ชัยชนะที่สวยหรูของ ลิเวอร์พูล ที่แลกมาด้วยปัญหานักเตะบาดเจ็บ - FEATURE

  • ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมบุกไปถล่ม เบรนท์ฟอร์ด
  • “หงส์แดง” เจอปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่ม
  • เยอร์เก้น คล็อปป์ มีขุมกำลังเชิงลึกที่สนับสนุนกันได้
Brentford FC v Liverpool FC - Premier League
Brentford FC v Liverpool FC - Premier League / Gaspafotos/MB Media/GettyImages
facebooktwitterreddit

ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ยังคงทำผลงานได้ตามเป้าหมายหลังบุกไปไล่อัดเจ้าถิ่น เบรนท์ฟอร์ด ถึงสนาม จีเท็ค คอมมิวนิตี้ สเตเดี้ยม แบบขาดลอย 4-1

ผลจากชัยชนะครั้งนี้ทำให้ ลิเวอร์พูล เพิ่มความหวังในการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ก้าวหน้าไปอีกขั้น และนับเป็นการบุกมาชนะ เบรนท์ฟอร์ด ถึงถิ่นเป็นครั้งแรกในยุค คล็อปป์ แต่มีประเด็นที่น่าวิตกกังวลอย่างมากคือ อาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลัก

Diogo Jota, Christian Norgaard
Brentford FC v Liverpool FC - Premier League / Ryan Pierse/GettyImages

เริ่มจาก เคอร์ติส โจนส์ ที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีกับบทบาทกองกลางฝั่งซ้ายได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า ขณะที่ ดิโอโก โชต้า ที่เป็นกำลังสำคัญในเกมรุกตลอดหลายนัดที่ผ่านมา นั้น โชคร้ายจากจังหวะโดนผู้เล่น เบรนท์ฟอร์ด ล้มทับ ซึ่งทำให้ได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าจนถึงขั้นต้องใช้เปลหามออกจากสนาม

ในซีซันนี้ ลิเวอร์พูล มักจะโชคร้ายจากปัญหาผู้เล่นได้รับบาดเจ็บ แต่ในทางตรงกันข้าม พวกเขาก็ยังคนที่เข้ามาทดแทนได้เป็นอย่างดี โดยเกมนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซุเปอร์สตาร์ชาวอิยิปต์ ที่ไม่ได้ลงเล่นตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากลับมาลงสนามแทน โชต้า ที่ได้รับบาดเจ็บทันเวลา

 ดาวเตะวัย 31 ปี ยังคงแสดงให้เห็นความสำคัญถึงการกลับมาของตัวเองที่มีต่อแนวรุก ลิเวอร์พูล โดยทำผลงานซัดไป 1 ประตู และทำไป 1 แอสซิสต์ พร้อมกับปั่นป่วนแนวรับ เบรนท์ฟอร์ด ได้ตลอดทั้งเกม และหลังจากนี้ ซาลาห์ คงจะประจำการทางริมเส้นฝั่งขวาเป็นตัวหลักเสียบแทนตำแหน่ง โชต้า  

 ขณะเดียวกัน คล็อปป์ จะเข้าสู่ช่วงท้ายของฤดูกาลที่เข้มข้นโดยมี ซาลาห์, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ และ โคดี กัคโป ยืนเป็น 4 ตัวหลักในแนวรุกคอยหมุนเวียนกัน ขณะที่ โชต้า ยังไม่ชัดเจนว่า ต้องใช้เวลานานในการพักฟื้นนานเท่าใด

Brentford FC v Liverpool FC - Premier League
Brentford FC v Liverpool FC - Premier League / Gaspafotos/MB Media/GettyImages

อย่างไรก็ตาม ในมุมที่ดีคือ วาตารุ เอ็นโด และ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ เริ่มประสานงานกันได้อย่างเข้าขาลงตัวมากขึ้นในแดนกลาง โดยในช่วงต้นเกมกับ เบิร์นลีย์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งคู่เล่นร่วมกัน และ ยังดูไม่สมดุลนัก จนกระทั่งครึ่งหลัง คล็อปป์ ปรับเปลี่ยนตำแหน่งการยืนจึงทำให้เกมออกมาไหลลื่นมากกว่าเดิม

เกมนี้ คล็อปป์ ยังมอบหมายให้ เอ็นโด และ แม็ค อัลลิสเตอร์ เล่นร่วมกัน โดยดาวเตะทีมชาติญี่ปุ่น ยืนปักหลักหน้าแผงแนวรับ ส่วนมิดฟิลด์อาร์เจนไตน์ ขยับขึ้นไปสร้างสรรค์เกมรุก และผลที่ได้คือ ลิเวอร์พูล มีความแข็งแกร่งอย่างมาก

เอ็นโด ควบคุมเกม และตัดเกมรุกของ เบรนท์ฟอร์ด ได้หลายจังหวั ขณะที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ ใช้พลังงานในการสร้างสรรค์เกม และซัดไป 1 ประตู ซึ่งดูเหมือนว่า การประสานงานของทั้งคู่จะดีขึ้นมากกว่านี้อีกหากได้ลงเล่นร่วมกันบ่อยๆ  

ผู้เล่นอีก 1 รายที่ควรได้รับคำชื่นชม คือ ไรอัน กราเฟนแบร์ช กองกลางดาวรุ่งชาวดัตช์ ที่ถูกส่งลงสนามมาแทน โจนส์ และก็แสดงให้เห็นถึงฟอร์มที่ดีที่สุดของตัวเอง โดยเอาชนะการดวลภาคพื้นดิน 5 ครั้งจากทั้งหมด 8 ครั้ง เคลียร์บอล 3 ครั้ง แย่งบอลคืนได้ 3 ครั้ง และผ่านบอลแม่นยำ 82 เปอร์เซ็นต์

แน่นอนว่า หาก กราเฟนแบร์ช ยังคงโชว์ฟอร์มได้แบบนี้ต่อไปในระหว่างที่ โจนส์ ไม่อยู่ ลิเวอร์พูล ก็มั่นใจได้ว่า จะมีนักเตะฝีเท้าระดับเดียวกันเข้ามาทดแทนได้อย่างไม่มีปัญหา และจะสามารถยืนระยะลุ้นแชมป์ไปได้จนจบฤดูกาล