ย้อนรอย 4 อดีตนักเตะดัง พรีเมียร์ลีก ที่เคยหวนกลับมาเป็นผู้จัดการให้ต้นสังกัดเดิมที่เคยค้าแข้ง - FEATURE
- นักเตะหลายคนอำลาสนามในฐานะตำนานของทีมและกลับมารับงานกุนซือต่อในเวลาต่อมา
- อดีตยอดนักเตะ พรีเมียร์ลีก 4 รายนี้ ได้รับโอกาสเป็นเทรนเนอร์ทีมเก่าของตัวเอง
โดย Navapun Munarsa
เมื่อนักฟุตบอลส่วนใหญ่เข้าสู่ช่วงปลายอาชีพ พวกเขาเริ่มจะมองหาเส้นทางอื่นไว้รองรับ และบางคนอาจทำงานในวงการลูกหนังต่อไปด้วยการเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งมีทั้งประสบความสำเร็จ และล้มเหลวแตกต่างกันไป
ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเราได้เห็นนักเตะชื่อดังมากมายที่ผันตัวมาเป็นยอดโค้ชในเวลาต่อมา แต่สำหรับบนเวที พรีเมียร์ลีกอังกฤษ นี้มีเพียงไม่กี่รายที่ได้รับโอกาสกลับมาคุมทีมเก่าของตนเอง และนี่คือ 4 อดีตผู้เล่นชื่อดังที่มีโอกาสที่หวนกลับมาคุมอดีตต้นสังกัดตัวเองอีกครั้ง...
1. แฟรงค์ แลมพาร์ด (เชลซี)
อดีตเพลย์เมคเกอร์ทีมชาติอังกฤษ ถือเป็นหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของ เชลซี อย่างแทเจริง หลังจากอยู่ค้าแข้งในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ นานถึง 13 ปีเต็ม โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการ 648 เกม ตะบันไปถึง 211 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย, ลีก คัพ 4 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย และยูโรป้าลีก 1 สมัย
ภายหลังอำลาสนาม แลมพาร์ด เริ่มรับงานกุนซือด้วยการคุมทีม ดาร์บี้ เมื่อปี 2018 ก่อนจะเข้ามานำทัพ เชลซี ในซัมเมอร์ปี 2019 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก และโดน โรมัน อบราโวมิช อดีตเจ้าของ “สิงโตน้ำเงินคราม” ปลดจากตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมปี 2021
หลังโดน เชลซี ตะเพิดไม่นาน แลมพาร์ด ก็เข้ารับกับ เอฟเวอร์ตัน แต่ก็อยู่คุมทีมได้เพียงปีเดียวก็ต้องว่างงานอีกครั้งหลังจากผลงานไม่น่าประทับใจ และในเดือน เมษายน-พฤษภาคม 2023 โค้ชวัย 46 ปี ก็หวนไปคุมทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” แบบขัดตาทัพ และว่างงานมาจนถึงปัจจุบัน
2. โอเล่ กุนาร์ โซลชา (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)
โซลชา เป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด รักมากที่สุดเลยก็ว่าได้ หลังจากเจ้าตัวเคยค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด นานถึง 11 ปี ลงเล่นไปมากมากถึง 366 เกม ซัดไป 126 เกม พร้อมกับคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย
หลังแขวนสตั๊ด อดีตหัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ ไปเริ่มคุมทีม โมลด์ ในลีกบ้านเกิด จากนั้น กลับมาทำงานในอังกฤษกับ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และหวนกลับไปคุม โมลด์ อีกครั้ง ก่อนจะมารับงานใหญ่คุม แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2018
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 3 กับในการกุมบังเหียน แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น โซลชา ไม่ประสบความสำเร็จนัก โดยทำได้ดีที่สุดคือพา “ปีศาจแดง” เป็นรองแชมป์ ยูโรปา ลีก เมื่อปี 2021
3. มิเกล อาร์เตต้า (อาร์เซนอล)
อดีตมิดฟิลด์ชาวสเปน เคยค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล นานถึง 5 ปี และยังได้รับเกียรติสวมปลอกแขนกัปตันทีม “ไอ้ปืนใหญ่” อีกด้วย โดยสมัยเป็นนักเตะนั้น อาร์เตต้า พาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ถึง 2 สมัย ก่อนจะอำลาสนามไปเมื่อปี 2016
อาร์เตต้า เริ่มต้นเส้นทางโค้ชด้วยการไปเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดเทรนเนอร์ชาวสเปนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และได้รับโอกาสครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล เมื่อปี 2019 ต่อจาก อูไน เอเมรี่
ปัจจุบันในวัย 42 ปี อาร์เตต้า คุมทีม อาร์เซนอล เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว และมีดีกรีพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 1 สมัย พร้อมกับชับเคี่ยวลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ซิตี อย่างสูสีใน 2 ปีหลังสุด
4. ทิม เชอร์วู้ด (ท็อตแนม ฮอตสเปอร์)
เชอร์วู้ด เป็นอดีตกองกลาง สเปอร์ส ที่ค้าแข้งกับทีมในระหว่างปี 1998-2003 โดยลงเล่นไปรวมทุกรายการ 118 เกม ซัดไป 16 ประตู แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวไม่เคยคว้าแชมป์ในสีเสื้อพลพรรค “ไก่เดือยทอง” ได้เลยแม้แต่รายการเดียว
หลังอา สเปอร์ส เชอร์วู้ด ก็ย้ายไปเล่นกับ พอร์ทสมัธ และ โคเวนทรี ซิตี ก่อนประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2005 และในปี 2013 เจ้าตัวก็กลับมารับงานคุมทัพ “ไก่เดือยทอง” โดยตลอด 1 ปีที่ทำงานเขาพาทีมชนะ 14 เสมอ 4 และแพ้ไป 10 เกม
หลังแยกทางกับ สเปอร์ส เชอร์วู้ด ก็ไปคุมทีม แอสตัน วิลลา เป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้น ก็หันมารับงานเป็นนักวิเคราะห์จนถึงปัจจุบัน