ย้อนรอย 5 ผู้จัดการทีม พรีเมียร์ลีก ที่มักจะถูกมองข้ามจากแฟนบอล - FEATURE
- ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก มีกุนซือชื่อดังมากมายที่เคยเข้ามาสร้างชื่อจนกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
- แต่ก็มีอีกหลายคนที่กลับไม่ถูกพูดถึงหรือจดจำมากเท่าที่ควรทั้งที่เคยทำผลงานได้ดีในเมืองผู้ดีแห่งนี้
- และนี่คือ 5 กุนซือ พรีเมียร์ลีก ที่มักจะถูกมองข้ามจากแฟนบอลเสมอ ๆ
โดย Navapun Munarsa
ในประวัติศาสตร์ของศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มีกุนซือชื่อดังมากมายฝากความสำเร็จเอาไว้ อาทิ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, อาร์แซน เวนเกอร์, โจเซ มูรินโญ, เยอร์เก้น คล็อปป์ หรือแม้แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
อย่างไรก็ตาม มีโค้ชจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก ทั้งทีมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงวงการลูกหนังเมืองผู้ดี และวันนี้เราจะพาไปพบกับ...
5 ผู้จัดการทีม พรีเมียร์ลีก ที่มักจะถูกมองข้ามจากแฟนบอล
1. เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
ร็อดเจอร์ส เป็นผู้จัดการทีมที่อยู่ในตำแหน่งได้ไม่นานแม้จะทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับหลายสโมสรก็ตาม โดยเริ่มจากการนำ สวอนซี เลื่อนชั้นมาเล่นในลีกสูงสุด พา ลิเวอร์พูล คว้ารองแชมป์ พรีเมียร์ลีก พา กลาสโกว์ เซลติก กวาดแชมป์ลีกสกอตแลนด์แบบไร้พ่าย และพา เลสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ
เทรเนอร์ชาวไอร์แลนด์เหนือ เป็นคนที่ทำทีมเล่นฟุตบอลได้อย่างน่าตื่นเต้น ยกตัวอย่าง สวอนซี ที่พึ่งเลื่อนชั้นขึ้นมากล้าครองบอลสู้กับทีมใหญ่ได้แบบไม่เกรงกลัว และ ลิเวอร์พูล ที่มีเกมรุกสุดอันตราย โดยมีนักเตะอย่าง คูตินโญ่, ราฮีม สเตอร์ริ่ง, ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ และ หลุยส์ ซัวเรส เป็นแกนหลัก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับ ร็อดเจอร์ส ก็คือ เจ้าตัวมักจะไม่ได้รับการสนับสนุนเรื่องงบประมาณการทำทีมจากบอร์ดบริหารสโมสรมากเท่าที่ควร ซึ่งล่าสุดกับ เลสเตอร์ ที่มีปัญหาเรื่องการเงิน จึงทำให้ต้องแยกทางกันในเดือนเมษายนปี 2023
2. บรูซ ริอ็อค
ชื่อของ ริอ็อค มักจะถูกจดจำแค่ในฐานะกุนซือ อาร์เซนอล คนก่อนที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ตำนานโค้ชชาวฝรั่งเศสจะเข้ามาสร้างประวัตศาสตร์ โดย กุนซือชาวสกอตแลนด์ แทบไม่ได้รับการพูดถึงจากแฟนบอล “เดอะ กันเนอร์ส” มากนัก
ริอ็อค ถือเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิวัติแนวทางการเล่นของ อาร์เซนอล ในช่วงปี 1990 จากทีมที่เน้นเกมรับให้กลายมาเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลเกมรุก ก่อนที่ เวนเกอร์ จะเข้ามาสร้างรากฐาน และต่อยอดจนพลพรรค “ปืนใหญ่” กลายเป็นทีมที่เร้าใจ
นอกจากนี้ สิ่งที่แฟนบอล อาร์เซนอล ควรจะขอบคุณ ริอ็อค ก็คือ เขาเป็นบุคคลหลักในการผลักดันให้สโมสรเซ็นสัญญากับ เดนนิส เบิร์กแคมป์ อดีตยอดดาวยิงชาวดัตช์มาจาก อินเตอร์ มิลาน ซึ่งกลายเป็นการเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของ “ปืนใหญ่” อย่างแท้จริง
3. ไมค์ วอล์คเกอร์
ในปีที่ ศึกดิวิชั่น 1 อังกฤษ เปลี่ยนชื่อเป็น พรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 1992-93 บรรดาสโมสรต่างๆยังคงเอกลักษณ์การเล่นฟุตบอลที่ดุดัน รวดเร็ว ปะทะหนัก และเน้นโยนบอลยาวเช่นเดิม แต่ นอริช ภายใต้การคุมทัพของ วอล์คเกอร์ เป็นอะไรที่แตกต่างออกไปย่างสิ้นเชิง
สิ่งที่หลายคนไม่ทราบมาก่อนคือ ก่อนจะมาคุม นอริช นั้น วอล์คเกอร์ โดน โคลเชสเตอร์ เนื่องจากบอร์ดบริหารมองว่า สไตล์การคุมทีมที่เน้นเกมรุก และครอบครองบอล นั้น มันจะไม่ประสบความสำเร็จกับทีมในเมืองผู้ดี
อย่างไรก็ตาม โค้ชชาวเวลส์ ยังคงยึดมั่นปรัชญาเดิมที่ นอริช และปั้นนักเตะอย่าง มาร์ค โบเว่น, เอียน ครูก และ เดวิด ฟิลลิปส์ จนขึ้นมาเป็นที่รู้จักของแฟนบอล พร้อมกับพาพลพรรค “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” ขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ลีกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปจนถึงช่วงท้ายซีซันอย่างสนุก
4. อลัน บอลล์
บอลล์ ถือเป็นหนึ่งในเทรนเนอร์ไม่กี่คนในช่วงกลางทศวรรษที่ 1990 ที่ได้รับการยอมรับว่า มีพรสวรรค์ โดยช่วงเวลาที่ระบบ 4-4-2 และการโยนบอลยาวกำลังได้รับความนิยมในเมืองผู้ดี แต่ อดีตกุนซือ เซาแธมป์ตัน และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เชื่อมั่นอย่างมากในการให้ความสำคัญกับจอมทัพหมายเลข 10
ในช่วงที่ทำงานกับ เซาแธมป์ตัน นั้น บอลล์ ปลุกปั้น แมตธิว เลอ ทิสเซียร์ ตำนานเพลย์เมคเกอร์ “นักบุญ” จนกลายเป็นผู้เล่นระดับ พรีเมียร์ลีก ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้น และก็แจ้งเกิดได้อย่างยอด ด้วยการฝากผลงานซัดไป 45 ประตู ใน 64 จากบทบาทกองกลางตัวรุก
ขณะเดียวกัน ในสมัยที่คุมทีม แมนฯ ซิตี้ บอลล์ ก็พัฒนานักเตะอย่าง จอร์จี้ คินคลัดเซ อดีตตอมทัพ ทีมชาติจอร์เจีย จนโด่งดังมาแล้ว
5. เควิน คีแกน
คีแกน เอาตัวรอดจากการโดนแฟนบอล นิวคาสเซิ่ล โจมตีหลังจากขาย แอนดี้ โคล หัวหอกตัวเก่งให้กับ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะเขาเป็นคนทำให้ 3 แนวรุก “สาลิกาดง” ในเวลานั้น อย่าง เลส เฟอร์ดินานด์, ดาวิด ชิโนลา และ ฟาอุสติโน แอสปริย่า เล่นร่วมกันได้อย่างเข้าขาลงตัว
นอกจากนี้ คีแกน ยังเป็นผู้เปลี่ยนโฉมทีมเยาวชน ของ นิวคาเซิ่ล ด้วยการให้โอกาสนักเตะดาวรุ่งอย่าง สตีฟ ฮาวย์, ร็อบบี้ เอลเลียต และ สตีฟ วัตสัน แจ้งเกิดกับทีมชุดใหญ่ พร้อมกับโยก ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์ จากจอมทัพเบอร์ 10 ไปเป็นปีกขวา และทำผลงานได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม
ขณะดียวกัน คีแกน ยังถือเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่พาตัว อลัน เชียร์เรอร์ ตำนานหัวหอกทีมชาติอังกฤษ มาเล่นในถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค อีกด้วย