เชลซี อย่าชะล่าใจ ! ถ้าไม่รีบฟื้นมีสิทธิ์ถึง "ลุ้นตกชั้น" แบบสุดช็อก - FEATURE

จากแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัยในระยะ 3 ปี 2015-2017 สู่แชมป์ยุโรปสมัย 2 เมื่อปี 2021 ว่ากันว่านาทีนี้ เชลซี กำลังมีสิทธิ์ "เห็นนรก" เอาได้ในเพียงการมาปีแรกของคุณท่าน ท็อดด์ โบห์ลี่

นรกที่ว่า ก็คือการ "ตกชั้น" หลุดลงสู่ อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ อย่างเหนือความคาดหมาย ที่แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ใครคาดคิดมาก่อน แต่จากทรงที่เห็นและเป็นอยู่ ท่านว่า มีสิทธิ์เป็นไปได้...

แพ้แล้ว 5 แต่ที่จริง ยังมากกว่านี้อีก

เพราะ "พี่จ๋า...มาทำไม" แม้เราจะพูดแบบนี้บ่อยครั้งจนแทบจะมากเกินไปแล้ว แต่ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ดิ้นไม่หลุด สลัดไม่พ้น

• แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1
  
  แพ้ เรอัล มาดริด 0-2
  
  แพ้ ไบรท์ตัน 1-2
  
  แพ้ เรอัล มาดริด 0-2
  
  และแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 0-2
  

จำกัดวงแคบลงมาเหลือใน พรีเมียร์ลีก ที่ยังคงเหลือให้ต้องสู้ต่อ จะพบว่ามัน "เรื้อรัง" มาตั้งแต่ตอนที่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ นั่งเก้าอี้แล้ว

• เสมอ เอฟเวอร์ตัน 2-2 (เกรแฮม พ็อตเตอร์)
  
  แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-2 (เกรแฮม พ็อตเตอร์)
  
  เสมอ ลิเวอร์พูล 0-0 (บรูโน่ ซัลตอร์)
  
  แพ้ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1 (แฟร้งค์ แลมพาร์ด)
  
  แพ้ ไบรท์ตัน 1-2 (แฟร้งค์ แลมพาร์ด)
  
  และแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 0-2 (แฟร้งค์ แลมพาร์ด)
  

6 นัดหลังในลีกของ 3 กุนซือ เชลซี เก็บได้แค่ 2 แต้มจาก 18 คะแนนเต็ม

แล้วถ้ายังไม่เห็นภาพ ก็ต้องย้อนไปไกลกว่านี้หน่อย

จะพบว่า เชลซี ชนะได้แค่ 2 จาก 13 เกมลีกหลังสุด

ชนะ 2 เสมอ 5 และแพ้ถึง 6 นัดด้วยกัน...ทรงแบบนี้ หนีตายไม่แปลก!

มีโอกาสที่แต้มขยับขึ้นแค่เล็กน้อย

13 เกมลีกหลังสุดที่มีคะแนนเต็ม 39

ถ้าเป็นทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล หรือ แอสตัน วิลล่า ยุค อูไน เอเมรี่ คงพอคาดหวังได้ถึงคะแนนเต็มหรือเกือบเต็ม

แต่ เชลซี สามารถทำได้แค่ 11 คะแนน

และจากโปรแกรมที่รออยู่ มองกันแบบตรงไปตรงมาไม่เอียงข้างไหนทั้งนั้น ก็ต้องบอกว่า เชลซี มีโอกาสที่แต้มจะขยับขึ้นแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง

ประเมินความเป็นไปได้ของ เชลซี ในเกมที่เหลืออยู่

เยือน อาร์เซน่อล - แพ้

เยือน บอร์นมัธ - ชนะ

เหย้า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ - ชนะ

เยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - แพ้

เยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เสมอ

เหย้า นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด - เสมอ

นี่ขนาดว่า "มองแง่ดี" ที่สุดแล้ว

เชลซี จะมีแต้มเพิ่มขึ้นอีกแค่ 8 คะแนน เท่านั้น

มีโอกาสถูกแซงหน้าขึ้นไปเพียบ

จากการอยู่นิ่งๆ ไม่มีเกมช่วงสุดสัปดาห์นี้ (ก่อนเตะ อาร์เซน่อล อังคารที่จะถึง) ทำให้เมื่อผลของเกมวันเสาร์ไม่ค่อยเข้าทาง เชลซี ก็โดนแซงหน้าขึ้นไปทันที

สามแต้มของ คริสตัล พาเลซ ที่ได้จากการเปิดบ้านชนะ เวสต์แฮม สุดระทึก 4-3 ทำให้ พาเลซ ยุค รอย ฮ็อดจ์สัน 2.0 ชนะถึง 4 จาก 6 เกมหลังสุด

พาเลซ จึงเด้งขึ้นสู่อันดับ 11 แล้ว เขี่ย เชลซี ลงไปที่ 12 แทน

อันดับกลางตาราง พรีเมียร์ลีก ก่อนเกมวันอาทิตย์

โดน พาเลซ แซงแล้ว (แม้จะแข่งมากกว่า เชลซี 2 นัด) ต่อไปจะโดนใครแซงอีกบ้าง ก็คาดเดาลำบาก เมื่อทั้งหมดล้วนแต่มีแต้มตามหลัง เชลซี แบบพอเอื้อมถึงอยู่ทั้งสิ้น

มีโอกาสที่จะ...ตกชั้น

"แฟร้งค์ แลมพาร์ด กลับมายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ตอนต้นเดือนนี้ สืบเนื่องจากการถูกไล่ออกของ เกรแฮม พ็อตเตอร์" ดีแลน เทอร์รี่ คอลัมนิสต์ เดอะ ซัน ร่ายปากกาเอาไว้ "แต่กุนซือชั่วคราวผู้ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งจนถึงแค่จบซีซั่น คนนี้ แพ้ติดต่อกันถึง 5 เกมเข้าไปแล้ว"

"และชัยชนะของ คริสตัล พาเลซ เหนือ เวสต์แฮม 4-3 เมื่อวันเสาร์ ก็พาให้ พาเลซ ขยับขึ้นไปเหนือ เชลซี แล้ว ส่วนทีมแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021 ก็ต้องถอยลงมาเป็นอันดับ 12 แทน"

"พวกเขายังมีระยะห่างแต้มอยู่ที่ 10 คะแนนเหนือโซนตกชั้น ซึ่ง ณ ตอนนี้เป็น เลสเตอร์, เอฟเวอร์ตัน และ เซาแธมป์ตัน"

"อย่างไรก็ตาม ในแง่ของคณิตศาสตร์ เชลซี ยังมีโอกาสตกชั้นอยู่เต็มๆ"

"และความเป็นไปได้ของการตกชั้น ก็ยิ่งมีความเป็นจริงขึ้นอีกเมื่อคุณมองถึงผลงานที่ เชลซี ในมือของ แลมพาร์ด กำลังเป็น และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง จาก 6 เกมที่ยังเหลือ พวกเขาจะต้องเจอกับทีมในกลุ่มท็อปโฟร์ ครบถ้วนทั้ง 4 ราย"

"เริ่มจากการออกไปเยือนทีมลุ้นแชมป์ อาร์เซน่อล วันอังคาร จากนั้นก็เป็นเกมเยือนอีกนัดกับ บอร์นมัธ ที่ชนะมา 4 จาก 6 เกมหลัง"

"ต่อจากนั้นอีกคือเกมเหย้ากับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งทีมของ สตีฟ คูเปอร์ ต้องสู้เต็มที่เพื่อดิ้นรนหนีการตกชั้น"

"หากว่า เชลซี ยังคงตกอันดับลงไปอีกหลังจากเกมกับ ฟอเรสต์ เท่ากับ 3 นัดสุดท้ายจะสำคัญกับชีวิตของพวกเขาอย่างหนักหน่วงรุนแรง"

"แต่ 3 เกมสุดท้ายนั่นคือการเจอใครล่ะ เยือน แมนฯ ซิตี้, เยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนปิดท้ายกับ นิวคาสเซิ่ล ในวันสุดท้าย"

"การแพ้ในตลอดทุกเกมที่เหลือ จะทำให้ เชลซี ใกล้เคียงต่อฝันร้าย และความน่าหวาดกลัวต่อการตกชั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 35 ปี ก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้จริง"

...ย้ำอีกทีว่าการประเมินของเราในย่อหน้าข้างต้น คือขี้หมูขี้หมา อย่างน้อย เชลซี น่าจะได้สัก 8 แต้ม

แต่ก็อีกนั่นแหละ ใครจะไปทายอนาคตได้แม่นเป๊ะ ยิ่งฟุตบอล ยิ่งเกิดอะไรขึ้นก็ได้ทั้งหมด

เช่นนี้ ก็คงต้องบอกว่า, ไม่ว่า แลมพาร์ด จะอยู่หรือไม่ หรือมีกุนซือใหม่รายที่ 5 เข้ามาอีกก่อนจบ, เชลซี มีสิทธิ์แพ้รวดได้ในคิว 6 นัดสุดท้ายที่เหลืออยู่

และถ้าเป็นจริงขึ้นมา... นรกสีน้ำเงินก็รอพวกเขาอยู่