4 นัด 3 แต้ม อมบ๊วย : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังมีสิทธิ์เข้ารอบน็อกเอาต์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อยู่ไหม? - FEATURE
• เท่ากับ 4 นัดใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ผ่านไป ทีมของ เอริค เทน ฮาก แพ้แล้วถึง 3
• อมบ๊วยแก้มตุ่ยขนาดนี้ แล้วจะยังพอมีลุ้นเข้ารอบน็อกเอาต์ได้อยู่ไหม...
ผ่านเกมที่ 4 ของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023/24 ไปเรียบร้อย พบมีทีมการันตีผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้แล้ว และเวลาเดียวกัน ก็มีทีมที่ "ร่อแร่" อาการหนัก ไม่ตกก็เหมือนตก โดยที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็คือประเภทหลัง เมื่อ 4 นัดผ่านไปด้วยการเป็นบ๊วยของกลุ่ม แล้วงานนี้ จะยังเหลือโอกาสลุ้นเข้ารอบอยู่สักกี่มากน้อย...
4 นัด 3 แต้ม อมบ๊วยแก้มตุ่ย
พลาดหนักมากอีกแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อทั้งที่ขึ้นนำ 2-0 และ 3-2 แต่สุดท้ายกลับต้านไว้ไม่อยู่ แพ้ โคเปนเฮเก้น 3-4 ด้วยการเสีย 2 เม็ดตอนทดเจ็บครึ่งแรก (13 นาที) และเสียอีก 2 เม็ดใน 6-7 นาทีท้าย (ไม่รวมทดเจ็บ)
นั่นทำให้หลังจาก 4 นัดผ่านไป ทีมของ เอริค เทน ฮาก พบตัวเองเป็นบ๊วยของกลุ่มเอ และถือว่า "ร่อแร่เต็มที" กับอนาคตใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
อันดับ | ผล | แต้ม |
---|---|---|
1. บาเยิร์น | 4-0-0 | 12 |
2. โคเปนเฮเก้น | 1-1-2 | 4 |
3. กาลาตาซาราย | 1-1-2 | 4 |
4. แมนยู | 1-0-3 | 3 |
จนถึงตอนนี้ บางทีก็ดูเหมือนว่า "ฟ้า" จะไม่เอื้ออำนวยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ไปต่อในถ้วยนี้สักเท่าไหร่
เริ่มต้นที่เกมแรก การเสียลูกที่ 4 ตอนทดเจ็บ 90+2 (มาติส แตล) ทำให้สกอร์ที่เพิ่งบีบแคบมาเหลือ 3-2 แหมบๆ (กาเซมิโร่ น.88) ถูกถ่างออกเป็น 4-2 ทันที และแม้ กาเซมิโร่ จะยิงลูกที่สองของตัวเอง 90+5 ก็ยังไม่เพียงพอให้ได้คะแนนกลับออกมาจาก บาเยิร์น มิวนิค
ต่อมา การเตะหลุดสวมบทประตูน้ำของ อองเดร โอนาน่า และหลังบ้านที่ช้ำรั่วทำให้ 2 ลูกของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ไม่มีความหมาย แพ้ กาลาตาซาราย 2-3 คาบ้าน
ข้ามนัดที่ 3 (ซึ่ง โอนาน่า & แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เป็นฮีโร่) มายังเกมเมื่อคืน จะเห็นชัดว่า "จุดเปลี่ยนสำคัญ" เกิดขึ้นตอนท้ายครึ่งแรก น.42 ที่หลังจาก ฮอยลุนด์ รับเหมาจัดสกอร์นำห่าง 2-0 ให้แล้ว ก็ดันมาเสีย มาร์คัส แรชฟอร์ด โดนใบแดงไปจากการย่ำเท้าใส่ เอเลียส เยเลิร์ต
อาจใช่ว่าจังหวะนี้สามารถมองได้ว่า ผู้ตัดสินและทีม VAR ทำพลาด ด้วยโดนลวงตาจาก "ภาพนิ่ง" มากกว่าจะมองภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที
แต่การเหลือ 10 คน ก็ไม่ควรใช่ข้อแก้ตัวของการที่พวกเขาเสียถึง 2 ประตูก่อนหมดครึ่งแรก (น.45 และจุดโทษ 45+9) จนแทนที่จะนำ 2-0 กลายเป็นต่อครึ่งหลังด้วยสกอร์เท่ากัน 2-2
เช่นกัน หลังจาก บรูโน่ แฟร์นันเดส กดจุดโทษนำ 3-2 กลางครึ่งหลัง น.69 แมนยู ก็ควรทำทุกวิถีทาง อย่างไรก็ได้ให้เกมปิดลงอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ใช่มาโดน 3-3 น.83 และแพ้ 3-4 มันซะเลย ตอน น.87
เหนือการโทษฟ้าก่นด่าดวงชะตา แมนยู ก็ควรย้อนกลับมาเขกหัวตัวเองให้กับความ "ไม่เนี้ยบ" เสียมากกว่า
ความไม่เนี้ยบของการปิดเกมไม่ลงเหล่านั้น สะท้อนออกมาเป็นข้อเท็จจริงว่าพวกเขาเสียเยอะถึง 11 ประตูใน 4 นัด
และการที่จะต้องบอกลา แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปแต่เนิ่นๆ
หากว่านัดหน้า ไม่ชนะ
29 พ.ย. เยือน กาลาตาซาราย
พักผ่อนหายใจหายคอกันสักนิด สุดสัปดาห์นี้เปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เตะ ลูตัน ทาวน์ แล้วจึงจะเข้าช่วงเบรคทีมชาติประจำเดือน พ.ย. จากนั้นพ้นเบรค แมนฯ ยูไนเต็ด จะออกไปเยือน เอฟเวอร์ตัน
แล้วกลางสัปดาห์ 29 พ.ย. จะไปเยือน กาลาตาซาราย
ไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับ เทน ฮาก และชาวคณะผีแดง นอกจาก "ต้องชนะ" ที่ตุรกีให้ได้ แถมลุ้นสองต่อให้ บาเยิร์น ยังไม่โยนเกมกับ โคเปนเฮเก้น ทิ้งไปแม้จะเข้ารอบแล้ว
แต่นี่คือ กาลาตาซาราย เมื่อได้เล่นในรังเหย้า แรมส์ พาร์ค (หรือชื่อเก่า อาลี ซามี เยน) ซีซั่นนี้
- ชนะ ซัลกิริส 1-0 (คัด ชปล.)
ชนะ โอลิมปิย่า 1-0 (คัด ชปล.)
ชนะ แทร็บซอนสปอร์ 2-0
ชนะ โมลด์ 2-1 (คัด ชปล.)
ชนะ ซัมซุนสปอร์ 4-2
เสมอ โคเปนเฮเก้น 2-2 (ชปล.)
ชนะ อันคารากูคู 2-1
ชนะ เบซิคตัส 2-1
แพ้ บาเยิร์น มิวนิค 1-3 (ชปล.)
ชนะ คาซิมปาซ่า 2-1
10 นัดของเกมเหย้าซีซั่นนี้ กาลาตาซาราย ภายใต้การทำทีมของ โอคาน บูรุค (ตัวทีมชาติตุรกี บอลโลก 2002) ชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1
แม้ถ้าจำกัดวงแคบมาอยู่ที่รอบแบ่งกลุ่ม แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้วจะพบว่า กาลาฯ ทำได้แค่เสมอ โคเปนเฮเก้น และแพ้ บาเยิร์น มิวนิค คาบ้านใน 2 เกมเหย้าที่ผ่านมา แต่ กาลาฯ เองก็อยู่ในจุดที่ "ต้องการแต้ม" เหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงจะใส่แหลกแน่กับคิวพบ แมนฯ ยูไนเต็ด สิ้นเดือนนี้
อย่างไรเสีย แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ไม่มีทางเลือกอื่นอย่างที่ว่า นอกจากต้องบุกชนะให้ได้ไม่ว่าด้วยสกอร์ใด เพื่อโอกาสในการลุ้นเข้ารอบที่ยังเหลือ--แม้แสงไม้ขีดไฟ
และอย่างที่ว่าเช่นกัน หนึ่งคือบุกชนะ กาลาฯ ให้ได้ แล้วสองคือให้ บาเยิร์น โค่น โคเปนเฮเก้น ลงด้วยในเวลาเดียวกัน
ถ้าออกรูปนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมี 6 แต้ม ส่วนทาง โคเปนเฮเก้น กับ กาลาตาซาราย จะมี 4 คะแนนเท่ากัน
และต้องไปชี้ชะตากันนัดสุดท้าย
12 ธ.ค. เหย้า บาเยิร์น มิวนิค
หากสามารถบุกชนะ กาลาตาซาราย ได้แล้ว และ บาเยิร์น ใจดีพอจะสยบ โคเปนฯ ให้แล้ว
แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังต้องลุ้นให้ บาเยิร์น ใจดีกับพวกเขาบ้าง ตอนกลางเดือนหน้า
ให้ โธมัส ทูเคิ่ล ใจดีพอจะปรับทัพส่งสำรองลงเต็มอัตรา มาเลยทั้ง เอริก มักซิม-ชูโป โมติง, มาติส แตล, บูน่า ซาร์, อเล็กซานดาร์ พาฟโลวิช, ฟรานส์ คราตซิก หรือเด็กเยาวชนชื่อไม่คุ้น ก็ได้หมด
เพราะเมื่อถึงตรงนั้น แมนยู ก็ยังต้องการชัยชนะเหนือ บาเยิร์น อยู่ดี และถ้า ทูเคิ่ล โรคจิตจัดเต็ม 11 ตัวจริงชุดใหญ่มาเยือน ก็คงยากที่จะหวังถึงชัยชนะได้
ถ้า บาเยิร์น มาแบบปล่อยๆ เตะไม่ซีเรียส แล้ว แมนฯ ยูไนเต็ด กำชัยได้ ก็จะตามหลังพี่เสือเข้ารอบไปทันที ไม่ต้องลุ้นผลอีกคู่ (โคเปนเฮเก้น v กาลาตาซาราย)
เกิดถ้าแพ้ แล้วอีกคู่เสมอด้วย ผีก็ยังฉลองได้อยู่ (แมนยู 6, โคเปน 5, กาลา 5)
แต่ถ้าออกเสมอ แล้วอีกคู่มีผลแพ้ชนะ แมนยู กับทีมผู้ชนะคู่ โคเปน-กาลา ก็จะมี 7 แต้มเท่ากัน
ยูฟ่า วางเกณฑ์ในการวัดผลไว้ ประกบด้วย...
- 1) ผลการพบกันโดยตรง (Head to Head)
2) ผลต่างประตูได้เสีย จากเฮดทูเฮด
3) ประตูที่ยิงได้ จากเฮดทูเฮด
4) ผลต่างประตูได้เสีย รวมทั้งกลุ่ม
5) ประตูที่ยิงได้ รวมทั้งกลุ่ม
6) Away Goals รวมทั้งกลุ่ม
7) จำนวนนัดที่ชนะทั้งหมด
8) จำนวนเกมเยือนที่ชนะทั้งหมด
9) คะแนนความประพฤติ
10) ค่าสัมประสิทธิ์
ที่จริง ยูฟ่า ก็วางเกณฑ์ไว้แบบเผื่อเหลือเผื่อขาด แต่เมื่อต้องวัดกันจริงๆ แล้ว แค่ "เฮดทูเฮด" ข้อแรกสุดนั่นแหละ ก็มักปรากฏคำตอบที่ต้องการแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนจะว่ากันถึงเรื่องขยุ้มกฎด้านล่าง ก่อนจะลุ้นให้ บาเยิร์น มาแบบขำๆ
แรกสุดคือ แมนยู ต้องบุกชนะ กาลาตาซาราย ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น
ถ้าไม่มี 3 แต้มเต็มในเกมหน้า ถือว่าทั้ง "จบข่าว" และ "จบเห่" ไปพร้อมๆ กัน!