ย้อนรอย 5 แข้งดังชาวอิตาเลียนที่ไม่ประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก - FEATURE
- ในอดีตจนถึงัจจุบันนักเตะชาวอิตาลีมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก มากมาย
- หลายคนประสบความสำเร็จทั้ง จิอันฟรานโก้ โซลา โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ และ เปาโล ดิ คานิโอ
- แต่ในจำนวนนั้นก็มีคนที่ล้มเหลวละนี่คือ 5 แข้งดังเลือดมะกะโรนีเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จในอังกฤษ
โดย Navapun Munarsa
อิตาลี ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการฟุตบอลอย่างไม่มีใครกล้าปฏิเสธ และพวกเขามีประวัติศาสตร์อันยาวนานในสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์
ขณะเดียวกัน อิตาลี ยังผลิตกุนซือมากฝีมือ และนักเตะฝีเท้าทีมากมายอย่างต่อเนื่อง โดยผู้เล่นอย่าง จานฟรังโก โซล่า, จานลูก้า วิอัลลี่ และ เปาโล ดิ คานิโอ ต่างเคยข้ามฟากมาสร้างความสั่นสะเทือนในลีกสูงสุดในประเทศอังกฤษแล้วทั้งสิ้น
อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังมีผู้เล่นเลือดมะกะโรนีชื่อดังหลายรายมักจะไม่ประสบความสำเร็จกับการเล่นใน พรีเมียร์ลีก มากเท่าที่ควร และวันนนี้เราจะพาไปย้อนรอย 5 แข้งดังที่ทำผลงานได้น่าผิดหวังในการค้าแข้งที่เมืองผู้ดี
5. มาร์โก มาเตรัซซี่
เซ็นเตอร์แบ็คดีกรีแชมป์ ฟุตบอลโลก ปี 2026 ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่า เป็นหนึ่งในนักเตะอิตาเลียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของตัวเอง โดยเจ้าตัวพิสูจน์มาแล้วในช่วงเวลาที่อยู่กับ อินเตอร์ มิลาน และพาพลพรรค “งูใหญ่” กวาดแชมป์มากมาย
อย่างไรก็ตาม สมัยที่ค้าแข้งกับ เอฟเวอร์ตัน ในฤดูกาล 1998-1999 นั้น มันเป็นช่วงที่ทำลายชื่อเสียงของ มาเตรัซซี อย่างหนัก หลังจากเขาแสดงอาการหัวร้อนไล่อัดคู่แข่งเป็นว่าเล่น ซึ่งได้รับใบแดง 3 ใบ จากการลงเล่น 27 เกมใน พรีเมียร์ลีก
มาเตรัซซี่ เล่นในอังกฤษได้เพียงปีเดียวก็ถูก เอฟเวอร์ตัน ปล่อยตัวให้กับ เปรูจา ในบ้านเกิด โดยหลังจากนั้น เจ้าตัวไม่เคยกลับมายังเมืองผู้ดีอีกเลย
4. อัลแบร์โต อาควิลานี่
อาควิลานี่ ย้ายจาก โรม่า มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ ในปี 2008 ด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ โดยการย้ายทีมครั้งกล่าวำให้สาวก “เดอะ ค็อป” ตื่นเต้น และคาดหวังจะเห็นฟอร์มที่ดีจากเขา
อย่างไรก็ตาม อดีตกองกลางเจ้าของฉายา “เจ้าชายหมาป่า” ไม่สามารถปรับตัวกับความหนักหน่วงของศึก พรีเมียร์ลีก ได้เลย โดยซีซันแรก อาควิลานี่ ลงเล่นไป 18 เกม ใน พรีเมียร์ลีก และยิงได้แค่ประตูเดียว ก่อนจะโชคร้ายมีปัญหาการบาดเจ็บเรื้อรัง
ปีต่อมา อาควิลานี่ เล่นให้ ลิเวอร์พูล ไปเพียง 2 เกม จากนั้น ถูกปล่อยให้ ยูเวนตุส และ เอซี มิลาน ยืมตัว และย้ายขาดไปยัง ฟิออเรนตินา เมื่อปี 2012
3. จานลูก้า สกามักก้า
สกามักก้า ย้ายจาก ซาสซูโอโล มายัง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ เดวิด มอยส์ อดีตโค้ชชาวสก็อตแลนด์ เมื่อปี 2022 ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 35 ล้านปอนด์ และแน่นอนว่า มันกลายเป็นความกดดันสำหรับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หัวหอกเลือดมะกะโรนี ทำผลงานฝืดอย่างหนักหลังยิงได้เพียง 3 ประตู จากการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก 16 เกม และต้องทนทุกข์ทรมานจากปัญหาอาการบาดเจ็บ ซึ่งทำให้ สกามักก้า ไม่มีโอกาสที่จะเรียกความมั่นใจกลับคืนมา
สกามักก้า อยู่กับ เวสต์แฮม เพียงปีเดียวก็โยกกลับไปเล่นในบ้านเกิดกับ อตาลันต้า และทำผลงานได้ดีอีกครั้งหลังซัดไป 12 ประตู จากการลงสนาม 29 เกม พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
2. มอยส์ คีน
สมัยแจ้งเกิดกับ ยูเวนตุส คีน เคยได้รับการยก่องว่า เป็นหนึ่งในกองหน้ามากพรสวรรค์ที่สุดของวงการฟุตบอลอิตาลี โดยความแข็งแกร่ง เทคนิค ไหวพริบ ความเร็ว และสัญชาติญาณการจบสกอร์ มันทำให้เขาถูกมองว่า จะก้าวขึ้นาาเป็นนักเตะระดับโลกได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม การย้ายไปยัง เอฟเวอร์ตัน ในปี 2019 มันทำให้เส้นทางอาชีพของ คีน ถอยหลังอย่างไม่น่าเชื่อ โดยตลอด 3 ปีกับพลพรรค “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เขายิงไปเพียง 4 ประตูจากการลงเล่น 39 นัด ก่อนจะถูกส่งกลับไปยัง ยูเวนตุส
ปัจจุบัน หัวหอกวัย 24 ปี กำลังค้าแข้งกับ ฟิออเรนตินา และลงสนามในสีเสื้อ “ม่วงมหากาฬ” ไปแล้ว 1 เกมด้วยกัน
1. มาริโอ บาโลเตลลี่
จะบอกว่าไม่ประสบความสำเร็จก็อาจเกินไปหน่อยสำหรับ บาโลเตลลี่ เนื่องจากเขาเป็นนักฟุตบอลชาวอิตาลีเพียงคนเดียวที่เคยชูถ้วยรางวัล พรีเมียร์ลีก แต่ปัญหาพฤติกรรมทั้งใน และนอกสนามได้ทำลายเส้นทางอาชีพของเจ้าตัวอย่างน่าเสียดาย
สถิติการยิงประตูของ บาโลเตลลี ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้น น่าประทับใจ หลังซัดไปถึง 30 ประตู จาก 80 เกมรวมทุกรายการในระหว่างปี 2010-2013 ก่อนจะย้ายไปยัง เอซี มิลาน เป็นเวลา 2 ซีซัน
บาโลเตลลี กลับมาเล่นอังกฤษอีกครั้งกับ ลิเวอร์พูล แต่ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำหลังยิงได้เพียงลูกเดียวจาก 16 เกม ในพรีเมียร์ลีก