5 การเซ็นสัญญาสุดล้มเหลวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน - FEATURE

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นทีมที่คว้าแชมป์ พรีเมียรืลีก ได้มากที่สุด 13 สมัย แต่หลังจากหมดยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พวกเขาพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะดึงนักเตะชั้นนำเข้าสู่ทีม แต่ก็ยังไม่สามารถทวงความยิงใหญ่กลับมาได้เลย
Manchester United v Norwich City - Premier League
Manchester United v Norwich City - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages
facebooktwitterreddit

ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่ผลงานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตกต่ำหลังจากหมดยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาจากการซื้อนักเตะที่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าจะพวกเขาจะยอมทำสถิติทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเป็นสถิติของ พรีเมียร์ลีก และสถิติโลกก็ตาม

ทีม ปีศาจแดง ใช้เงินไปทั้งหมด 1.5 พันล้านปอนด์นับตั้งแต่ที่คว้าแชมป์ลีกได้ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2013 แต่สิ่งที่กลับมามีเพียงแชมป์ เอฟเอคัพ 1 ครั้ง, ลีกคัพ 2 ครั้ง และแชมป์ ยูโรป้าลีก 1 ครั้ง เท่านั้น และดูเหมือนว่าในซีซันนี้ เอริค เทน ฮาก ก็มีงานหนักรออยู่แม้จะใช้เงินไปหลายร้อยล้านปอนด์ใน 3 ตลาดที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไรยังไม่มีใครทราบ แต่เรามาย้อนดูกันว่า 5 อันดับการเซ็นสัญญาที่ล้มเหลวหลังหมดยุคท่านเซอร์มีใครบ้าง


5. ปอล ป็อกบา

Paul Pogba
Everton v Manchester United - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

อดีตนักเตะเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ย้ายออกจากทีมเมื่อปี 2012 ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังจากที่ไม่ได้รับการการันตีตัวจริง โดยมี ยูเวนตุส รับไปเลี้ยงดูแบบไม่มีค่าตัว

4 ปีที่อยู่ใน ตูริน แข้งชาวฝรั่งเศสคือกองกลางที่ได้รับการยอมรับว่าดีที่สุดในโลกคนหนึ่ง ด้วยผลงานการพาทีมคว้าแชมป์ กัลโช เซเรีย อา รวมทั้งเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อีก 1 ครั้ง ก่อนจะถูกทีม ปีศาจแดง ทาบทามกลับมาถิ่นเก่าด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลกที่ 89 ล้านปอนด์ในปี 2016

จุดสูงสุดของ ป็อกบา คงจะเป็นการคว้าแชมป์ ยูโรป้าลีก และ ลีกคัพ ในยุคของ โชเซ มูรินโญ ซึ่งเป็นซีซันแรกของเขากับ แมนยู แต่หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าผลงานจะถดถอยลงเรื่อย ๆ บวกกับอาการบาดเจ็บที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเรื่องราวดราม่านอกสนาม ทำให้กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสไม่สามารถอยู่ในฟอร์มที่ดีได้อีกต่อไป

สตาร์เฟร้นช์แมนโบกมือลา ยูไนเต็ด แบบไม่มีค่าตัวเมื่อปี 2022 คืนสู่อ้อมอกของ ยูเวนตุส อีกครั้งเพียงเพื่อหวังที่จะพิสูจน์ตัวเองให้กับสาวก ปีศาจแดง ได้เห็นว่าเขายังเป็นสุดยอดนักเตะอยู่ แต่จนถึงวันนี้เขากลับกลายเป็นผู้เล่นที่มีปัญหารอบด้าน ทั้งเรื่องอาการบาดเจ็บและโดนข้อหาใช้สารกระตุ้น ซึ่งในคดีหลังมีแนวโน้มว่าจะทำให้อนาคตของเขาจบลงเร็วกว่าที่คาดไว้ด้วย

4. เมมฟิส เดปาย

Memphis Depay
Wayne Rooney Testimonial: Manchester United v Everton / Michael Regan/GettyImages

การย้ายมารับบทบาทหมายเลข 7 คนใหม่ในถิ่น โอดล์ แทรฟฟอร์ด ของ เดปาย เมื่อปี 2015 ด้วยค่าตัว 30 ล้านปอนด์นั้นถือเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาและเป็นการปลุกความหวังให้กับแฟนบอล เร้ดอาร์มี เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขากำลังต้องการใครซักคนที่จะเข้ามาสานต่อความยิ่งใหญ่ที่ท่านเซอร์สร้างไว้

ยิ่งการได้คนบ้านเดียวกันอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล ทำหน้าที่กุนซือด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เส้นทางการค้าแข้งของแข้งดัตช์สดใสสว่างโร่ และแฟน ๆ ก็ตั้งตาคอยให้เขาระเบิดศักยภาพของตัวเองออกมาเหมือนกับที่ทำไว้กับ PSV ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม เดปาย กลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เขาทำได้เพียง 2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ในซีซันแรกของตัวเอง และเมื่อ โชเซ มูรินโญ มาเป็นผู้จัดการทีม โอกาสในการเป็นตัวจริงก็น้อยลง ก่อนเจ้าตัวจะถูกส่งต่อให้ โอลิมปิก ลียง ยืมตัวไปใช้งานและย้ายแบบถาวรในเวลาต่อมา

3. อังเคล ดิ มาเรีย

Angel di Maria, Nacho Monreal
Manchester United v Arsenal - FA Cup Quarter Final / Michael Regan/GettyImages

เป็นอีกหนึ่งการซื้อตัวระดับบล็อคบัสเตอร์ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตระกูลเกลเซอร์ และ เอ็ด วู้ดเวิร์ด โดยเงินจำนวน 59 ล้านปอนด์ถูกโอนให้กับ เรอัล มาดริด และ ดิ มาเรีย ก็มาปรากฎตัวต่อหน้าแฟนบอลที่กำลังตื่นเต้นที่ได้เห็นหนึ่งในสตาร์ระดับโลกในเวลานั้น

2 ประตูกับ 2 แอสซิสต์ใน 4 เกมแรกทำให้เขาคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายนมาครองได้สำเร็จ ฟอร์มแบบนี้ใครเห็นก็ว่าสุดยอด ความฝันที่จะกลับมาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก จึงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

อย่างไรก็ตามเหมือนโดนปีชงเล่นงาน ดิ มาเรีย ต้องเจอกับปัญหาทั้งในและนอกสนามประเดประดังเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาการบาดเจ็บ, การถูกโจรปล้นบ้าน และสภาพอากาศที่เลวร้ายในเมืองแมนเชสเตอร์ ทำให้เขาและครอบครัวไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้อีกต่อไป และเมื่อจบซีซันเจ้าตัวก็ถูกขายต่อให้ เปแอชเช แบบขาดทุนในราคา 44 ล้านปอนด์ทันที

2. อเล็กซิส ซานเชซ

Alexis Sanchez
Huddersfield Town v Manchester United - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

การย้ายมาจาก อาร์เซนอล ของ อเล็กซิส ซานเชซ ในปี 2018 ถูกพูดถึงในฐานะที่มันคล้ายกับเหตุการณ์การย้ายทีมของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี เมื่อปี 2012 แต่ต่างกันตรงที่ว่ากองหน้าชาวดัตช์คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้ แมนยู คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้สัมผัสถ้วยใบนี้


การย้ายมาจาก อาร์เซนอล ของ อเล็กซิส ซานเชซ ในปี 2018 ถูกพูดถึงในฐานะที่มันคล้ายกับเหตุการณ์การย้ายทีมของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี เมื่อปี 2012 แต่ต่างกันตรงที่ว่ากองหน้าชาวดัตช์คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้ แมนยู คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาได้สัมผัสถ้วยใบนี้

18 เดือนที่อยู่ภายใต้ชายคา โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อเล็กซิส ทำได้แค่ 3 ประตูในเกมลีกและถูกส่งต่อให้ อินเตอร์ มิลาน ยืมตัวก่อนจะย้ายทีมแบบถาวรในปี 2020

1. เจดอน ซานโช

Jadon Sancho
Manchester United v Nottingham Forest - Premier League / Visionhaus/GettyImages

ซานโช ถูกยกให้เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่ดีที่สุดในโลกฟุตบอลในตอนที่เขาระเบิดฟอร์มกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่เสียเวลาที่จะทุ่มเงิน 72.9 ล้านปอนด์ไปคว้ามาร่วมทีมเมื่อปี 2021 เพื่อหวังจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้

ด้วยความเป็นคนอังกฤษ เคยอยู่เมืองแมนเชสเตอร์มาก่อน น่าจะเป็นเรื่องไม่ยากที่จะเล่นใน พรีเมียร์ลีก แต่กลายเป็นว่าภายใต้การคุมทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชา แข้งวัย 21 ปี (ในเวลานั้น) กลับไม่สามารถปรับตัวได้ ฟอร์มการเล่นลุ่ม ๆ ดอน ๆ จนหลุดจากทีมตัวจริงระยะยาวต่อเนื่องมาถึงยุคของ เทน ฮาก

กุนซือชาวดัตช์พยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ ซานโช กลับมาเป็นคนเดิมเหมือนตอนอยู่กับ ดอร์ทมุนด์ ทั้งการส่งไปบำบัดสภาพจิตใจที่ฮอลแลนด์และซ้อมเดี่ยวเพื่อเรียกความเชื่อมั่น แต่เมื่อกลับมาเจ้าตัวก็ยังไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร หนำซ้ำยังก่อเรื่องโต้ตอบผู้จัดการทีมผ่านโซเชียลมิเดียจนถูกตัดออกจากทีมชุดใหญ่ ถูกไล่ไปซ้อมกับทีมชุด U18 และห้ามใช้สิ่งอำนวยความสะดวกของสโมสรจนกว่าจะมีการขอโทษผู้เป็นนาย

จนถึงตอนนี้แข้งชาวอังกฤษลงเล่นไปแล้ว 82 นัดทำได้ 12 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ และมีแนวโน้มว่าเขาอาจจะต้องย้ายทีมในช่วงเดือนมกราคมนี้เพื่อตัดปัญหาภายในสโมสร ซึ่งต้องดูต่อไปว่าเขาจะเลือกอนาคตของตัวเองอย่างไร