แอสตัน วิลล่า - อาร์เซนอล กับการพบกันอีกครั้งในรอบ 10 เดือน - FEATURE
- แอสตัน วิลล่า ลงเล่นในฟุตบอลยุโรปรายการใหญ่สุดครั้งล่าสุดคือในฤดูกาล 1982-1983
- อาร์เซนอล คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2003-2004
เกมในค่ำคืนนี้ แอสตัน วิลล่า จะเปิดบ้านพบกับ อาร์เซนอล ในเกมรอบที่ 16 ของพรีเมียร์ ลีก ซึ่งจะเป็นหนึ่งเกมยากสำหรับทั้งสองทีม เมื่อหนึ่งทีมอยู่ในช่วงฟอร์มยอดเยี่ยม และอีกหนึ่งทีมคือจ่าฝูงที่ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีกเต็มตัว
เจ้าบ้านแกร่งอย่างยิ่งผ่านเกมในบ้านปีนี้ 7 เกม 21 คะแนนไม่หลุดมือ รวมแล้ว 14 เกมในพรีเมียร์ ลีก จากปีที่แล้วพวกเขาชนะทุกเกม แต่เกมสุดท้ายที่พวกเขาแพ้ในบ้านเกมลีกก็คือการแพ้อาร์เซนอล 4-2 ซึ่งครั้งนั้นเจอกันในเดือนกุมภาพันธ์ 2023
ผ่านไป 10 เดือน สถานะของทั้งสองทีมใกล้เคียงกันมากขึ้น อูไน อเมรี่ (52 ปี) ผ่านการทำงานกับ แอสตัน วิลล่า ครบหนึ่งปีแล้วในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นหนึ่งปีที่ใช้เวลาในการเซตอัพทีมไม่นานนักทุกอย่างก็ดูเข้าที่เข้าทาง เจ้าของทีมอัดฉีดงบประมาณให้เต็มที่ ขุมกำลังเดิมก็ค่อนข้างดีอยู่แล้ว เมื่อรวมกับการทำงานของ “El Maestro” ที่เน้นเรื่องของทีมเวิร์คเป็นอันดับแรก ปีนี้พวกเขา “ผงาด” สมฉายา
อูไน อเมรี่ กับ อาร์เซนอล จบกันแบบไม่สวยอย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว นี่เป็น “บาดแผล” ใหญ่ครั้งหนึ่งสำหรับเขา การพาทุกสโมสรที่เคยได้เข้าชิงชนะเลิศยูโรป้า ลีกของเขา อาร์เซนอล เป็นทีมเดียวที่เขาพาถ้วยแชมป์กลับสโมสรไม่สำเร็จ เช่นเดียวกับเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ และการทำงานที่ถูกมองว่า “คุมสตาร์” ไม่ค่อยได้ของเขาให้ชัดเจนขึ้น หลังการออกจากปารีส แซงต์-แชร์กแมงมายัง อาร์เซนอลในปี 2018 ช่วงนั้นเขามีปัญหาไม่ลงรอยกับ เมซุต เออซิล รวมถึงอีกหลายคนในทีมที่ไม่ได้ให้การสนับสนุนเขานัก จนสุดท้ายเมื่อผลงานไม่ดีต่อเนื่อ แฟนบอลก็ไม่พอใจเพราะไปดรอปสตาร์เบอร์หนึ่ง (ในเวลานั้น) ไว้ข้างสนาม ไหนจะแรงกดดันในฐานะ “ผู้สืบทอด” ของอาร์แซน เวนเกอร์ ที่ความคาดหวังสูงลิ่ว เขาเลยต้องจากทีมไปในเวลา 18 เดือนโดยประมาณ
4 ปีผ่านไป…อเมรี่ พิสูจน์ตัวเองในฝีมือการคุมทีม เขากลับไปทำงานในสเปนอีกครั้ง และพาบียาร์เรอัล คว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ก่อนที่ปีต่อมาพา “เยลโล่ ซับมารีน” ไปถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่สำหรับในเกมลีก อูไน อเมรี่ ยังไม่เคยประสบความสำเร็จมากนัก ยกเว้นกับ เปแอสเช ในฤดูกาล 2017-2018 ที่คว้าแชมป์ทุกรายการในประเทศได้แต่ก็ไม่มากพอจะรักษาตำแหน่งเอาไว้ได้ การมาร่วมงานกับ แอสตัน วิลล่า ในช่วงปลายปี 2022 อเมรี่ ก็ยอมรับว่าเขาอยากกลับมาพรีเมียร์ ลีก เพราะลีกมีความท้าทายสูง และเขาอยากพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง ซึ่งถึงตรงนี้ค่อนข้างชัดเจนด้วยผลงานว่า อูไน อเมรี่ เหมาะสมกับการสร้างทีมในระดับกลางตารางเพื่อยกระดับสู่การเป็นท็อปทีมในลีก มากกว่าการคุมทีมระดับท็อปที่เขาไม่ได้สร้างด้วยตนเองมาแต่แรก เขาอาจมีปัญหากับ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ นายทวารแชมป์โลกของทีมอยู่บ้างในช่วงแรกของการคุมทีมแต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ราบรื่น มาร์ติเนซ ต่อสัญญาใหม่เพิ่ม ฟอร์มก็จัดว่าเป็นนายทวารระดับท็อปช่วยทีมได้เยอะ ผลงานของทีมก็ยอดเยี่ยม
มิเคล อาร์เตต้า (41 ปี) เข้าสู่การคุมทีมอาร์เซนอลแบบเต็มฤดูกาลเป็นฤดูกาลที่ 4 หลังจากเริ่มการคุมทีมในเดือนธันวาคม 2019 เขาผ่านช่วงเวลาแห่งการโดนปรามาสมาตั้งแต่วันแรกที่คุมทีมว่าเป็นเพียงแค่ “ผู้ช่วย” เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดีพอแค่ไหนจะมาคุมอาร์เซนอล การได้แชมป์เอฟเอ คัพ ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนหลังการคุมทีม ไม่สามารถซื้อใจแฟนบอลได้มากนัก แต่มากพอสำหรับการได้รับความไว้วางใจจากบอร์ดบริหารอาร์เซนอล แม้ในวันที่ทีมจบแค่ที่ 8 ไม่ได้เล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปี แฟนบอลขับไล่ สิ้นศรัทธา #ArtetaOut ดังไปทั่ว หากแต่สิ่งหนึ่งที่ อาร์เซนอล ได้เรียนรู้จากการปลดอูไน อเมรี่ คือ ผลงานไม่ดี อาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะตัดสินการทำงานของโค้ช แต่มันคือการทำงานในองค์รวมเข้ามาประกอบกัน เช่นเดียวกับการตัดสินใจ “อดทน” และ “ให้โอกาส” ในวันที่ผลงานย่ำแย่ซึ่งผู้เขียนเคยย้ำหลายครั้งในหลายบทความแล้วว่า บอร์ดบริหารทุกสโมสรต่างมีในเรื่องนี้เพียงแต่ว่ามันจะมากพอ และการให้โอกาสนั้นจะได้รับการตอบแทนกลับมาได้อย่างที่คาดหวังหรือไม่ (เหมือนที่ตอนนี้ เชลซี กำลังทำกับ เมาริซิโอ โปเชตติโน่ หรือว่า เอริค เทน ฮาก กำลังได้รับกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นต้น)
ตราบใดที่ยังได้รับโอกาส การพลิกฟื้นสถานการณ์ก็ยังคงเป็นไปได้ มิเคล อาร์เตต้า เคยผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว และไม่เคยกลับไปยังจุดนั้นอีกเลย…
ถึงตรงนี้แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จใด ๆ นับจากเอฟเอ คัพ 2020 แต่อาร์เตต้าสามารถนำสิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่ากันกลับมาสู่ทีมได้นั่นคือเรื่องของความสามัคคีภายในทีม การทำงานร่วมกันของทีมงาน และนักเตะ รวมถึงการสร้างศรัทธาของแฟนบอลคืนกลับมา ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของหลายฝ่าย แต่ทุกอย่างต้องเริ่มต้นกันที่เรื่องของในสนาม ผลงานที่ยอดเยี่ยมที่มาจากการเล่นที่น่าตื่นเต้นเป็นอันดับแรก
อูไน อเมรี่ กับ มิเคล อาร์เตต้า ต่างมีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งนอกเหนือจากสัญชาติสเปน และเป็นชาวบาสก์เหมือนกัน นั่นคือพวกเขาต่างมีเป้าหมายในการพิสูจน์ตัวเองกับพรีเมียร์ ลีก ในการทำงานผู้จัดการทีม ต่างเป้าหมายต่างวิธีการ แต่ต้องการแบบเดียวกัน แอสตัน วิลล่า มองถึงการไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้เป็นครั้งแรกนับจากทศวรรษที่ 80 ขณะที่ อาร์เซนอล รอคอยแชมป์พรีเมียร์ ลีกมาครอบ 2 ทศวรรษพอดี
การพบกันในวันนี้จะเป็นหนึ่งในเกมชั้นดีเกมหนึ่งของพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้ ที่จะได้เห็นนักเตะในระดับท็อปที่อยู่ในช่วงฟอร์มท็อปมาเจอกัน กับสองสโมสรที่มีเป้าหมายใกล้เคียงกัน แถมอันดับคะแนนยังเบียดกันอย่างสูสีมากอีกต่างหาก เป็นหนึ่งเกมที่ไม่ควรพลาด เพราะนี่คือ “กำไร” สำหรับผู้รักในเกมฟุตบอล และพรีเมียร์ ลีก อย่างยิ่ง
เที่ยงคืนครึ่งคืนนี้ ห้ามพลาดจริง ๆ ครับ