10 เรื่องที่คุณ (อาจ) ยังไม่รู้ของ โดมินิค โซบอสซ์ไล ตัวใหม่แกะกล่องที่ ลิเวอร์พูล ยอมทุ่ม 60 ล้านปอนด์ - FEATURE

• เกิดที่ฮังการี เทิร์นโปรที่ออสเตรีย เบ่งบานที่เยอรมนี นาทีนี้กำลังมีอนาคตสดใสในอังกฤษ
• เป็นกัปตันทีมชาติตั้งแต่อายุ 22 และมีทีเด็ดหลายอย่างในตัว รวมถึงลูกฟรีคิกสุดฉมัง
• ลิเวอร์พูล จ่ายค่าฉีกสัญญา 60 ล้านปอนด์ ดึงมาร่วมทัพ
RB Leipzig v Eintracht Frankfurt - DFB Cup Final
RB Leipzig v Eintracht Frankfurt - DFB Cup Final / Marvin Ibo Guengoer - GES Sportfoto/GettyImages
facebooktwitterreddit

เห็นเงียบๆ แต่ควักกระเป๋าเพียบนะครับ เพราะแม้ว่า ลิเวอร์พูล จะไม่ได้ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า แต่การที่พวกเขาเข้าสู่ยุคผ่าตัดทีมใหม่อีกรอบ ให้หลังจากการโละ 4 แข้งดัง (ฟีร์มิโน่, มิลเนอร์, อ็อกซ์เลด, เกอิต้า) ก็ทำให้จ่ายแล้ว 95 ล้านปอนด์ มัดตัว อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แล้วต่อด้วยดีลล่าสุดกับ โดมินิค โซบอสซ์ไล

และนี่คือ 10 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้ของ โดมินิค โซบอสซ์ไล มิดฟิลด์ตัวใหม่แกะกล่องที่ ลิเวอร์พูล ยอมทุ่มสนั่นหวั่นไหวถึง 60 ล้านปอนด์!

1. สายเลือดนักกีฬา

ด.ช. โดมินิค โซบอสซ์ไล ลืมตาดูโลกในวันที่ 25 ต.ค. ปี 2000 ด้วยลัคนาราศีตุลย์ ท่านว่าช่วงนี้ดาวเคลื่อน จะมีโชคหล่นทับ...ไม่ใช่!

ไม่มีการย้ายถิ่นฐานอะไรใดใด โซบอสซ์ไล เกิดและเติบโตที่เมือง เฟเฮร์วาร์ ตอนกลางของประเทศฮังการี ด้วยสายเลือดนักกีฬาเข้มข้น ส่งต่อจากคุณพ่อ โซลท์ โซบอสซ์ไล ที่เป็นนักเตะอาชีพในลีกออสเตรีย แม้จะเป็นดิวิชั่นล่างๆ หน่อยก็ตาม

โดยหลังจากเลิกเล่นแล้ว คุณพ่อ โซลท์ ก็ผันตัวไปเป็นโค้ช และร่วมกับเพื่อนๆ สร้างทีม Akademie Fonix Gold FC ขึ้น โดยที่หนึ่งในสมาชิกอะคาเดมี่ ก็คือลูกชายของโค้ชโซลท์นั่นเอง

Dominik Szoboszlai, Manuel Locatelli
Hungary U21 v Italy U21 - International Friendly / Laszlo Szirtesi/GettyImages

2. เริ่มต้นเส้นทางที่ออสเตรีย

ความที่มีพรมแดนติดกัน เดินทางไปมาหาสู่กันได้ไม่ลำบาก ทำให้จุดเริ่มต้นเส้นทางอาชีพของ โซบอสซ์ไล อยู่ที่ประเทศ ออสเตรีย เช่นเดียวกับคุณพ่อ โดยได้เข้าสู่อะคาเดมี่ของ ลีเฟอริ่ง ตั้งแต่ตอนอายุ 14-15 ก่อนที่จะได้โอกาสขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ (ดิวิชั่น 2 ออสเตรีย) ในเวลาเพียงไม่นาน ในซีซั่น 2017/18 หรือตอนที่เขาอายุแค่ 16 เท่านั้นเอง

ประเด็นคือ มิดฟิลด์ตัวรุกอย่าง โซบอสซ์ไล ฉายแววน่าจับตาได้ตั้งแต่ปีแรกที่ขึ้นชุดใหญ่ ด้วยการกดไป 10 ประตูจาก 33 นัด นั่นทำให้ทีมหัวแถวของประเทศอย่าง เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก บุกเข้าหาเพื่อมัดตัวอย่างรวดเร็ว

SC Wiener Neustadt v RB Salzburg - UNIQA OeFB Cup
SC Wiener Neustadt v RB Salzburg - UNIQA OeFB Cup / David Geieregger/GettyImages

3. บอสซ์ปั้น ฮาแลนด์ยิง

เพราะการย้ายสู่ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก นั่นเองที่ทำให้ โซบอสซ์ไล มีเพื่อนร่วมทีมเป็น "ว่าที่ซูเปอร์สตาร์" อย่าง เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์

ซีซั่น 2019/20 ที่ โซบอสซ์ไล ปั้นเกมจากแดนกลาง ให้ ฮาแลนด์ เข้าทำนั้น ได้บทสรุปเป็น 28 ประตูของหัวหอกนอร์วีเจี้ยน (ที่ย้ายออกหน้าหนาว) ขณะที่มิดฟิลด์ฮังกาเรียนก็ซัดไปเบาะๆ 12 ตุง กับ 18 แอสซิสต์ จนได้รับรางวัลนักเตะแห่งปี ออสเตรียน บุนเดสลีกา

เจสซี่ มาร์ช : "โซบอสซ์ไล? พรสวรรค์ของเขาสูงเท่าๆ กับ ฮาแลนด์ นั่นแหละ"

แล้วก็ในซีซั่นนั้นเอง ที่ โซบอสซ์ไล ได้เจอกับ "ว่าที่ต้นสังกัดใหม่" เป็นครั้งแรก ในรอบแรกของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ ลิเวอร์พูล เบียดชนะ ซัลซ์บวร์ก 4-3 ที่แอนฟิลด์ และหงส์แดงบุกชนะ 2-0 ที่ออสเตรีย โดย โซบอสซ์ไล ได้ลงตัวจริงทั้ง 2 นัด

RB Salzburg v KRC Genk: Group E - UEFA Champions League
RB Salzburg v KRC Genk: Group E - UEFA Champions League / Michael Molzar/GettyImages

4. ทีมน้องส่งให้ทีมพี่

ปลายปี 2020 แอร์เบ ไลป์ซิก ยืนยันการคว้าตัวจอมทัพดาวรุ่งวัย 20 จาก เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ด้วยสนนราคาไม่เบา 20 ล้านยูโร เป็นสถิติค่าตัวแพงสุดของนักเตะฮังการีในเวลานั้น

อันที่จริง การย้ายสู่เมืองเบียร์เป็นไปด้วยความยากลำบากในช่วงแรก เมื่อ โซบอสซ์ไล เกิดปัญหาบาดเจ็บรุนแรงขึ้นหลังเซ็นสัญญาได้ไม่ถึงเดือน ส่งผลให้ไม่สามารถลงช่วย แอร์เบ ไลป์ซิก ได้เลยตลอดช่วงครึ่งซีซั่นหลังของ 2020/21

แต่เมื่อ โซบอสซ์ไล ฟิตพร้อมเล่นแล้วในซีซั่นถัดมา ผลงานในสนามก็เป็นตัวที่บอกว่า นี่คือดีลที่ "เป๊ะปัง" อีกครั้งหนึ่งของ ไลป์ซิก

2021/22 ลงสนาม 45 นัด ซัด 10 ประตู + 9 แอสซิสต์
2022/23 ลงสนาม 46 นัด ซัด 10 ประตู + 13 แอสซิสต์

และสองปีของการเล่นกับทีมกระทิงแดง โซบอสซ์ไล นำแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล มามอบให้กับทีมได้ 2 สมัยซ้อน โดยเฉพาะปีล่าสุด (2023) ที่เขายิงประตูปิดเกมชนะ ไอน์ทรัคท์ แฟร้งค์เฟิร์ต 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศด้วย

นอกจากนั้น มีการยืนยันด้วยสถิติว่า โซบอสซ์ไล คือ "เทพฟรีคิก" คนหนึ่งของยุคปัจจุบัน โดยจาก 44 แอสซิสต์ที่ทำได้ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีถึง 14 ครั้งที่เกิดขึ้นจากลูกตั้งเตะ และยังเป็นตัวยิงฟรีคิกเบอร์แรกๆ ของ ไลป์ซิก ด้วย

Dominik Szoboszlai
RB Leipzig v Eintracht Frankfurt - DFB Cup Final / Alexander Hassenstein/GettyImages

5. เก่งพอก็แก่พอ

ในวัยเพียง 22 ณ ตอนนี้ โซบอสซ์ไล รับใช้ทีมชาติ ฮังการี ไปมากถึง 32 นัด (7 ประตู) แล้ว ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2019 หรือตอนที่เขาอายุ 18 เท่านั้น

และเมื่อปีที่แล้ว มาร์โก รอสซี่ กุนซืออิตาเลียนของทัพแม็กยาร์ ก็ตัดสินใจมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ดาวรุ่งอายุ 22 อย่าง โซบอสซ์ไล รับไปทำหน้าที่หัวหน้าทีม แทนที่ อดัม ซาไล ที่เลิกเล่นทีมชาติ และตัวเก๋าอย่าง ปีเตอร์ กูลักซี่ ที่มีปัญหาบาดเจ็บ

มาร์โก รอสซี่ ยังให้เหตุผลของการแต่งตั้งครั้งนี้ว่า เพราะเขามองเห็นชัดเจนว่าในอนาคตข้างหน้า โซบอสซ์ไล จะก้าวขึ้นไปเป็น "แข้งตัวท็อป" ได้แน่

"เขาคือผู้นำตัวจริง มีแคแรกเตอร์แข็งแกร่ง ซึ่งหาได้ยากยิ่งในนักเตะอายุเท่านี้ เราทั้งทีมมีการหารือร่วมกันแล้ว และมันคือการตัดสินที่ถูกต้องในการมอบหน้าที่กัปตันทีมให้กับเขา เรามั่นใจว่าเขาจะรับผิดชอบหน้าที่นี้ได้ดี และไม่กระทบต่อพัฒนาการของเขา ตอนนี้เขายังไม่ใช่ top player แต่จะได้เป็นแน่นอนในอีกไม่ช้า"

Dominik Szoboszlai
Hungary v Lithuania: Group G - UEFA EURO 2024 Qualifying Round / Laszlo Szirtesi/GettyImages

6. ปิดดีลใน 5 วัน

28 มิถุนายน : ลิเวอร์พูล เอ็คโค่ ปูดรายงานว่า ลิเวอร์พูล ได้นัดเข้าเจรจากับ EM Sports Management เอเยนต์ของ โซบอสซ์ไล เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการย้ายสู่ แอนฟิลด์ ซัมเมอร์นี้

29 มิถุนายน : ลิเวอร์พูล เข้าเจรจากับเอเยนต์ และผ่านการทำข้อตกลงเรื่องสัญญากับนักเตะ

30 มิถุนายน : ลิเวอร์พูล ตกลงจ่ายค่าฉีกสัญญา 60 ล้านปอนด์ (70 ล้านยูโร) ให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก

1 กรกฎาคม : โซบอสซ์ไล เดินทางถึงเมอร์ซี่ย์ไซด์ เพื่อเข้าตรวจร่างกาย พร้อมเซ็นสัญญา 5 ปี

2 กรกฎาคม : โซบอสซ์ไล เปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ ลิเวอร์พูล

“เป็นเรื่องดีจริงๆ (ที่ได้เซ็นสัญญา) ผมสนุกสนานกับ 2-3 วันที่ผ่านมามาก และผมกำลังรอคอยที่จะรู้จักทุกคนให้มากขึ้น”

“3-4 วันที่ผ่านมามันยาวนานมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น แต่ในท้ายที่สุดผมได้มาอยู่ที่นี่ ผมมีความสุข และผมแทบรอที่จะเริ่มต้นไม่ไหวแล้ว”

“สโมสรแห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ มีนักเตะที่เก่งมากๆ โค้ชที่ยอดเยี่ยม และทุกอย่างที่ดี สำหรับผมมันสมบูรณ์แบบมากที่ได้ก้าวต่อไปในสโมสรแบบนี้ ทั้งแฟนๆ สนาม และทุกอย่าง ยอดเยี่ยมมากๆ”

7. แพงสุดเบอร์ 4

การควัก 60 ล้านปอนด์จ่ายให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ทำให้ทีมกระทิงแดงแห่งเมืองเบียร์ฟันเงินจาก หงส์แดง ทะลุร้อยล้านปอนด์ไปแล้ว เมื่อรวมกับ 45 ล้านปอนด์ที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ จ่ายซื้อ นาบี เกอิต้า เมื่อห้าปีก่อน

เช่นเดียวกัน ยังทำให้ โซบอสซ์ไล กลายเป็นแข้งราคาแพงสุดลำดับที่ 4 ของ ลิเวอร์พูล (โดยที่ท็อป 5 เกิดขึ้นในยุค คล็อปป์ ทั้งสิ้น)

1. เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (เซาแธมป์ตัน) 75 ล้านปอนด์
2. อลิสซอน เบ็คเกอร์ (โรม่า) 66.8 ล้านปอนด์
3. ดาร์วิน นูนเยซ (เบนฟิก้า) 64 ล้านปอนด์
4. โดมินิค โซบอสซ์ไล (แอร์เบ ไลป์ซิก) 60 ล้านปอนด์
5. นาบี เกอิต้า (แอร์เบ ไลป์ซิก) 45 ล้านปอนด์

8. ฮังกาเรียนคนที่ 4

โซบอสซ์ไล ยังถือเป็นดาวเตะฮังกาเรียนรายที่ 4 ที่มีโอกาสได้เข้ามาวาดลวดลายใน แอนฟิลด์ ถัดจากรุ่นพี่อย่าง อิซต์วาน คอซม่า (1992-1993), อดัม บ๊อกดาน (2015-2019) และ ปีเตอร์ กูลักซี่ (2008–2013)

อย่างไรก็ตาม สื่อบางแหล่งแย้งว่า โซบอสซ์ไล จะเป็นฮังกาเรียนรายที่ 3 เท่านั้นที่ "ได้เล่น" ให้กับ ลิเวอร์พูล อันเนื่องมาจาก ปีเตอร์ กูลักซี่ ไม่เคยมีโอกาสลงสนามเฝ้าเสาให้กับหงส์แดงชุดใหญ่แม้แต่นัดเดียว

9. โรนัลโด้ กับ เจอร์ราร์ด

อาจไม่ได้เป็น เดอะ ค็อป ตั้งแต่เกิด และยังมีไอดอลสำคัญคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ "ในฐานะเด็กคนหนึ่ง ฝันของผมคือการได้เล่นกับ โรนัลโด้ และซัมเมอรหน้า (ยูโร 2020) ฝันของผมจะเป็นจริงแล้ว" โซบอสซ์ไล ว่าไว้ในอดีต

แต่ไม่ต้องขอให้ยกขึ้นโชว์ ก็จะเห็นได้ง่ายๆ จากภาพในสนาม สำหรับรอยสักยึกยือๆ บริเวณศอกซ้ายลากยาวมาถึงข้อมือ เป็นประโยคภาษาอังกฤษว่า “Talent is a divine blessing, but without incredible will and humility, it is worth nothing” (พรสวรรค์คือพรที่สวรรค์ทรงโปรด แต่หากปราศจากความมุ่งมั่นตั้งใจและความอ่อนน้อมถ่อมตน พรสวรรค์ก็ไม่มีค่าอะไร)

เจ้าของประโยคนี้ ก็คือ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้ เดอะ ค็อป ทั่วทั้งโลก -- เช่นเดียวกับ โซบอสซ์ไล

โซบอสซ์ไล เผยถึงการเลือกเสื้อเบอร์ 8 ลิเวอร์พูล ว่า "ไม่ได้มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษ แต่แน่นอนว่านี่คือหมายเลขที่ยิ่งใหญ่ และนักเตะที่ยิ่งใหญ่หลายคนก็ใช้มันมาแล้ว"

"และผมยังมีรอยสักจากสิ่งที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด พูดไว้ ผมจำไม่ได้ชัดๆ ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน แต่ก็ก่อนหน้านี้ ซึ่งนี่ก็คงเป็นอีกเหตุผลเช่นกัน"

10. แล้วแต่ คล็อปป์ จะบัญชา

ในช่วงซีซั่นที่ผ่านมาซึ่ง ลิเวอร์พูล ร้อนแรงเอาในโค้งสุดท้าย ชนะ 7 เกมพรีเมียร์ลีกติดต่อกันนั้น เยอร์เก้น คล็อปป์ ค้นพบระบบที่ลงตัวอย่าง 4-3-3 และการให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ควบตำแหน่งแบ็กและกองกลางในคราวเดียวกัน

และหนึ่งในเหตุผลที่ คล็อปป์ เลือกจิ้ม โซบอสซ์ไล มาสู่ทีมของเขานั้น ก็เป็นเพราะกองกลางรายนี้สามารถ "เล่นได้ทุกตรง" ในแดนกลาง ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลาง ทั้งขยับออกริมเส้น ทั้งยืนต่ำและยืนสูง

เมื่อมีการถามถึง "ตำแหน่งถนัด" ว่าคือตรงไหนแน่ โซบอสซ์ไล บอก "ว่ากันตามตรง มันไม่สำคัญสำหรับผม ผมแค่อยากลงสนาม แต่ก็แน่อยู่แล้วว่าทุกคนมีตำแหน่งของตัวเอง"

"สำหรับผม ชัดเจนว่ามันคือกองกลางตัวรุก หมายเลข 10 แต่ผมสามารถเล่นด้วยการเป็นเบอร์ 10 ที่หลากหลาย ทั้งฝั่งซ้าย ฝั่งขวา ไม่สำคัญ ผมแค่ต้องการลงสนาม"

"ผมคือนักเตะที่สามารถเล่นได้ในลักษณะบ๊อกซ์ทูบ๊อกซ์ มีความเร็ว แม้อาจไม่ได้เร็วที่สุด ผมเองยังมีความสามารถในการยิงประตู และผมกำลังตื่นเต้นที่จะได้ร่วมเล่นกับทีมๆ นี้"

ยังมีการวิเคราะห์จาก โทนี่ คาสคาริโน่ (ไอร์แลนด์ 1985-1999) ว่าแฟนๆ อาจได้เห็นความเปลี่ยนแปลงสำคัญในหมากการเล่น จากการมาของ โซบอสซ์ไล (กับ แม็ค อัลลิสเตอร์) ก็เป็นได้ -- อดีตดาวยิงยุค 80-90 ชี้ว่า โซบอสซ์ไล มีสิทธิ์ถูกจับลงที่ "ปีกขวา" พร้อมกับที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขยับเข้าในไปเป็น "หน้าเป้า" มากกว่าจะยืนฝั่งขวาเหมือนเคยๆ

"ถ้าให้ผมเป็นคนเลือกทีม ผมคงจะจัดมิดฟิลด์ 3 คน โซบอสซ์ไล จะเป็นตัวเลือก แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะลงในแดนกลาง ผมมองว่าเขาจะถูกใช้ที่ริมเส้นมากกว่า"

"คุณมี แม็ค อัลลิสเตอร์ แล้ว มี เทรนท์, ฟาบินโญ่ ส่วน ติอาโก้ ก็ยังอยู่ แม้ว่าผมไม่คิดว่าเขาจะได้เล่นมากนักก็ตาม"

"โม ซาลาห์ อาจถูกจับเข้าไปเล่นศูนย์หน้าตัวเป้า เมื่อ ดาร์วิน นูนเยซ ไม่มีการันตีตำแหน่ง ผมรู้ว่า ซาลาห์ ถูกใช้ที่ริมเส้นขวามาเป็นเวลายาวนาน แต่ผมก็เชื่อว่าเขาจะเล่นตัวบนสุดได้ถ้าทีมต้องการ คล็อปป์ จะมีทางเลือกใหม่ๆ ขึ้นเยอะ"

"การเซ็นสัญญากับ โซบอสซ์ไล ทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นได้ และพวกเขาจะเป็น ลิเวอร์พูล ที่ต่างไปเยอะมากจากที่เราเห็นในซีซั่นก่อน"