เดือนแรกผ่านไป : ประเมินผลงานพร้อมคาดการณ์อนาคต ทีมใหญ่ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ โดยสื่อดัง ESPN - FEATURE
• จากนี้จะยิ่งเข้มข้น เมื่อตลาดซัมเมอร์ปิดลงแล้ว มีนักเตะเท่าไหร่ใช้เท่านั้น
• ESPN ประเมินผลงานพร้อมคาดการณ์อนาคต บรรดาทีมใหญ่ พรีเมียร์ลีก เอาไว้ตรงนี้
ต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของฟุตบอลลีกยุโรป และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรีเมียร์ลีก ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ที่ถือว่ามีแต่จะยิ่งเข้มข้นขึ้นไป เมื่อตลาดซัมเมอร์ปิดลงแล้ว และผ่านช่วงปรับจูนเดือนแรกไปแล้วด้วย ฉะนั้นลองไปดูการประเมินผลงานพร้อมคาดการณ์อนาคต บรรดาทีมใหญ่ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ทั้ง แมนฯ ซิตี้, แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อล, เชลซี ฯลฯ โดยสื่อแถวหน้าอย่าง ESPN กันหน่อย ว่าแนวโน้มทิศทางมีโอกาสเป็นไปอย่างไร
เอฟเวอร์ตัน
- • อันดับซีซั่นก่อน : 17
• อันดับปัจจุบัน : 18
• ผล 4 เกมแรก : เสมอ 1 แพ้ 3 แต้ม 1
ทำให้แฟนบอลต้องหายใจไม่ทั่วท้องมาแล้ว 2 ปีซ้อน และเมื่อมาถึงซีซั่นใหม่ ของขวัญก็ไม่มีมาให้สาวกทอฟฟี่เมนเลยสักนิด พวกเขายังต้องทนเห็นฟอร์มแย่ๆ ในสนาม การต้องพึ่งพา จอร์แดน พิคฟอร์ด เป็นพิเศษ และการขยับตัวในหน้าตลาดที่น่าผิดหวัง
ในขณะที่ทีมใหญ่ปลิ้นเงินกันโครมครามหลักร้อยกว่าล้านปอนด์ เอฟเวอร์ตัน จ่ายรวม 39 ล้านปอนด์ แลกมาด้วยนักเตะที่เสียวว่าจะตั้งความหวังไม่ได้อย่าง ยุสเซฟ เชอร์มิติ (สปอร์ติ้ง), เบโต้ (อูดิเนเซ่) หรือ แอชลี่ย์ ยัง (เซ็นฟรีจากวิลล่า) บวกกับยืมมา 2 คน อาร์โนต์ ดันยูม่า และ แจ๊ค แฮร์ริสัน
หลังจากแพ้ 3 เกมซ้อน เอฟเวอร์ตัน เก็บแต้มแรกได้จากผลเสมอ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-2 แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าไม่ได้ พิคฟอร์ด เซฟช่วยไว้ในเฮือกท้าย คงแพ้ 4 เกมรวดไปแล้ว
ESPN คาดการณ์ : อนาคตดูเป็นไปในทาง "ตกระกำลำบาก" และมองไม่ค่อยเห็นแสงสว่าง เมื่อชัดเจนว่า เอฟเวอร์ตัน ไม่มีตัวทำประตู และจนกว่าที่ เบโต้ จะตอบโจทย์นี้ได้ หลักฐานก็ปรากฏชัดว่าพวกเขายังไม่มีคนทำหน้าที่นี้
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
- • อันดับซีซั่นก่อน : 4
• อันดับปัจจุบัน : 14
• ผล 4 เกมแรก : ชนะ 1 แพ้ 3 แต้ม 3
ชัดเจนอยู่แล้วว่า เอ๊ดดี้ ฮาว ทำงานได้ดีกว่าที่คิด และประสบความสำเร็จอย่างเหนือความคาดหมาย สำหรับการจบที่ 4 และตีตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
เพียงแต่เมื่อขึ้นถึงจุดสูงสุดแล้ว จะแปลกอะไรที่หลังจากนั้นคือการ "ร่วงหล่น"
พวกเขาอาจมีการเสริมทัพที่น่าสนใจ ได้ ซานโดร โตนาลี่, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, ติโน่ ลิฟราเมนโต้ ไปร่วมก๊วน (3 คน 128 ล้านปอนด์) แต่จุดสำคัญอย่าง "เซนเตอร์แบ็ก" กลับถูกมองข้าม
จะบอกว่าไม่เกี่ยวกันก็คงไม่ใช่ -- นิวคาสเซิ่ล แพ้ 3 จาก 4 เกมแรก ไม่มีเกมไหนทำคลีนชีตได้ และโดนยิงแล้ว 7 ประตู
ESPN คาดการณ์ : ความคาดหวังที่จะให้ เอ๊ดดี้ ฮาว และลูกทีม ทำซ้ำปรากฏการณ์ของซีซั่นก่อน ยังไม่ถึงกับสลายไปในตอนนี้ แต่ความเป็นจริงจากตรงนี้คือ มันจะเป็นการต่อสู้ระดับ "เข็นครกขึ้นภูเขา" ถ้าหวังจะไป แชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้อีกครั้ง
เชลซี
- • อันดับซีซั่นก่อน : 12
• อันดับปัจจุบัน : 12
• ผล 4 เกมแรก : ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 แต้ม 4
ซัมเมอร์ 2023 คือช่วงเวลาที่ต้องจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์สโมสร เชลซี ว่าคือตอนที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดแล้วนับตั้งแต่ก่อร่างสร้างทีมขึ้น ทั้งกุนซือใหม่เข้ามา, ลงทุนซื้อนักเตะใหม่ 12 ราย และนักเตะเก่าถูกปล่อยออกในหลากหลายรูปแบบ นับไปนับมาได้เกือบๆ 30 คน
แต่ความพยายามสร้างทีมใหม่ครั้งนี้ คงคล้ายๆ กับการเขมือบ "ผลปีศาจ" เข้าไป ว่าในขณะที่การกินผลปีศาจจะทำให้มีพลังวิเศษ แต่ก็มีผลข้างเคียงทำให้ว่ายน้ำไม่ได้นั้น การซื้อนักเตะใหม่มากองรวมกันก็มีผลข้างเคียงเหมือนกันว่า "ต้องใช้เวลา" กว่าที่อะไรๆ จะประสานเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
ทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ แสดงออกถึงปัญหาอย่างชัดเจนในช่วงเดือนแรก ที่หลุดแพ้แล้ว 2 นัด ต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-3 กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 และเพิ่งชนะน้องใหม่ ลูตัน ทาวน์ ได้เกมเดียวเท่านั้น
ตั้งแต่หลังสุดไปหน้าสุด -- โรเบิร์ต ซานเชซ โดนวิจารณ์ว่า "ไม่พิเศษ", แนวรับชุดใหม่ที่ยังไม่แข็งพอ, แดนกลางที่ยังใหม่ต่อกันและเล่นไม่เข้าขา, เกมรุกที่ นิโคลัส แจ๊คสัน ยังไม่ตอบโจทย์เบอร์ 9 ปัญหาขาดแคลนตัวจบสกอร์ยังคงอยู่
ESPN คาดการณ์ : การออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ แสดงถึงความเป็นไปได้ระดับ "ค่อนข้างน้อย" ที่ เชลซี จะสามารถขยับขึ้นไปติดกลุ่มหัวแถวซีซั่นนี้ไหว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
- • อันดับซีซั่นก่อน : 3
• อันดับปัจจุบัน : 11
• ผล 4 เกมแรก : ชนะ 2 แพ้ 2 แต้ม 6
ควรถือว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ของ เอริค เทน ฮาก มีการเดินหมากในตลาดซัมเมอร์ที่ค่อนข้างดี เมื่อพวกเขาไม่ได้เสียคีย์แมนรายไหนไป มีแต่ปล่อยพวกตัวสลับ (เฟร็ด, อีลันก้า, ไบยี่) และส่วนเกิน (เฮนเดอร์สัน, เตลเลส, โจนส์, กรีนวู้ด) พ้นทีมไป ขณะที่การแยกทางกับ ดาบิด เด เคอา เมื่อหมดสัญญา ก็เป็นไปตามความต้องการของโค้ชดัตช์ ที่อยากได้นายประตูคนใหม่ใช้เท้าเปิดเกมได้เก่ง มาแทนที่
อองเดร โอนาน่า เข้ามาเติมเต็มจุดนั้น พร้อมๆ กับ เมสัน เมาท์, จอนนี่ อีแวนส์, ราสมุส ฮอยลุนด์, เซร์คิโอ เรกีลอน, โซฟียาน อัมราบัต (และ อัลตาย บายินดีร์ มาเป็นประตูมือสอง) มาร่วมกันต่อจิ๊กซอว์ภาพใหม่ของ 2023/24
อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าพวกเขาต้องเจอสถานการณ์ "พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก" เข้าให้เสียเฉยๆ ในเดือนแรก
- • ฮอยลุนด์ ย้ายมาพร้อมปัญหาบาดเจ็บ
• ไทเรลล์ มาลาเซีย กับ ลุค ชอว์ เจ็บพร้อมกัน (จนต้องยืม เรกีลอน)
• กว่าจะปิดดีล อัมราบัต ได้ก็ปาไปวันปิดตลาด (และมาแบบเจ็บๆ เช่นกัน)
• เมสัน เมาท์ เล่นได้แวบเดียวเดี้ยงซะแล้ว บางแหล่งบอกพักยาว
• เจดอน ซานโช่ มีปัญหากับ เทน ฮาก
• อันโตนี่ ถูกกล่าวหาทำร้ายร่างกายหญิงสาว
• ปีกอีกคน อาหมัด ดิยัลโล่ ก็ยังเจ็บ
• แพ้เกมเยือน 2 นัดซ้อน ต่อ สเปอร์ส 0-2 และ อาร์เซน่อล 1-3
• แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไปสร้างคอนเทนต์ในทีมชาติอีกแล้ว
จากนี้จะเป็นไปอย่างไร? แฟนบอลคงได้แต่ตั้งความหวังว่าเมื่อบรรดาตัวใหม่ๆ พร้อมรบ อะไรๆ จะดีขึ้นไปเป็นลำดับขั้น
ESPN คาดการณ์ : ชัดเจนมากว่าความมั่นใจจากช่วงปรีซีซั่นหดหายไปอย่างรวดเร็ว และจำเป็นที่จะต้องหาจุดเปลี่ยนสำคัญให้ได้โดยเร็วที่สุด
ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน
- • อันดับซีซั่นก่อน : 6
• อันดับปัจจุบัน : 6
• ผล 4 เกมแรก : ชนะ 3 แพ้ 1 แต้ม 9
ไม่มีใครตำหนิ ไบรท์ตัน ทั้งสิ้น และเข้าใจได้อยู่แล้วกับนโยบาย "ปั้นเพื่อขาย" ของพวกเขา ที่ในรอบปีหลังมานี้เสียแกนหลักไปค่อนทีม -- มาร์ก กูกูเรย่า, เลอันโดร ทรอสซาร์, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, โรเบิร์ต ซานเชซ และ มอยเซส ไคเซโด้
แต่ในทางเดียวกัน การขายออกก็นำมาซึ่งเงินรายได้เป็นกอบเป็นกำ และที่ต้องชมเชยมากกว่าคือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ทำให้ ไบรท์ตัน ยังคงแข็งแกร่งน่ากลัวได้ดังเดิม แทบไม่ได้หลุดไปจากมาตรฐานของปีก่อนเลย
ไบรท์ตัน ชนะถึง 3 จาก 4 เกมแรกที่่ผ่านไป และยังมีการเสริมทัพเพิ่มเติมที่น่าสนใจอย่างการได้ อันซู ฟาติ ยืมจาก บาร์เซโลน่า และ คาร์ลอส บาเลบา จาก ลีลล์ (23 ล้านปอนด์) จนถึง มาห์มู้ด ดาฮูด ที่เซ็นฟรีจาก ดอร์ทมุนด์
คำถามสำคัญนั่นก็คือ ไบรท์ตัน จะดีพอไต่อันดับไปสูงกว่าซีซั่นก่อน (6) ได้หรือไม่
ESPN คาดการณ์ : ด้วยแนวทางที่เล่น ทำให้ ไบรท์ตัน กลายเป็น "ทีมเชียร์อันดับ 2" ของแฟนบอลหลายราย และพร้อมที่จะท้าทายทุกคำปรามาส หลังเสียแกนหลักไปหลายคน
อาร์เซน่อล
- • อันดับซีซั่นก่อน : 2
• อันดับปัจจุบัน : 5
• ผล 4 เกมแรก : ชนะ 3 เสมอ 1 แต้ม 10
เสียตัวใหม่ ยูร์เรียน ทิมเบอร์ (34 ล้านปอนด์จาก อาแจ็กซ์) เจ็บเข่าหนักต้องพักยาวตั้งแต่เกมแรกที่เล่น และ มิเกล อาร์เตต้า ก็ไม่ได้คว้าใครมาแทนเสียด้วยในหน้าตลาดซัมเมอร์ ซึ่งที่จริงมีเวลาเหลืออยู่พักใหญ่เลยก่อนจะปิดตลาด
นั่นคงเป็นผลพวงมาจากการทุ่มทุนครั้งประวัติศาสตร์เหยียบ 200 ล้านปอนด์ในหน้าตลาดเดียว (แม้รูปแบบการจ่ายเงินจะเป็นผ่อนจ่าย) ได้มาทั้ง ดีแคลน ไรซ์, ไค ฮาแวร์ตซ์, ทิมเบอร์ จนถึงการยืมตัว ดาบิด ราย่า มาสร้างการแข่งขันแย่งตำแหน่งกับ อารอน แรมส์เดล
ที่จริงตลาดซัมเมอร์ล่าสุดนี้จบลงแบบที่ อาร์เซน่อล ต้องปวดใจด้วยซ้ำไป เมื่อที่สุดแล้วพวกเขาทำได้แค่ฉีกสัญญาปล่อย นิโกลัส เปเป้ ย้ายสู่ แทร็บซอนสปอร์ แบบไร้ค่าตัว ทั้งที่ทุ่มซื้อมาอย่างโหด 72 ล้านปอนด์ และยังผ่อนจ่ายให้ ลีลล์ ไม่ครบเลยด้วย...เข้าข่าย "ผ่อนลม" เต็มๆ
เช่นกัน อาร์เซน่อล ไม่ได้เล่นด้วยฟอร์มท็อปพีคในเดือนแรกของ พรีเมียร์ลีก รวมถึงว่าตัวใหม่อย่าง ไค ฮาแวร์ตซ์ เล่นไม่ออก (และ ทิมเบอร์ กับ ราย่า ไม่มีส่วนร่วม) แต่ก็ยังทำได้ 10 จาก 12 คะแนนเต็ม และมีแง่มุมที่น่าประทับใจอย่างฟอร์มของ ดีแคลน ไรซ์ ที่ปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ได้รวดเร็วมาก สร้างประโยชน์ทั้งรุกรับ
ESPN คาดการณ์ : ดูยังมีโอกาสที่จะท้าทายบัลลังก์แชมป์อีกรอบ แต่จาก 1 เดือนที่ผ่านไป ชัดเจนว่า แมนฯ ซิตี้ ดูแข็งแกร่งกว่า
ลิเวอร์พูล
- • อันดับซีซั่นก่อน : 5
• อันดับปัจจุบัน : 3
• ผล 4 เกมแรก : ชนะ 3 เสมอ 1 แต้ม 10
การย้ายออกอย่างที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ และแฟนๆ ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ทั้งราย ฟาบินโญ่ และกัปตัน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำให้ คล็อปป์ ต้องทำงานหนักในการหามิดฟิลด์ใหม่มาเสริมกำลัง โดยเฉพาะเมื่อเป้าหมายอย่าง มอยเชส ไคเซโด้ และ โรมิโอ ลาเวีย ต่างก็เสร็จ เชลซี ทั้งหมด
จนในที่สุด ลิเวอร์พูล ได้ วาตารุ เอ็นโดะ (16 ล้านปอนด์จาก สตุ๊ตการ์ท) และ ไรอัน กราแฟนแบร์ก (34 ล้านปอนด์จาก บาเยิร์น) มาเพิ่มตัวเลือกนอกเหนือจาก อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ โดมินิค โซบอสซ์ไล ที่ได้มาตั้งแต่ต้นซัมเมอร์
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จที่สุดของ ลิเวอร์พูล ประจำซัมเมอร์นี้ อยู่ที่การรั้งตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เอาไว้อยู่กับทีมได้ต่อไป แม้ อัล-อิตติฮัด จะตามตื๊อด้วยราคาบ้าคลั่ง 150-200 ล้านปอนด์ในวันท้ายๆ ของตลาด โปรลีก ซาอุฯ ก็ตาม
และถัดจากปีก่อนที่เตะหลุดอย่างหนักแล้ว ก็ดูว่าคงไม่เกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำอีก เมื่อ คล็อปป์ ทำให้ทีมของเขาดูเข้าฝักดีตั้งแต่ออกสตาร์ท โดยเฉพาะการชนะ 3 เกมซ้อนแบบยิงรวม 8 ประตู ก่อนพักเบรคทีมชาติ
ESPN คาดการณ์ : เริ่มต้นได้ดีเกินคาด เก็บ 10 แต้มจากคะแนนเต็ม 12 แต้ม เท่ากับมีสิทธิ์เลยที่จะเด้งตัวกลับไปเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์เคียงบ่าเคียงไหล่ แมนฯ ซิตี้ อีกครั้ง
ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
- • อันดับซีซั่นก่อน : 8
• อันดับปัจจุบัน : 2
• ผล 4 เกมแรก : ชนะ 3 เสมอ 1 แต้ม 10
ถูกจับตาอย่างมากและโดนกาชื่อทิ้งจากท็อปโฟร์ไปแล้วด้วยซ้ำจากบางนักวิจารณ์ ที่มองว่าการย้ายออกของ แฮร์รี่ เคน (80 ล้านปอนด์ไป บาเยิร์น มิวนิค) จะกลายเป็น "จุดสลบ" ของ สเปอร์ส โดยเฉพาะว่าทีมชุดนี้ยังอยู่ในมือของกุนซือใหม่ที่ไม่เคยผ่านงาน พรีเมียร์ลีก มาก่อนด้วยอย่าง อันเก้ ปอสเตโคกลู
แต่นอกเหนือจากการที่ไม่ได้ทุ่มซื้อใครมาเป็นดาวยิงเบอร์ 1 แทน เคน แล้ว ควรถือว่า ปอสเตโคกลู และ แดเนียล เลวี่ ทำงานได้ดีเลยในตลาดซัมเมอร์ ปิดดีลได้ตัวใหม่ 7 ราย กับซื้อขาด เดยัน คูลูเซฟสกี้ และ เปโดร ปอร์โร่ ที่ยืมมาใช้ในปีก่อน
หนึ่งในนั้นคือจอมทัพของดีอย่าง เจมส์ แมดดิสัน (40 ล้านปอนด์จาก เลสเตอร์) ที่เข้ามาสร้างคุณภาพให้กับพวกเขาได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลารอ และยังมีดีลเซอร์ไพรส์ในวันปิดตลาดอย่าง เบรนแนน จอห์นสัน จาก ฟอเรสต์ ที่มาพร้อมค่าตัวหนักข้อ 47 ล้านปอนด์ทีเดียว
สเปอร์ส สายเลือดใหม่ทีมนี้ แสดงถึง "แววดี" ตั้งแต่เกมสยบ แมนฯ ยูไนเต็ด 2-0 จากนั้นก็สร้างความต่อเนื่องในอีก 2 เกมถัดมา จนเป็นการชนะ 3 นัดซ้อน โดยเฉพาะก่อนพักเบรคทีมชาติที่บุกขยี้ เบิร์นลี่ย์ ถึง 5-2 ด้วยแฮตทริกของกัปตันทีมคนใหม่ ซอน ฮึง-มิน
ESPN คาดการณ์ : พลิกสถานการณ์จากหลังเท้ามาเป็นหน้ามือได้อย่างสวยงาม และจากการมองเบื้องต้น ยึดโยงจากผลงานช่วงแรกของซีซั่น สเปอร์ส ก็ดูมีโอกาสลุ้นท็อปโฟร์เต็มตัว
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
- • อันดับซีซั่นก่อน : 1
• อันดับปัจจุบัน : 1
• ผล 4 เกมแรก : ชนะ 4 แต้ม 12
ให้หลังจาก 3 แชมป์ประวัติศาสตร์ เป็นคำถามสำคัญสำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่าจะปรับแต่งทีมอย่างไรอีกดี แต่ก็มีสิทธิ์ที่แฟนๆ จะมองว่า พวกเขาดู "ด้อยลง" จากทีมชุดเก่า เมื่อคนสำคัญอย่าง อิลคาย กุนโดกัน, ริยาด มาห์เรซ จนถึง อายเมอริก ลาป๊อร์กต์ ย้ายออกทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น แมนฯ ซิตี้ ยังเสีย เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บหนักพักยาวตั้งแต่เนิ่นๆ เพียงแต่การเสริมทัพของ เป๊ป ก็เป็นไปอย่างน่าประทับใจ พวกเขาไม่เสียเวลาเจรจาแต่ละดีลเนิ่นนานนัก จนได้มาทั้ง เยเรมี่ โดคู (55 ล้านปอนด์จาก แรนส์), มาเตอุส นูเนส (53 ล้านปอนด์จาก วูล์ฟส์), มาเตโอ โควาซิช (25 ล้านปอนด์จาก เชลซี) และ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (77 ล้านปอนด์จาก แอร์เบ ไลป์ซิก) ซึ่งดูมีโอกาสสูงว่าจะสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้สูงไม่แพ้คนที่ย้ายออกไป
แมนฯ ซิตี้ ยังคงเป็นทีมที่เหนือกว่าทุกคู่แข่ง ไม่ว่าจะเหย้าหรือเยือน เห็นชัดจาก 4 เกมแรกที่ผ่านไปด้วยการกวาด 12 คะแนนเต็ม แม้ว่า 3 จาก 4 เกมแรกนั้นจะเป็นการเจอทีมไซส์เล็ก (เบิร์นลี่ย์, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, ฟูแล่ม) ก็ตาม
ช่วงสำคัญมากของ แมนฯ ซิตี้ จะอยู่ที่ช่วงเดือน ต.ค. - พ.ย. ที่มีคิวพบกับ อาร์เซน่อล, ไบรท์ตัน, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส ติดๆ กัน หากช่วงนั้นยังสามารถผ่านไปได้แบบไร้รอยต่อ แชมป์พรีเมียร์ลีกสมัย 4 ติดต่อกันก็รอพวกเขาอยู่
ESPN คาดการณ์ : ดูแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ และแน่นอนว่า ซิตี้ จะยังคงเป็นตัวเก็งเต็งหนึ่งในทุกสำนักต่อไปยาวๆ