แมนเชสเตอร์ ซิตี้: ถึงเวลาที่ เรือใบสีฟ้า ต้องพิสูจน์ตนเองนอกสนาม - FEATURE

Manchester City v Real Madrid Semi Final Leg One - UEFA Champions League
Manchester City v Real Madrid Semi Final Leg One - UEFA Champions League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages
facebooktwitterreddit

เมื่อวานตอนช่วงหัวค่ำคงไม่มีข่าวไหนร้อนแรงไปกว่าข่าวพรีเมียร์ ลีก ได้ทำการสอบสวนสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา ในกรณีเกี่ยวกับการละเมิดกฎทางการเงินในช่วงปี 2009-2018 โดยมีการระบุว่าใช้เวลานานกว่า 4 ปี ในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว

มีนาคม 2019 เป็นครั้งแรกที่พรีเมียร์ ลีก ได้เริ่มต้นการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดก่อนที่จะมีการประกาศออกมา โดยมีการระบุว่าตลอดช่วงเวลาดังกล่าวที่ทำการตรวจสอบการเงินในช่วง 9 ฤดูกาล ซึ่งเป็นฤดูกาลแรกอย่างเต็มตัวที่กลุ่มทุนจากอาบูดาบี ได้เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อจาก ทักษิณ ชินวัตร อดีตผู้นำทางการเมืองชาวไทย (การเทคโอเวอร์เกิดขึ้นในช่วง 1 กันยายน 2008 หรือต้นฤดูกาล 2008-2009) โดยรายงานระบุว่ามีการตรวจพบว่ามีการกระทำผิดมากกว่า 100 ครั้ง โดยในรายละเอียดของแถลงการณ์นั้นมีการแบ่งแยกออกมาด้วยกัน 5 ประเด็นหลักเกี่ยวกับเรื่องราวอันประกอบไปด้วย

1. การจัดเตรียมและการให้ข้อมูลทางการเงินของสโมสรอย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับรายได้ต่าง ๆ รวมถึงรายได้จากผู้สนับสนุน ส่วนแบ่ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในแต่ละฤดูกาลทั้ง 9 ฤดูกาล

2. ในช่วงฤดูกาล 2009-2010 จนถึงฤดูกาล 2012-2013 มีการตรวจสอบในเรื่องของการแจกแจงรายละเอียดสัญญาค่าตอบแทนทั้งหมดของ โรเบร์โต้ มันชินี่ อดีตผู้จัดการทีมของสโมสร

3. เรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดของยูฟ่าในการดำเนินงาน และปฏิบัติตามกฎการเงินของยูฟ่า (Financial Fairs Plays)ซึ่งในส่วนนี้เจาะจงไปในฤดูกาล 2013-2014 จนถึงฤดูกาล 2017-2018

4. เรื่องของกฎการแสวงหากำไรและความยั่งยืนของสโมสรในช่วงฤดูกาล 2015-2016 ไปจนถึงฤดูกาล 2017-2018

5.ในเดือนธันวาคม 2018 จนถึงในปัจจุบัน (กุมภาพันธ์ 2023) ในเรื่องของกฎที่ทุกสโมสรในพรีเมียร์ ลีก ต้องร่วมมือกับพรีเมียร์ ลีก ในการสืบสวน และแจกแจงข้อมูลทั้งหมดอย่างสุจริตใจ

Soccer : Barclays Premier League - Manchester City v Queens Park Rangers
Soccer : Barclays Premier League - Manchester City v Queens Park Rangers / Matthew Ashton/GettyImages

โดยในทุกประเด็นพรีเมียร์ ลีก ก็มีการแจกแยกย่อยออกมาว่ามีความผิดตามกฎข้อใดบ้าง ซึ่งว่ากันตามตรงแฟนบอลน้อยมากที่จะใส่ใจในเรื่องนี้ แต่สำหรับพรีเมียร์ ลีก นี่คือกฎที่ออกมาเพื่อควบคุมการทำงานสโมสรทั้งหมดในการทำงานภายใต้กฎเดียวกัน และทั้งหมดนำมาซึ่งการแถลงการณ์ดังกล่าว

แน่นอนเมื่อมีการแถลงการณ์ออกมาเช่นนี้ ทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีการออกแถลงการณ์ทันที

"สโมสรสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รู้สึกประหลาดใจกับการถูกกล่าวหาเรื่องการละเมิดกฎของ พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และมีการจัดเตรียมเอกสารซึ่งมีรายละเอียดจำนวนมากให้กับทาง EPL ไปก่อนหน้านี้"

"สโมสรมีความยินดีที่จะมีการพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้งโดยคณะกรรมการอิสระ เพื่อการพิจารณาอย่างเป็นกลางจากหลักฐานที่มีความครอบคลุมซึ่งไม่สามารถหักล้างได้เพื่อสนับสนุนจุดยืนของสโมสร ด้วยเหตุนี้เราจึงเฝ้ารอให้เรื่องนี้ยุติลงโดยเร็ว"

ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฐานะของผู้ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดก็จำเป็นต้องชี้แจง ยื่นหลักฐานเอกสาร หรือหลักฐานในทุกรูปแบบที่สามารถทำได้ ชี้แจงกับทางพรีเมียร์ ลีก เพื่อเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง ตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องใช้เวลายาวนานพอสมควร ขึ้นกับหลักฐานมีน้ำหนักและน่าเชื่อถือมากพอหรือไม่ และแน่นอนรวมถึงการความเร็วในการสอบสวนที่ต้องไปสู้กันต่อ แต่ถึงตรงนี้จะบอกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ “งานเข้า” หรือไม่ก็ต้องบอกว่าใช่เลย หลังจากที่เมื่อช่วงปี 2020 พวกเขาเคยรอดคดีในกรณีการละเมิดกฎการเงินของทางยูฟ่ามาแล้วครั้งหนึ่ง และมาครั้งนี้ พรีเมียร์ ลีก มาพร้อมกับข้อกล่าวหายาวเหยียดแบบยิบย่อยซึ่ง “เรือใบสีฟ้า” ต้องพิสูจน์ตนเอง

มาร์ติน ซีคเลอร์ นักข่าวจาก เดอะ ไทมส์ ซึ่งเป็นคนแรกที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ก่อนจะมีการแถลงการณ์ออกมาในเวลาต่อมา และทำให้นักข่าวกีฬาฟุตบอลทั้งโลกต้องมาตามข่าวนี้ ระบุว่า เคสดังกล่าวที่เกิดขึ้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะไม่สามารถทำการยื่นอุทรณ์ต่อศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาได้ด้วย ไม่เหมือนกับเคสในปี 2020 ซึ่งครั้งนั้นพวกเขารอดพ้นการโดนแบนจากการตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา ซึ่งในส่วนนี้ต้องรอดูกันว่าจะเป็นอย่างไร เพราะอย่างที่ทราบกันว่า อนุญาโตตุลาการกีฬา เป็นหนึ่งองค์กรที่ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อมาดูแลจัดการในเรื่องของข้อพิพาททางกีฬาทั้งหมด

The former general-manager of the Juvent
The former general-manager of the Juvent / AFP/GettyImages

ต้องมารอดูกันอีกเช่นกันว่า บทลงโทษจากข้อกล่าวหาดังกล่าวคืออะไร และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีอะไรมาหักล้างกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และหากผิดจริงพวกเขาจะโดนอะไรบ้าง

บทลงโทษของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หากถูกระบุว่า “ผิดจริง”

เป็นไปได้หลายรูปแบบมากตั้งแต่เบาสุด ๆ กับการปรับเงิน ลากยาวไปจนถึงร้ายแรงที่สุดคือการตัดให้พ้นพรีเมียร์ ลีก กันไปเลย ซึ่งหากมองจากสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในลีกชั้นนำอย่าง เซเรีย อา ในกรณี กัลโช่โปลี ในช่วงปี 2006 ที่มีการพูดถึงเรื่องของการล็อคผู้ตัดสินในการช่วยให้ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ เน้นไปที่ ลูชาโน่ มอจจี้ ผู้บริหารของยูเวนตุสเวลานั้น ลุกลามไปจนกลายเป็นเรื่องราวที่หลายคนทราบกันว่า ยูเวนตุส ต้องตกชั้นในที่สุด แต่ในแง่ของคดีความก็ยาวนานเกือบ 10 ปี ซึ่งจบลงด้วยการ “หมดอายุความ”

หรืออย่างล่าสุดในกรณีที่มีการตัดคะแนนของยูเวนตุส จากกรณีที่ทาง FIGC หรือสหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี ตัดสินให้ ยูเวนตุส โดนตัด 15 คะแนนจากการที่บัญชีการเงินในฤดูกาล 2019-2020 และ ฤดูกาล 2020-2021 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ทีมตรวจสอบพบว่าในช่วงฤดูกาล 2019-2021 มีการพบว่ามีรายจ่ายที่ไม่ถูกบันทึกลงไปในช่วง2 ฤดูกาลนั้น และมีบางเรื่องที่พบว่ามีความไม่ชัดเจนในการแจกแจงตัวเลข (ซึ่งตรงส่วนนี้ก็คือการที่มีข่าวระบุว่า ยูเวนตุส มีการตัดลดเงินค่าแรงของนักเตะลง และแจ้งบัญชีการเงินตามที่ลดลง แต่กลับมีการให้ส่วนต่างแยกอีกทีกับนักเตะ) ว่าง่าย ๆ คือพวกเขาจ่ายเงินเต็มจำนวน แต่แจ้งกับทางบัญชีการเงินว่าพวกเขามีการตัดลดเงินและส่งงบการเงินตามนั้น ซึ่งจะเข้าข่ายคล้าย ๆ กับเคสของการจ่ายเงินให้กับ โรเบร์โต้ มันชินี่  

ในมุมมองความเห็นของผู้เขียนเรื่องของการโดนโทษของทางแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษหากมีความผิดจริง แต่จะถึงขั้นหลุดจากสารบบของลีกหรือไม่ ก็ต้องบอกว่ายากถึงยากมา เพราะการสอบสวนกำลังพูดถึงการทำความผิดทางการเงินแทบทั้งสิ้น มิใช่ในกรณีที่มีการล็อคผู้ตัดสิน หรือจ้างนักกีฬาล้มบอล เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ ยูเวนตุส หรือว่า โอลิมปิก มาร์กเซย์ ในช่วงปี 1993 ที่มีการริบแชมป์ลีก เอิง ซึ่งทั้งสองเคสจบลง ซึ่งไม่ว่าจะถูกหรือผิด จะจริงหรือไม่จริงอย่างไรก็ตาม บทลงโทษก็ออกมา และกลายเป็นบรรทัดฐานของความผิดในวงการฟุตบอล

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นหนึ่งใน “ไอคอน” ของวงการฟุตบอลโลก และพรีเมียร์ ลีก ไปแล้ว หากมีความผิดก็ลงโทษสถานหนักก็เป็นสิ่งที่ต้องมี แต่จะถึงขั้นต้องทำลายล้างกันไปเลย ความผิดก็ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดนั้น

FBL-ENG-PR-MAN CITY-TROPHY-PARADE
FBL-ENG-PR-MAN CITY-TROPHY-PARADE / PAUL ELLIS/GettyImages

อย่างไรก็ตามแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หากมีความผิดทางการเงินจริง เท่ากับพวกเขาใช้มัน “เพิ่มโอกาส” ในการสร้างความแข็งแกร่งให้มากกว่าสโมสรอื่น มองในเรื่องนี้โอกาสในเรื่องของการถูกลดชั้นอาจจะเป็นไปได้ยาก แต่ในเรื่องของการ “ตัดคะแนน” มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะเมื่อเทียบกับเคสที่เคยเกิดขึ้น บทลงโทษนี้ก็ถือว่าค่อนข้างหนักมากสำหรับทีมที่ขึ้นมาเป็นแถวหน้าของวงการฟุตบอลในช่วงหนึ่งทศวรรษหลังสุด และหากพรีเมียร์ ลีก ร่วมมือกับทาง ยูฟ่า ที่สองปีก่อนมีกรณีพิพาทกันมาแล้วเกิดร่วมมือกัน หาหลักฐานมาเอาผิดพวกเขาได้จริง เราอาจได้เห็นบทลงโทษที่มากกว่าเดิมอย่างเช่น ตัดคะแนนในลีก แบนจากฟุตบอลยุโรป หรือตลาดการซื้อขายนักเตะ จะจำนวนเท่าไรก็ว่ากันไป ก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมด ส่วนที่หลายฝ่ายคิดว่าต้อง “ริบแชมป์” อันนี้ก็รอดูกันว่าความผิดของพวกเขามันสาหัสมากแค่ไหน

“ความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้จะเป็นอาวุธและเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในเวลาเดียวกัน”

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เวลาเอาความจริงมาพูดเพื่อต่อสู้เพื่อตนเองแล้ว


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด