ตลกร้ายที่แสนเจ็บปวดของทั้ง เนย์มาร์ และ บราซิล ประจำปี 2023 - FEATURE

• บราซิล หลุดแพ้แล้วในเกมคัดบอลโลก 2026
• แพ้ไม่พอ ยังเสีย เนย์มาร์ บาดเจ็บจากเกมที่ อุรุกวัย
• ยืนยันล่าสุดว่า เนย์มาร์ เข่าพัง ต้องพักยาวอีกครั้งแล้ว
FBL-WC-2026-SAMERICA-QUALIFIERS-URU-BRA
FBL-WC-2026-SAMERICA-QUALIFIERS-URU-BRA / PABLO PORCIUNCULA/GettyImages
facebooktwitterreddit

จนถึงตอนนี้ที่ปี 2023 ใกล้จะเข้าสู่การนับถอยหลัง ควรต้องถือว่าทั้งยอดทีมอย่าง บราซิล และยอดแข้งอย่าง เนย์มาร์ มีปีที่ "เต็มไปด้วยเรื่องเล่า" อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอดีตซูเปอร์สตาร์ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่ต้องเจอเรื่องตลกร้ายซ้ำๆ จนตลกไม่ออก ซึ่งด้านล่างนี้ คือการประมวลเหตุที่เกิดขึ้นในอดีต และการจับยามสามตาว่า อนาคตข้างหน้าจะเป็นไปอย่างไร...

บราซิล... 4 นัด ก็เจ๊งแล้ว

ที่จริง บราซิล ยุคกุนซือชั่วคราวรายใหม่ แฟร์นันโด ดินิซ ก็เริ่มต้นได้แหล่มเลยกับรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2026 โซนอเมริกาใต้ ที่สามารถเรียกสติสตางค์ตัวเองกลับมาได้ทันเวลา ภายหลังหลุดแพ้ทีมอย่าง โมร็อกโก และ เซเนกัล ในนัดอุ่นเครื่องช่วงเดือน มี.ค. และ มิ.ย.

แชมป์โลก 5 สมัย เริ่มต้นคัดบอลโลกหนนี้เมื่อ 8 ก.ย. ด้วยการกะซวก โบลิเวีย 5-1 เนย์มาร์ กับ โรดรีโก้ โกเอส ซัดคนละ 2 เม็ด และอีกลูก ราฟินญ่า จัดให้

ยังต่อเนื่องด้วยอีก 4 วันให้หลัง ที่ออกไปเชือด เปรู 1-0 ที่แม้จะหืดขึ้น ได้เซนเตอร์แบ็กอย่าง มาร์กินญอส ดันขึ้นโขกลูกเตะมุมของ เนย์มาร์ นาทีสุดท้ายพอดี แต่ชนะก็คือชนะ

2 นัดจัดไป 6 แต้มเต็ม เป็นการเริ่มต้นที่น่าพอใจ

และไม่มีใครคาดคิดว่า "ลูกแผ่ว" จะมาถึง บราซิล อย่างรวดเร็วในเพียงคิวถัดมา ของเดือน ต.ค.

12 ต.ค. บราซิล เปิดบ้าน (กูยาบา) ลงชน เวเนซุเอล่า ทีมปลายแถวของทวีป ที่ร้อยวันพันปีก็แจกแต้มให้ บราซิล รับกินเต็มตลอด - การเจอกัน 7 เกมหลังสุด ในปี 2015 เป็นต้นมา บราซิล ชนะ 6 กับมีอีกนัดที่เสมอกัน 0-0

ทั้งครองบอลมากกว่า สร้างโอกาสมากกว่า และได้ประตูนำหน้า 1-0 ที่ต้องการในนาทีที่ 50 กาเบรียล มากัลเญส ทิ่มโขกเตะมุมจาก เนย์มาร์ ไม่เหลือซาก แต่แทนที่ 2-0 หรือ 3-0 จะมาต่อเนื่องหลังจากนั้น กลับกลายเป็น เวเนซุเอล่า ที่เปลี่ยนสกอร์เป็น 1-1 เสียเฉยๆ ในนาที 85 จังหวะเปิดจากขวาให้ เอดูอาร์ เบลโล่ ตีลังกายิงเสียบเสาแบบที่ เอแดร์ซอน โมราเอส ได้แต่ยืนขาตาย

นี่คือการทำแต้มหล่นหาย 2 คะแนนเห็นๆ ของ บราซิล เมื่อจบเกมได้แค่เสมอ 1-1

จากนั้น 17 ต.ค. อาจหนักหน่อยกับการบุกเตะ อุรุกวัย แต่ก็ชัดเจนว่าฟอร์มของทัพจอมโหดภายใต้การดูแลของ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ก่อนนี้ 2 นัด แพ้ เอกวาดอร์ 1-2 และเสมอ โคลอมเบีย 2-2

อย่างไรก็ตาม กลายเป็นว่า บราซิล ช็อตไปดื้อๆ เมื่อต้องเจอเกมเข้าปะทะหนัก ใส่แรงทุกจังหวะ แถมตอดเล็กตอดน้อยอยู่ตลอดของนักเตะเจ้าถิ่น จนไปไม่เป็น สร้างโอกาสจบไม่ได้เลยทั้งที่ครองบอลเยอะกว่า 60:40% ...พบว่าตลอดเกม บราซิล มีจังหวะยิงแค่ 2 ครั้ง และตรงกรอบ... 0 ครั้ง!

เจาะไม่เข้า และเมื่อโดนสวนเข้าก็ถึงปลายคาง ทั้งลูกแรกที่ มักซี่ อเราโฮ ครอสให้ ดาร์วิน นูนเยซ ก้มตัวโขกจมตาข่าย น.42 และลูกสอง ดาร์วิน นูนเยซ ล้มตัวจิ้มจากสุดเส้นหลังกลับมาให้ นิโกลัส เด ลา ครูซ เช้าชาร์จง่ายๆ น.77

เท่ากับจากการชนะ 2 นัดรวดในเดือน ก.ย. ปรากฏว่ามาอีก 2 นัดในเดือนนี้ บราซิล เสมอ 1 แพ้ 1

รวม 4 นัดมี 7 คะแนน ในขณะที่แชมป์โลก อาร์เจนติน่า กด 12 แต้มเต็ม

FBL-WC-2026-SAMERICA-QUALIFIERS-URU-BRA
FBL-WC-2026-SAMERICA-QUALIFIERS-URU-BRA / PABLO PORCIUNCULA/GettyImages

แฟร์นันโด ดินิซ เป็นใคร?

บราซิล ยืนอันดับ 3 ของการคัดบอลโลก 2026 โซนอเมริกาใต้ ที่แม้จะไม่ขี้เหร่ แต่ก็ "แพ้นัดแรก" อย่างรวดเร็ว แตกต่างจากหนก่อน บอลโลก 2022 ที่ ลา เซเลเซา ของ ตีเต้ ไร้พ่ายตลอดศก เตะ 17 ชนะ 14 เสมอ 3

การหลุดแพ้อย่างรวดเร็ว และสองเกมหลังมีแต้มเดียวถ้วนนี่เอง ที่ทำให้ตำแหน่ง "กุนซือทีมชาติบราซิล" ถูกจับจ้องอีกครั้ง

อย่างที่เคยว่าไว้ในครั้งก่อน ว่าแทบไม่น่าเชื่อว่า บราซิล จะยอมให้ตัวเอง "ไร้กุนซือใหญ่" ยาวนานกว่าครึ่งปี ภายหลัง ตีเต้ ฮาราคีรีตัวเองไป สังเวยการตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เวิลด์ คัพ ที่กาตาร์ (แพ้จุดโทษ โครเอเชีย)

CBF (สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล) เลือกทางที่ใครมองแล้วก็ต้องเลิกคิ้วแปลกใจ อย่างการ "หวังน้ำบ่อหน้า" ให้ยอดโค้ชอิตาเลียนอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ สละเก้าอี้มารับคุมเมื่อหมดสัญญากับ เรอัล มาดริด กลางปี 2024

แม้เอาเข้าจริง อันเชล็อตติ จะยังไม่ได้ตกปากรับคำ ยังคงตอบแบบเลี่ยงบาลี "ผมยังมีงานกับ เรอัล มาดริด ให้ต้องทำ" และ/หรือ "ผมมีความสุขดีกับมาดริด" อยู่เสมอเมื่อถูกถามถึงเรื่องบราซิล แต่ก็เป็นท่าทีของ CBF เองนั่นแหละที่ทำให้เชื่อได้ว่า พวกเขาต้องการตัว อันเชล็อตติ อย่างจริงจัง และไม่มีตัวเลือกอื่นสำรองไว้ในใจเลย

นั่นจึงเป็นที่มาของการตั้ง แฟร์นันโด ดินิซ คุมทีมแบบ "รักษาการ" ด้วยสัญญาระยะสั้น 1 ปีถ้วน

แฟร์นันโด ดินิซ เป็นใคร?

แฟร์นันโด ดินิซ หรือ แฟร์นันโด ดินิซ ซิลวา เป็นนักเตะตำแหน่งกองกลาง ค้าแข้งในยุค 90 ต่อ 2000 กับหลากหลายทีมในบราซิล โดยสังกัดทีมใหญ่เยอะเลยทั้งกับ พัลไมรัส, โครินเธียนส์, ฟลูมิเนนเซ่, ฟลาเมงโก้, ครูไซโร่ หรือ ซานโตส แต่ก็ไม่เคยติดทีมชาติบราซิล หรือออกไปเล่นในยุโรปมาก่อน

ภายหลังแขวนสตั๊ดเลิกเล่นแล้ว ดินิซ มีเส้นทางคุมทีมระดับ "จอมพเนจร" ด้วยพบว่าเขาเปลี่ยนงานมา 2 ครั้ง - ครั้งแล้วกับครั้งเล่า โดยไม่เคยอยู่กับสโมสรไหนนานกว่า 2 ปีเลย

  • 2009–2010 โวโตราตี้
    2010 เปาลิสต้า
    2011 โบตาโฟโก้
    2012 อัตเลติโก โซโรคาบา
    2013–2014 ออดักซ์
    2014 กวาราตินเกต้า
    2015 ออดักซ์
    2015 ปาราน่า
    2016 ออดักซ์
    2016 เอิสเต้
    2017 ออดักซ์
    2018 อัตเลติโก ปาราเนนเซ่
    2019 ฟลูมิเนนเซ่
    2019–2021 เซา เปาโล
    2021 ซานโตส
    2021 วาสโก ดา กาม่า
    2022 ฟลูมิเนนเซ่

CBF คงมองเห็นว่า ดินิซ เป็นโค้ชรุ่นใหม่ วัยไม่สูงแค่ 49 และผ่านงานกับทีมในบราซิลมาเยอะ น่าจะดีพอสำหรับทีมชาติ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพิ่งพา ฟลูมิเนนเซ่ ครองแชมป์ Campeonato Carioca 2023 มาด้วย

ดินิซ ได้รับนิคเนมในสื่อแซมบ้าว่า "กวาร์ดิโอล่า บราซิล" (Brazilian Guardiola) จากสไตล์การทำทีมเน้นฟุตบอลเอนเตอร์เทน "ติกี้ ตาก้า" ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยสร้างชื่อไว้กับ บาร์เซโลน่า

ที่โหดเป็นพิเศษคือ CBF ยินยอมให้ ดินิซ จับงานกับ ฟลูมิเนนเซ่ ไปตามเดิม ควบคู่กับจ๊อบคุมทีมชาติบราซิล เสียด้วย

อาจใช่ที่ฟุตบอลระดับทีมชาติ ความสามารถของกุนซือ อาจมีความสำคัญเป็นรองศักยภาพของนักเตะในสนาม ถ้านักเตะดีเสียอย่าง ก็ไปโลด

แต่ก็ใช่เหมือนกันที่คุณจะไปเอาตาสีตาสาที่ไหนมาคุมทัพไม่ได้

จึงน่าตั้งคำถามเหลือเกินว่า CBF คิดอะไรอยู่ถึงมอบหมายให้ ดินิซ ดูแลทีมชุดนี้

ทั้งที่ก็ต้องจับปลาสองมือ ดูแลงานกับ ฟลูมิเนนเซ่ ไปพร้อมๆ กัน

Fernando Diniz
Uruguay v Brazil - FIFA World Cup 2026 Qualifier / Ernesto Ryan/GettyImages

ตลกร้ายที่ไม่ตลกเลยของ เนย์มาร์

อย่างที่ว่า บราซิล ยืนอันดับ 3 ของการคัดบอลโลก 2026 โซนอเมริกาใต้ ที่แม้จะไม่ขี้เหร่ แต่ก็ "แพ้นัดแรก" อย่างรวดเร็ว

เพียงแต่ในระยะยาว ก็ดูไม่น่าเป็นห่วงนัก

ยี่ห้อ บราซิล ผู้ซึ่งเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก มาอย่างต่อเนื่อง 22 ครั้งติดต่อกันโดยไม่เคยตกรอบคัดเลือกแม้แต่ครั้งเดียว อย่างไรเสีย เดี๋ยวก็คงเข้าที่เข้าทางได้ ด้วยคุณภาพโดยรวมที่ก็ยังเหนือกว่าหลายๆ คู่แข่งร่วมทวีป

การหลุดแพ้ 1-2 นัดในรอบคัดเลือก เป็นเรื่องปกติของ บราซิล พอๆ กับที่พวกเขาตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายได้ทุกยุคสมัย

อย่างไรก็ตาม การแพ้นัดแรกอย่างรวดเร็วนั่น ก็หมายถึงว่า บราซิล จะพลาดเพิ่มเติมไม่ได้มากนักแล้ว และต้องหักหัวกลับสู่ชัยชนะให้ได้โดยเร็วที่สุดด้วย เพื่อที่จะไม่ให้เสียงวิจารณ์ดังไปมากกว่านี้

บราซิล แพ้แล้ว แต่ยังไม่น่าห่วง

ที่น่าเป็นห่วงมากกว่า...คือ... เนย์มาร์

19 กุมภาพันธ์ : เจ็บข้อเท้าจากเกม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เบียดชนะ ลีลล์ 4-3 ต้องเข้ารับการผ่าตัด พักยาวกลับมาไม่ได้อีกจนจบซีซั่น (รวมลงเล่นให้ ปารีสฯ แค่ 29 นัดในปีสั่งลา)

15 สิงหาคม : อำลา เปแอสเช และลีกยุโรป ย้ายไปสู่ อัล-ฮิลาล ค่าตัวเป็นสถิติ 90 ล้านยูโร

3 ตุลาคม : ยิงประตูแรกกับต้นสังกัด ในเกม เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชนะ นาสซาจี มาซานดาราน จากอิหร่าน 3-0 อันเป็นประตูเดียวจากการลงสนาม 5 นัดกับ อัล-ฮิลาล

18 ตุลาคม : เข่าพังซ้ำซ้อน ACL และ หมอนรองเข่าขาดสะบั้น จากเกมที่ บราซิล ออกไปแพ้ อุรุกวัย 0-2 ต้องผ่าตัด และพักยาวแบบไม่รู้กำหนดคืนสนาม

"นี่คือช่วงเวลาที่น่าเศร้ามากที่สุดในชีวิตผม" เนย์มาร์ เผยล่าสุด

"ผมรู้ว่าตัวเองเป็นคนแข็งแกร่งขนาดไหน แต่กับครั้งนี้ ผมต้องการกำลังใจจากครอบครัวและเพื่อนๆ มากจริงๆ"

"มันไม่ง่ายเลยที่ต้องล้มเจ็บหนัก, เข้ารับการผ่าตัด แล้วก็...ต้องทำทุกอย่างซ้ำเดิมอีกครั้งในอีกแค่ 4 เดือนถัดมา"

เป็นตลกร้ายที่ไม่ตลกเลยสักนิด ว่าหลังจากฟื้นฟิตกลับมาจากข้อเท้าพังได้ไม่ทันไร ย้ายตัวเองไปสู่ชีวิตใหม่ที่ซาอุฯ แล้ว ก็ดันมาเจอปัญหาเข่าพังเข้าให้อีก ภายหลังถูกเข้าปะทะโดย นิโกลัส เด ลา ครูซ ก่อนหมดครึ่งแรก

น่าเจ็บปวดขึ้นไปอีกว่า ฟอร์มส่วนตัวของ เนย์มาร์ ในเครื่องแบบแซมบ้า กำลังมาดีเลยแท้ๆ ด้วย 2 ประตู 3 แอสซิสต์ใน 4 เกมแรกของคัดบอลโลก

เสี้ยววินาทีเดียวของอุบัติเหตุ ตามมาด้วยการพักยาว ไม่มีกำหนดคัมแบ็ก

Neymar Jr
Uruguay v Brazil - FIFA World Cup 2026 Qualifier / Guillermo Legaria/GettyImages

ถัดจากนี้ของเสี่ยเนย์

ไม่ต้องสงสัย ถ้อยคำที่ เนย์มาร์ เอ่ยออกมา ล้วนฉาบไปด้วยความเจ็บปวด...ทั้งปวดแผลและปวดใจ

ถัดจากนี้ แรกสุดคือการพักยาว ซึ่งสื่อคาดว่ามีโอกาสมากที่จะต้อง "ปิดเทอม" แต่เนิ่นๆ หมดสิทธิ์กลับมาช่วย อัล-ฮิลาล ตลอดซีซั่น 2023/24 นี้แล้ว แม้ว่าไทม์ไลน์ของ โปรลีก ซาอุฯ จะใช้แบบเดียวกันกับลีกยุโรป คือจะซัดกันยาวไปจบตอนกลางปีหน้า ก็ตาม

พักยาวถึงไหนถึงกัน นั่นเพราะไม่ใช่แค่อาการเดียว แต่ เนย์มาร์ เจอโชคสองชั้น ที่ทั้ง ACL (เอ็นไขว้หน้าเข่า) และ meniscus (หมอนรองข้อ) ในข้อเข่าซ้าย ต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ฉะนั้น ทั้ง โปรลีก, บอลถ้วยในประเทศ จนถึง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ อัล-ฮิลาล ล้วนแต่อยู่ในข่ายลุ้นแชมป์นั้น คงต้องบอกลา เนย์มาร์ ยาวไปจนกว่าจะซีซั่นหน้า

เช่นกัน ทีมชาติบราซิล ที่อยู่ในเส้นทางคัดเลือกบอลโลก 2026 ก็คงไม่มีชื่อ เนย์มาร์ มีเอี่ยวไปอีกยาวๆ เริ่มตั้งแต่ 2 เกมกลางเดือนหน้า ที่จะพบกับ โคลอมเบีย และ "ซูเปอร์กลาซิโก้" กับ อาร์เจนติน่า ที่ริโอ เด จาเนโร

อย่างไรก็ตาม ยังดีหน่อยที่เมื่อพ้นจาก 2 เกมกับ โคลอมเบีย และ อาร์เจนฯ เดือนหน้าแล้ว ศึกคัดบอลโลก 2026 โซนอเมริกาใต้ จะ "เว้นช่วงยาว" ไม่มีเตะตลอดครึ่งปีแรกของ 2024 ค่อยไปซัดต่อแมตช์ที่ 7 กับ 8 เป็นต้นไปในช่วงเดือน ก.ย. โน่นเลย

ถึงตอนนั้น เนย์มาร์ มีสิทธิ์กลับคืนสนามได้แล้ว...และมีสิทธิ์ได้ร่วมงานกับเจ้านายใหม่ อันเชล็อตติ ด้วย--ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามคาด

อย่างไรก็ตามซ้อนอย่างไรก็ตาม กลางปีหน้า มิ.ย. - ก.ค. จะมีทัวร์นาเมนต์สำคัญอย่าง โคปา อเมริกา 2024 ลงสนามกันที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่แน่ไม่นอนว่า เนย์มาร์ จะฟื้นฟิตทันลุยศึกชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ (พร้อมแขกรับเชิญ) งวดนี้หรือไม่

แต่ที่สำคัญสุดคือ ตัวเนย์มาร์เองนั่นแหละ ที่ต้องไม่ "ถอดใจ" หลังเจอปัญหาเจ็บหนักติดๆ กัน 2 ครั้ง

เนย์มาร์ เซ็นสัญญากับ อัล-ฮิลาล ไว้แค่ระยะสั้น 2 ปีเท่านั้น ซึ่งการเจ็บหนักระลอกล่า ทำให้ช่วงเวลาของเขากับที่นี่ หายวับไปแล้ว 1 ปี

เนย์มาร์ ต้องไม่ถอดใจ และผลักดันตัวเองให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งให้ได้ เพื่อตอบแทนสัญญามูลค่า 140 กว่าล้านยูโรต่อปี ที่ อัล-ฮิลาล มอบให้

อาจใช่ที่ในวัยใกล้จะ 32 (ต้นปีหน้า) และการอำลาลีกยุโรปไปแล้ว หมายความถึงว่า "ตอนจบ" กำลังรอ เนย์มาร์ อยู่ในไม่ช้า ให้เดาใจ เขาคงวางแผนไว้ว่าจะอยู่กับ อัล-ฮิลาล สัก 2-3 ปีไม่เกินนี้ ตามด้วยมุ่งหน้ากลับบราซิลเพื่อแขวนสตั๊ดกับทีมไหนสักทีม แล้วอยู่สุขสบายไปตลอดชีวิตด้วยเงินมหาศาลที่ได้จากซาอุฯ

แต่ก็นั่นแหละ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการนี้ เนย์มาร์ จะยอมให้ฉากท้ายๆ ในเส้นทางค้าแข้ง กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าลืมเลือนจากปัญหาเจ็บหนัก ไม่ได้เด็ดขาด

ฮึดสู้อีกสักครั้ง ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ไปให้ได้

ทุกคนเอาใจช่วย เนย์มาร์ อยู่ ไม่แม้จะเคยต่อว่าต่อขานหรือปรามาสเขาเอาไว้อย่างไร ก็ตาม

Neymar Jr
Uruguay v Brazil - FIFA World Cup 2026 Qualifier / Guillermo Legaria/GettyImages