นับถอยหลังอำลา เยอร์เก้น คล็อปป์ กับผลงานส่งท้ายนายใหญ่ของพลพรรค ลิเวอร์พูล - FEATURE

  • ลิเวอร์พูล ลงเล่นเกมแรกหลัง  เยอร์เก้น คล็อปป์ ประกาศอำลาทีม
  • ทำผลงานยอดเยี่ยมถล่ม นอริช ซิตี้
  • 2 เกมต่อไปมีความสำคัญอย่างมาก
Liverpool v Norwich City - Emirates FA Cup Fourth Round
Liverpool v Norwich City - Emirates FA Cup Fourth Round / Chris Brunskill/Fantasista/GettyImages
facebooktwitterreddit

ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่ แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ที่เริ่มนับถอยหลังอำลา แอนฟิลด์ นั้น ยังคงทำผลงานได้ตามเป้าหมายเช่นเคยหลังเปิดบ้านไล่ถล่ม นอริช ซิตี้ ในศึก เอฟเอ คัพ รอบ 4 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปแบบสบายๆ 5-2

ก่อนเกมนี้จะเริ่มขึ้นไม่น่าแปลกใจเลยที่ คล็อปป์ จะกลายเป็นจุดสนใจสำคัญก่อนเกมหลังจากที่ตัดสินใจประกาศลาตำแหน่งนายใหญ่ “หงส์แดง” หลังซันนี้จบลง และมันเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจ เนื่องจาก เจ้าตัวได้คุมทีมเผชิญหน้ากับ เดวิด วากเนอร์ กุนซือ นอริช ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกันมาอย่างยาวนาน

Liverpool v Norwich City - Emirates FA Cup Fourth Round
Liverpool v Norwich City - Emirates FA Cup Fourth Round / Chris Brunskill/Fantasista/GettyImages

ในเกมนี้ สิ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ เจมส์ แม็คคอนเนลล์ และ คอนอร์ แบรดลีย์ 2 นักเตะจากอคาเดมีของ ลิเวอร์พุล ที่โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม และดูเหมือนว่า พวกเขาทั้งคู่จะกลายเป็นมรดกล้ำค่าที่ คล็อปป์ ทิ้งไว้ให้ก่อนจะอำลาสโมสร

แม็กคอนเนลล์ เพิ่งได้โอกาสลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ ลิเวอร์พูล เป็นเกมที่ 4 และถือเป็นเกมแรกที่เจ้าตัวได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และอยู่ในสนามนานที่สุด โดยก่อนหน้านี้ มิดฟิลด์ วัย 19 ปี มักจะถูดกส่งลงสนามมาเป็นตัวสำรอง

สำหรับ แม็กคอนเนลล์ มันเป็นการเริ่มต้นที่สุดยอดหลังจากเป็นคนแอสซิสต์แบบเหนือชั้นจากแนวลึกให้ เคอร์ติส โจนส์ โหม่งประตูขึ้นนำในนาทีที่ 16 และตลอดทั้ง 80 นาที เจ้าตัวก็ช่วยตัดเกม และควบคุมเกม รวมถึงจ่ายบอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ แบรดลีย์ แสดงให้เห็นแล้วว่า พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมแล้ว หลังจากแสดงให้เห็นถึงคุณภาพในการาเล่นเกมรับ เกมรุก และประสานงานกับเพื่อนร่วมทีม โดยเกมนี้ แบ็คขวา วัย 20 ปี ทำไป 2 แอสซิสต์ และยังได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ อีกด้วย

Jurgen Klopp
Liverpool v Norwich City - Emirates FA Cup Fourth Round / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

นอกจากนี้ ลิเวอร์พูล ยังมีข่าวดีหลังจากบรรดาผู้เล่นตัวหลักอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แบ็คซ้ายทีมชาติสก็อตแลนด์, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็คขวารองกัปตันทีม และ โดมินิค โซบอสซ์ไล มิดฟิลด์ทีมชาติฮังการี กลับมาลงสนามได้แล้ว

ส่วนแนวรุกคนอื่นๆก็ยังคงไว้ใจได้แม้ไม่มี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกชาวอิยิปต์ ในสนาม เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บเอ็นร้อยหวาย ดังนั้น โดยผู้เล่นอย่าง โคดี กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ และ ดิโอโก้ โชต้า ก็พยายามเค้นฟอร์มการเล่นของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่

ในเกมนี้ นูนเญซ แสดงให้เห็นแล้วว่า พร้อมจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวเลือกแรกในแดนหน้าหลังซัดประตูได้แบบเฉียบขาด และดูจะเข้าใจหน้าที่ของตัวเองมากขึ้น ขณะที่ โชต้า ก็ยังไว้ใจได้เสมอในการจบสกอร์หลังซัดไป 1 ลูก ส่วน กัคโป มีส่วนร่วมกับเกมมากพอสมควร

ในเกม เอฟเอ คัพ รอบต่อไป ลิเวอร์พูล จะเปิดบ้านรอพบผู้ชนะระหว่าง วัตฟอร์ด หรือ เซาแธมป์ตัน แต่ตอนนี้ความสำคัญมุ่งเป้าไปที่เกมลีก 2 นัดต่อไปที่จะเปิดบ้านพบกับ เชลซี ที่กำลังอยู่ในฟอร์มที่ร้อนแรง ต่อด้วยการบุกไปเยือน อาร์เซนอล ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็น 2 เกมชี้ชะตาของ “หงส์แดง” เลยก็ว่าได้