ย้อนรอยแชมป์ ยูโร ตลอด 64 ปีที่ผ่านมา ใครเคยคว้าแชมป์รายการนี้มาแล้วบ้าง ? - FEATURE
- ยูโร 2024 นับเป็นครั้งที่ 17 นับตั้งแต่เริ่มทำการแข่งขันกันมาในปี 1960
- เยอรมนี และ สเปน เป็นสองชาติที่คว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุด
- ทีมชาติอังกฤษ เพิ่งจะเคยเข้าชิงชนะเลิศได้เพียงหนเดียวในครั้งล่าสุดเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา
นับตั้งแต่ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปลงฟาดแข้งกันมาตั้งแต่ปี 1960 ศึก ยูโร 2024 นี้นับเป็นหนที่ 17 เข้าไปแล้วกับการช่วงชิงความเป็นหนึ่งในทวีปของกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกชนิดนี้
ซึ่งตลอดเวลา 64 ปีที่ผ่านมาทีมที่ดูจะประสบความสำเร็จมากที่ก็หนีไม่พ้นเจ้าภาพในปีนี้อย่าง เยอรมนี ที่เคยคว้าแชมป์มาแล้ว 3 สมัยพร้อมกับเคยเป็นรองแชมป์มาอีก 3 ครั้ง ตามมาด้วย ทีมชาติสเปน ที่คว้าแชมป์มาครองได้ 3 สมัยเช่นเดียวกัน ขณะที่ ฝรั่งเศส และ อิตาลี เคยทำสำเร็จชาติละ 2 หน ส่วนทีมขวัญใจชาวไทยอย่าง ทีมชาติอังกฤษ ยังไม่เคยสัมผัสถ้วยใบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวโดยทำได้ดีที่สุดเพียงอันดับ 2 ใน ยูโร 2020 ที่ผ่านมากับการพ่ายจุดโทษต่อ อิตาลี ไปอย่างน่าเสียดาย
วันนี้เราจึงอยากพาแฟน ๆ 90min ย้อนเวลาไปดูโฉมหน้าผู้ชนะทั้ง 16 ครั้งก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นใครกันบ้างและคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศของพวกเขาคือใคร ตามไปชมกัน...
ย้อนรอยแชมป์ ยูโร ตลอด 16 ครั้งที่ผ่านมา
1. 1960 - สหภาพโซเวียต
ยูโร ครั้งแรกชิงชัยกันบนผืนแผ่นดิน ฝรั่งเศส ที่สนาม ปาร์ค เดอ แปรงซ์ และเป็น สหภาพโซเวียต ที่เฉือนชนะ ยูโกสลาเวีย ไปได้อย่างหวุดหวิด 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษสร้างสถิติเป็นชาติแรกที่คว้าชัยมาครองได้สำเร็จ
2. 1964 - สเปน
4 ปีต่อมาสเปนรับไม้ต่อในฐานะเจ้าภาพแล้วพวกเขาก็ไม่ทำให้คนในชาติผิดหวังกับการ เฉือน สหภาพโซเวียต ที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ไปแบบหืดจับ 2-1 ชนิดที่มาได้ประตูชัยในช่วงท้ายเกมจาก มาร์เซลิโญ
3. 1968 - อิตาลี
เป็นอีกปีที่เจ้าบ้านเป็นทีมที่คว้าแชมป์มาครองได้ โดย อิตาลี เข้าชิงกับ ยูโกสลาเวีย ซึ่งเสมอกันไป 1-1 ทำให้ต้องรีแมทช์ก่อนที่สุดท้าย ทัพอัสซูรี จะเอาชนะไปได้ 2-0 คว้าแชมป์ในบ้านตัวเองมาครองได้สำเร็จ
4. 1972 - เยอรมันตะวันตก
ที่ เบลเยียม เยอรมนี ณ เวลานั้นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งไร้เทียมทานสุด ๆ ในยุคของ ฟราน เบ็คเคนบาวเออร์ พอล ไบรท์เนอร์ จุปป์ ไฮย์นเกส และ เกิร์ด มึลเลอร์ ที่เอาชนะ สหภาพโซเวียต ไปได้แบบขาดลอยในรอบชิง 3-0
5. 1976 - เชโกสโลวาเกีย
ทีมชาติเช็ก ที่ ณ ขณะนั้นยังเป็น เชโกสโลวาเกีย ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ ยูโร ปี 76 ที่ ยูโกสลาเวีย เป็นเจ้าภาพ โดยพวกเขาเฉือนเอาชนะ เยอรมันตะวันตก ไปจากการด้วลจุดโทษหลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 2-2
6. 1980 - เยอรมันตะวันตก
กรุงโรม ได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพหนที่สองแต่รอบนี้เจ้าภาพอย่าง อิตาลี ไม่มาตามนัดโดยเป็น เยอรมันตะวันตก ในยุคของ แบรนด์ ชูสเตอร์ และ คาร์ค ไฮซ์ รูมินิกเก้ ที่เข้าชิงกับ เบลเยียม และสุดท้ายเป็น พลพรรคอินทรีเหล็ก ที่เอาชนะไปได้ 2-1 คว้าแชมป์สมัยที่สองของตัวเองได้สำเร็จ
7. 1984 - ฝรั่งเศส
ฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าภาพในปีนั้นทะลุเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยคู่แข่งของพวกเขาคือ ทีมชาติสเปน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความยอดเยี่ยมของ มิเชล พลาตินี ได้ก่อนจะเป็น ทีมตราไก่ เอาชนะไปได้ 2-0
8. 1988 - เนเธอร์แลนด์ส
ที่กรุงมิวนิค ฮอลแลนด์ ในยุคทองผ่านเข้ามาชิงชนะเลิศกับ สหภาพโซเวียต แต่อย่างที่ทราบกันดีว่ายุคนั้น เนเธอร์แลนด์ส มีทั้ง แฟรงค์ ไรจ์การ์ด โรนัลด์ คูมัน รวมถึง รุด กุลลิต และ มาร์โก้ ฟาน บาสเทน ที่ยิงคนละลูกช่วยทีมคว้าแชมป์มาครองได้อย่างใหญ่
9. 1992 - เดนมาร์ก
ที่สวีเดน เดนมาร์ก ณ เวลานั้นไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะทำได้ดีขนาดนี้ ซึ่งเป็นยุคที่พวกเขามีพี่น้อง เลาดรุป รวมถึงมี ปีเตอร์ ชไมเคิล ยืนเฝ้าเสาซึ่งสามารถพลิกล็อคเอาชนะ เยอรมนี ไปได้ในรอบชิงชนะเลิศ 2-0 ในที่สุด
10. 1996 - เยอรมนี
ที่กรุงลอนดอน เยอรมนี หวังจะแก้ตัวจากปีก่อนโดยรอบนี้พวกเขามีสตาร์อย่าง เยอร์เก้น คลินสมันน์ มัตธิอัส ซามเมอร์ เมห์เมต โชลล์ คริสเตียน ซีเก้ เป็นตัวชูโรง ซึ่งสามารถเฉือนเอาชนะ สาธารณรัฐเช็ก ไปได้สำเร็จในช่วงต่อเวลาจากกฎโกลเด้นโกล 2-1
11. 2000 - ฝรั่งเศส
ที่ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส ที่คว้าแชมป์โลกมาสด ๆ ร้อน ๆ ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งยุคนั้นหลายคนต่างยกให้เป็นยุคทองเลยก็ว่าจากการมีสตาร์ดังอย่าง ซีเนดีน ซีดาน เธียร์รี อองรี ยูรี จอร์เกฟฟ์ ดิดิเยร์ เดสชองส์ ปาทริซ วิเอรา โรลองต์ บลองค์ ลิเลียง ตูราม ก่อนจะมาเฉือน อิตาลี ในรอบชิง 2-1 ชนิดที่มายิงตีเสมอช่วงทดเจ็บและมายิงประตูชัยช่วง โกลเด้นโกล จาก ดาวิด เทรเซเกต์
12. 2004 - กรีซ
ที่กรุงลิสบอน เป็นอีกเกมสุดช็อคในประวัติศาสตร์รายการนี้เลยก็ว่าได้สำหรับ โปรตุเกส ที่เข้าชิงในบ้านแต่โดนทีมอย่าง กรีซ ม้ามึดรายการนี้เฉือนเอาชนะไปได้ 1-0 จากประตูชัยของ แองเจลอส ชาริสเตอาส ช่วงต้นครึ่งหลัง
13. 2008 - สเปน
ที่ออสเตรีย ทีมชาติสเปนยุคทองภายใต้การทำทีมของ หลุยส์ อราโกเนส พร้อมกับสตาร์ดังอย่าง เฟร์นันโด ตอร์เรส ดาบิด ซิลบา เชส ฟาเบรกาส ชาบี อันเดรส อิเนียสตา เซร์คิโอ รามอส กาเลส ปูโยล เฉือนเอาชนะ เยอรมนี ไปได้ในรอบชิง 1-0 จากประตูโทนของ เอล นิโญ ตั้งแต่นาทีที่ 33
14. 2012 - สเปน
ที่ยูเครน สเปน เป็นชาติแรกที่สามารถป้องกันแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ จากการที่นักเตะชุดใหญ่ยังคงเป็นชุดเดิมพร้อมกับความแก่กล้าประสบการณ์มากขึ้น ทำให้คู่แข่งในรอบชิง ณ เวลานั้นอย่าง อิตาลี ไม่สามารถเทียบชั้นได้เลยและจบด้วยชัยชนะของ ทีมกระทิงดุไป 4-0
15. 2016 - โปรตุเกส
เกมที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส เจ้าภาพเข้ามาถึงรอบชิงได้สำเร็จโดยมี โปรตุเกส เป็นคู่แข่ง ซึ่งเกมตึง ๆ ทำอะไรกันไม่จนจบ 90 นาที ก่อนที่ช่วงต่อเวลาพิเศษ เอแดร์ กองหน้าตัวสำรองจะยิงไกลสุดสวยเป็นประตูชัยส่ง คริสเตียโน โรนัลโด้ คว้าแชมป์เมเจอร์กับทีมชาติได้สำเร็จ
16. 2020 - อิตาลี
ครบรอบ 60 ปีของฟุตบอลรายการนี้ทำให้หลายชาติร่วมกันเป็นเจ้าภาพแต่สุดท้ายก็มาชิงชนะเลิศที่ เวมบลีย์ โดย อังกฤษ เจ้าบ้านมาถึงรอบนี้ได้เป็นครั้งแรกพบกับยอดทีมอย่าง อิตาลี ที่ผลงานยอดเยี่ยมมาตลอดทั้งฤดูกาล ในเกม 1-1 โดย อังกฤษ นำก่อนจาก ลุค ชอว์ ตั้งแต่ต้นเกม ก่อนที่ เลโอ โบนุชชี จะมาตีเสมอให้ อิตาลี ครึ่งหลัง ก่อนยะลาดยาวไปจนดวลจุดโทษและเป็น อิตาลี ที่คมกว่า เอาชนะไป 3-2