นับถอยหลัง พรีเมียร์ลีก 2023/24 : ลิเวอร์พูล แมนซิตี้ อาร์เซนอล กับ 10 นัดชี้ชะตาช่วงโค้งสุดท้าย - FEATURE
• แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถ้าคว้าแชมป์ได้จะกลายเป็นสโมสรแรกที่ได้แชมป์ลีก 4 สมัยติดต่อกัน
• หากเป็น อาร์เซนอล พวกเขาจะกลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2004
“94” หากมองเป็นตัวเลขในวงการนักดื่มกาแฟ มันคือตัวเลขอุณหภูมิของน้ำที่ดีที่สุดในการเค้นความหอมอร่อยของเครื่องดื่มยอดนิยมสำหรับคนทั่วโลก แต่สำหรับ พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2023-2024 กลายเป็นตัวเลขคะแนนสูงสุดที่จะเป็นไปได้ในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้ สำหรับทีมที่จะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ หลังเกมใหญ่ที่แอนฟิลด์จบลง
ลิเวอร์พูล 1 – 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ การแบ่งคะแนนที่ทำให้สถานการณ์จะเข้าสู่พิสูจน์กันแบบเกมต่อเกมทันที และทำให้เกมที่ เอติฮัต สเตเดี้ยม ของอาร์เซนอล จะเป็นเกมสำคัญของฤดูกาลอย่างแท้จริง สำหรับทั้งสามทีมที่ลุ้นแชมป์ เพราะหากมีผลแพ้ชนะ ผู้พ่ายแพ้อาจหลุดวงโคจรออกจากเส้นทางได้เลย
10 เกมสุดท้าย หากประเมินในเคสที่โหดที่สุด เราอาจเห็นทั้งสามทีมไม่แพ้ใครเลยตลอดช่วงเวลาที่เหลือ แต่การไม่แพ้ก็อาจจะรวมถึงการไม่ชนะในบางเกมเช่นเดียวกัน
เส้นทางยังอีกยาวไกลไม่น้อย และยังมีจุดพลิกผันได้หมด ยิ่งเกมน้อยลง ทีมไหนมีเกมบอลถ้วยเข้ามาเบี่ยงเบนความสนใจ และเพิ่มภาระในการหมุนเวียนทีม โอกาสสะดุดก็ย่อมมีมากกว่า แต่ในทางกลับกัน ถ้าผ่านไปได้ โอกาสประสบความสำเร็จก็มากตาม “High Risk High Return”
ตัวเต็ง !
ลิเวอร์พูล ยังเป็นเต็งหนึ่งในความเห็นของผู้เขียนด้วยเหตุผลในเรื่องของเกมการแข่งขันที่จบภารกิจกับทั้ง อาร์เซนอล และ แมนเชเสเตอร์ ซิตี้ เรียบร้อยแล้ว และถ้าเกมระหว่าง อาร์เซนอล - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีผู้ชนะ พวกเขาจะถือความได้เปรียบแบบที่ขอแค่ชนะทุกเกมพวกเขาเข้าป้ายทันที
ว่ากันตามโปรแกรมแข่งขันในลีก พวกเขางานเบาที่สุด ขณะที่ในบอลถ้วยแม้จะเหลือทั้งเอฟเอ คัพ และฟุตบอลยุโรป แต่ความเข้มข้นของ ยูโรป้า ลีก ที่น้อยกว่าแชมเปี้ยนส์ ลีก ก็น่าจะช่วยพวกเขาได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว หากถึงจุดต้องเลือกพวกเขาก็ยังมีทางให้ตัดสินใจอีกสักครั้งว่าจะเสี่ยงหลุด หรือต้องการทั้งหมดในทุกรายการที่เหลือ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สถานการณ์จะกลับมาประเมินกันอีกครั้งหลังเกมวันที่ 31 มีนาคม 2024 ถ้าพวกเขาได้สามคะแนนเต็มในการพบกับอาร์เซนอล พวกเขาจะกลับมาพร้อมความเชื่อมั่นอีกครั้ง มาถึงตรงนี้สัปดาห์ที่ 28 ของการแข่งขันจบลง “แชมป์เก่า” ไม่ได้ครองบัลลังก์จ่าฝูงมานานถึง 16 สัปดาห์ติดต่อกัน แต่นั่นไม่ใช่สาระใด ๆ ขอแค่จบสัปดาห์ที่ 38 พวกเขา “ยืนหนึ่ง” ก็เพียงพอ ในแง่ของประสบการณ์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์แล้ว พวกเขาแกร่งทั่วแผ่นทั้งคุณภาพทีม คุณภาพโค้ช ความสม่ำเสมอในผลงานที่ดี คืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของเรือใบยุคกวาร์ดิโอล่า
อาร์เซนอล ส่วนตัวมองว่าเป็นอันดับสามด้วยเรื่องของประสบการณ์ สถานการณ์ในเกมการแข่งขันที่เหลือค่อนข้างมีเกมโอกาสจะไม่แพ้และไม่ชนะหลายเกม โดยเฉพาะเกมกับเชลซี ที่ยังไม่รู้ว่าจะลงตารางแข่งขันวันไหน และจะทำให้พวกเขาวุ่นวายแน่หากเอาไปลงในช่วงปลายฤดูกาล
มองกันที่ ณ วันนี้ พวกเขาก็เหมือนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องรอดูผลของการเจอกันในช่วงปลายเดือนนี้ ว่าจะจบด้วยกี่คะแนน การไปเยือน เอติฮัต หลอนพวกเขามาตลอดหลายปี แม้กระทั่งในปีที่แล้ว ความพ่ายแพ้ 4-1 ดับความหวังของพวกเขาสนิทในการลุ้นแชมป์ การเจอกันครั้งนี้จะพิสูจน์ใจของลูกทีมอาร์เตต้าว่าจะก้าวข้ามได้หรือไม่ ถ้ากลับมาด้วยผลคะแนนที่มากกว่า 0 พวกเขาคึกคัก กำลังใจมาเต็มแน่นอน สำคัญที่สุดตัวหลักห้ามเจ็บ ห้ามลาป่วย โดยเฉพาะแนวรับที่จำนวนจำกัดมากในเวลานี้
สิ่งเดียวที่อาร์เซนอล ทำได้ดีมากคือการถล่มประตูคู่แข่งแบบที่ตอนนี้ลูกได้เสียดีที่สุดในสามทีม และมีระยะห่างประตูที่ค่อนข้างห่าง ส่วนนี้เปรียบเหมือน “ครึ่งคะแนน” พิเศษ ที่จะมีผลแน่หากแต้มเท่ากัน แต่มันจะได้ใช้หรือไม่ ขึ้นกับว่าคะแนนจบลงที่เท่าไรด้วย และมันอาจเป็นตัวตัดสินชะตากรรมก็เป็นได้
เหลือ 10 เกม พรีเมียร์ ลีก ณ เวลานี้ ลุ้นเข้าไปทุกขณะ ฤดูกาล 2023-2024 ใกล้ถึงบทสรุปของความตื่นเต้นกันแล้ว