาบอกกับผมถึงทุกเรื่อง ดังนั้นผมจึงได้รู้เรื่องราวที่นี่เยอะเช่นกัน"

"ผมยังได้คุยกับ ซาดิโอ มาเน่ ถึงเรื่องของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ และเขายกย่องเจ้านายเก่าเป็นอย่างดี เขาพูดถึงเรื่องดีๆ หลายอย่าง ซาดิโอ บอกผมว่าเจ้านายจะช่วยให้ผมพัฒนาตัวขึ้นได้มาก และมีผลงานที่ดี ถ้าผมฟังในสิ่งที่เขาพูด ดังนั้น นี่แหละคือสิ่งที่ผมจะทำ"

10. จะเกิดกับ เชลซี ไหม?

จากการเก็บข้อมูลของ Transfermarkt พบว่า แจ๊คสัน ออกจะเป็น "หัวหอกตัวเป้า" มากกว่าอย่างอื่น โดยจากการยืนค้ำตัวบนสุด 36 นัด เขาสามารถทำได้ถึง 15 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์

ส่วน "ปีกขวา" ได้เล่นอยู่ 15 นัด มีผลงานยิง 3 แอสซิสต์ 4 และสำหรับ "ปีกซ้าย" แจ๊คสัน เล่นไป 7 เกม มี 1 ตุงกับ 2 แอสซิสต์ นอกนั้นก็มีอีก 1 เกมที่ยืนหน้าต่ำ/กลางรุก ด้วย

อย่างไรก็ตาม จุดที่นำพา แจ๊คสัน มายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็คือผลงานร้อนแรงในช่วงท้ายๆ ซีซั่นล่าสุดนี้ มากกว่าจะเป็นการจับตายาวนานเกินกว่า 1 ปี หรือย้อนไปไกลกว่านั้นตอนที่นักเตะเล่นให้ทีมชุดบี หรือถูกส่งยืมไป มิรันเดส

ออกจะเป็นการซื้อตัวจาก "ผลงานระยะสั้น" เหมือนในหลายดีลที่ เชลซี จิ้มเลือกในยุคของ ท็อดด์ โบห์ลี่

ดังนั้น จึงยังเป็นเรื่องต้องจับตากันยาวๆ ว่า นิโคลัส แจ๊คสัน จะเป็นคำตอบของ "หอกเป้า" ที่ เชลซี ขาดหายและตามหามานาน รึเปล่า

กับ 2023/24 ที่รออยู่ เชลซี จะเริ่มต้นปรีซีซั่นในช่วงกลางเดือน 19 ก.ค. เป็นต้นไป ด้วยทริปลงเตะที่สหรัฐอเมริกา 5 นัด ก่อนเปิดหัว พรีเมียร์ลีก ด้วยเกมบิ๊กแมตช์กับ ลิเวอร์พูล 13 ส.ค.

หากไม่มีการทุ่มเงินก้อนโตคว้าดาวยิงรายไหนเข้ามาเสริมอีก ก็จะเป็น แจ๊คสัน นี่แหละ หอกเป้าตัวยืนสำหรับภารกิจลุยทุกรายการของซีซั่นหน้า

มาร่วมจับตาไปพร้อมกัน กับ 32 ล้านปอนด์ที่ลงทุนไป และสถิติยิง 13 ลูกในบอลสเปนซีซั่นล่า จะ "บวก" หรือ "ลบ" เมื่อพาตัวเองมาพบกับแฟนๆ ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์