บทสัมภาษณ์ มาร์ค คูคูเรญ่า จากชายผู้ถูกตีตราว่าล้มเหลวกับ เชลซี สู่การแจ้งเกิดครั้งใหม่ใน ยูโร 2024 - FEATURE

มาร์ค คูคูเรญ่า ถือเป็นนักเตะที่ผ่านช่วงมรสุมชีวิตอย่างหนักมาในช่วง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เพราะตั้งแต่เขาย้ายร่วมทัพ เชลซี ด้วยค่าตัวกว่า 60 ล้านปอนด์ ดาวเตะเลือด กระทิงดุ ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มออกมาได้ตามความคาดหวังของแฟนบอล จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนคิดว่าเขาจะไม่ได้ไปเล่นในทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2024 เป็นแน่แท้

แต่ด้วยสถานการณ์อันโชคร้ายที่ โฆเซ กายา และ อเลฮานโดร บัลเด้ สองแบ็คซ้ายทีมชาติ สเปน บาดเจ็บ ทำให้ มาร์ค คูคูเรญ่า ได้รับสิทธิ์นั่งเครื่องบินไปเล่น ยูโร 2024 ที่ เยอรมัน ด้วย โดยที่ความคาดหวังคือน่าจะได้เป็นตัวสำรองของ อเล็กซ์ กริมัลโด้ แบ็คซ้ายดีกรีแชมป์ บุนเดสลีกา ซีซันล่าสุด

แต่เรื่องราวกลับตาลปัตรอีกครั้งเมื่อ หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ เลือก คูคูเรญ่า ลงเล่นเป็นตัวจริงตั้งแต่นัดแรก ซึ่งดาวเตะรายนี้ก็ตอบแทนด้วยการโชว์ฟอร์มเด่นทั้งรุกและรับจนทีม กระทิงดุ ผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ และในวันนี้ 90MIN จะนำบทสัมภาษณ์ล่าสุดของชายผู้กลับมาเกิดใหม่ใน ยูโร 2024 อย่าง มาร์ค คูคูเรญ่า มาให้ทุกท่านได้ทำความรู้จักเขามากขึ้น รวมถึงการเตรียมตัวก่อนนัดชิงฯของเขาเป็นอย่างไร

ดิ แอธเลติก : "พูดถึง ยูโร คุณโชว์ฟอร์มออกมาได้ดีมากในหลายเกม มีแมตช์ไหนที่คุณภูมิใจเป็นพิเศษไหม ? "

คูคูเรญ่า : "ผมคิดว่าเกมกับ อิตาลี นะ รู้สึกเหมือนเป็นเกมที่สำคัญที่สุดในอาชีพของผมเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ แล้วพวกเราก็เล่นกันได้ดีมาก ถึงแม้เราจะชนะแค่ 1-0 แต่ผมกลับรู้สึกว่าเราอัดพวกเขายับเลย มันเป็นเกมที่เข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบมาก ซึ่งเราก็ผ่านเข้ารอบในวันนั้นด้วย เลยเป็นความรู้สึกหลายอย่างรวมกัน"

ดิ แอธเลติก : "คุณโดนโห่หนักในเกมรอบรองชนะเลิศกับ ฝรั่งเศส สาเหตุคือจังหวะที่คุณไม่โดนลงโทษจากแฮนด์บอลในเกมเจอ เยอรมัน คุณจัดการกับเรื่องพวกนั้นยังไง ? "

คูคูเรญ่า : "ตอนแรกผมประหลาดใจนะ ผมก็เพิ่งมารู้ตัวตอนที่ในสนามประกาศชื่อผมก่อนเกมเริ่มขึ้น และหลายคนก็เริ่มโห่ใส่ผม ผมใช้เวลาคิดสักพักก่อนจะนึกออกว่าเป็นเพราะเรื่องแฮนด์บอลแน่เลย ผมไม่สนใจมากหรอก แต่ก็แอบเศร้าที่คนเหล่านั้นเข้ามาชมเกมเพียงเพื่อจะโห่นักเตะเพียงคนเดียว พวกเขาใช้ตั๋วเข้าสนามแบบสิ้นเปลืองมาก แทนที่จะเอาไปให้แฟนบอลที่อยากเข้ามาชมเกมจริง ๆ"

"แต่ผมก็ชินไปเรื่อย ๆ นะ ผมเริ่มชินกับมันตอนที่กลับไป ไบร์ทตัน ตอนเล่นให้กับ เชลซี มันเป็นคืนที่เสียงโห่ดังมาก ๆ ทุกครั้งที่ผมได้บอล ดังนั้นผมเลยชินไปแล้ว ครั้งแรกที่ผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ ผมก็พูดได้ไม่เต็มปากว่ามันรับมือยาก แค่มันไม่น่าประทับใจเท่านั้นเอง แต่ตอนนี้ก็ชินขึ้นนะ"

ดิ แอธเลติก : "คุยเรื่องนัดชิงฯกันดีกว่า เราคาดว่าคุณจะได้ดวลกับผู้เล่นที่คุณรู้จักเป็นอย่างดีใน พรีเมียร์ลีก อย่าง บูกาโย่ ซาก้า คุณคิดจะหยุดเขายังไง ?"

คูคูเรญ่า : "ผมรู้ว่าเขาเล่นยังไง และผมไม่จำเป็นต้องดูคลิปการเล่นย้อนหลังของเขาเยอะเพราะปกติผมดู อาร์เซน่อล ตลอดอยู่แล้ว มันยากมากในการจะประกบเขา แต่ก็เป็นความท้าทายที่ดีสำหรับผม การได้เล่นกับคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อมันดีเสมอ และผมเชื่อว่าเราทั้งคู่ตั้งหน้าตั้งตาเจอกันแทบไม่ไหวแล้ว"

"เป้าหมายหลักของผมคือการทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ ผมเชื่อว่าเกมในวันนั้นจะถูกกำหนดด้วยการเล่นของ สเปน มากกว่าของ อังกฤษ และถ้าเราครองบอลได้เยอะ คอยระวังการกดดันสูง รวมถึงการโต้กลับของพวกเขา เรามีโอกาสเยอะมากที่จะชนะ"

ดิ แอธเลติก : "มีผู้เล่น อังกฤษ สักคนไหมที่คุณรู้สึกว่ารับมือยาก ?"

คูคูเรญ่า : "ถึงเขาจะไม่ได้ลงเล่นเยอะใน ยูโร 2024 แต่สำหรับผมคือ โคล พาลเมอร์ หัวเรื่องฟุตบอลของเขาไวสุด ๆ เขานำคนอื่นไปก่อนเสมอ การตัดสินใจของเขาก็แทบจะยอดเยี่ยมทุกครั้ง และความสามารถแบบนั้นคือสิ่งที่เรารับมือด้วยยากที่สุด คุณคาดเดาไม่ได้เลยว่าเขาจะทำอะไรต่อไป ผมเจ็บมาเยอะแล้วในสนามซ้อม"

"เขาทำให้ผมนึกถึง ลามีน ยามาล นะ เป็นผู้เล่นแบบเดียวกันเลย เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยสนอะไรมากในชีวิตและไม่ได้แคร์อะไรมากมาย ซึ่งถ้าคุณเจอ พาลเมอร์ เดินอยู่บนถนน คุณแทบไม่รู้สึกเลยว่าเขาเป็นนักฟุตบอล แต่เมื่อเขาได้ลงเล่นละก็.."

"เขาเข้ามาในช่วงที่ เชลซี กำลังลำบาก และสร้างผลกระทบได้ตั้งแต่ตอนแรกเลย นั่นช่วยให้เขาเติบโตขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้น และถ้าคุณมีผู้เล่นแบบนี้อยู่ในช่วงที่กำลังมีความมั่นใจ เขาสามารถสร้างความแตกต่างได้เลย ผมมีความสุขมากและก็หวังให้เขาโชว์ฟอร์มแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ...แต่หลังจากสุดสัปดาห์นี้แล้วกันนะ !"

"เขาเป็นคนที่พิเศษนะ คือมีความซีเรียสมาก ซึ่งถ้าผู้คนเจอเขาตอนแรกก็จะชอบเขายากหน่อย มันก็พูดยาก แต่ถ้าผู้คนเจอเพื่อนร่วมทีมแบบผม พวกเขาจะรู้ได้ทันทีว่าผมเป็นคนตลก และเราก็จะเข้ากันได้ไม่ยาก แต่ พาลเมอร์ จริงจังอยู่ตลอดเวลา"

"ถึงอย่างนั้น เราก็ยังเข้ากันได้ดีตั้งแต่การซ้อมวันแรกนะ เราอยู่ทีมเดียวกันในการฝึกซ้อมบอล 5 คน และเราก็เข้าขากัน เมื่อไรก็ตามที่เราอยู่ทีมเดียวกัน เราไม่เคยแพ้เลยนะ เราก็ขำกันเรื่องที่ชนะอยู่ตลอด และนั่นคือจุดที่เราเข้ากันได้"

ดิ แอธเลติก : "คุณพูดว่าช่วงเวลายากลำบากกับ เชลซี ได้ผ่านไปแล้ว คุณมีวิธีก้าวผ่านความวุ่นวายต่าง ๆ ไปได้ยังไง และมันส่งผลโดยรวมต่ออาชีพของคุณยังไง ?"

คูคูเรญ่า : "อาชีพนักฟุตบอลของผมดีมาตลอดนะ จนกระทั่งซัมเมอร์ปี 2022 ผมมีการพัฒนาอย่างคงที่ ก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา หลังจากนั้นผมก็ย้ายไปร่วมสโมสรที่มีความคาดหวังแบบสูงลิ่ว ซึ่งก่อนหน้านั้นผมเล่นให้สโมสรที่ทุกชัยชนะมีความพิเศษเสมอ และทุกแต้มก็ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง แต่กับ เชลซี คุณเอาชนะเกมเพราะคุณจำเป็นต้องทำให้ได้ มันไม่มีเวลาจะมาชิลหรือมีความสุข"

"ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผมพอจะเดาได้แหละ แต่เราดันมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารหลายอย่าง สิ่งมากมายเกิดขึ้นในสโมสร ทุกอย่างรวมกันแล้วมันก็ยุ่งเหยิงไปหมด"

"ผมก็เจอความยากลำบากเหมือนกัน สองเดือนแรกผมกับครอบครัวอาศัยอยู่ในโรงแรม หลังจากนั้นเราก็ย้ายเข้าบ้านแต่ก็โดนโจรขึ้นบ้านอีก หลังจากนั้น ผมก็เข้าโรงพยาบาลอยู่สองวันเพราะติดไวรัส ซึ่งมันทำให้ผมผอมลงมาก และต้องเริ่มต้นฟิตร่างกายใหม่อีกรอบ มันไม่ง่ายนะที่จะกลับมาฟิต และทีมก็เจอความยากลำบากในสนามอยู่ด้วย"

"สุดท้ายแฟนบอลก็ตัดสินผมและเพื่อนร่วมทีมจากราคาที่ เชลซี จ่ายเพื่อซื้อพวกเรามา ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับผมเลย ! ถ้าผมมีเอี่ยวกับเงินจำนวนนั้นก็ค่อยสมเหตุสมผลหน่อย แต่ผู้คนคาดหวังว่าด้วยราคาระดับนั้น คุณจะต้องเล่นเหมือนเครื่องจักร บางครั้งมันก็เข้าใจยากนะว่าพวกเราก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกัน เรามีปัญหาส่วนตัวนอกสนามเหมือนกัน คนเราก็มีทั้งช่วงที่ดีและแย่ทั้งนั้น"

"มันก็ยากที่จะเปลี่ยนความคิดคนนะ ผมพยายามและเจ็บปวดอย่างมากเพื่อครอบครัวของผม มันเลวร้ายมากนะ ตอนนั้นเอาจริง ๆ ผมก็กลัวเล็กน้อยเวลาโดนวิจารณ์ ผมกลัวว่าถ้าผมไปเดินในเมืองกับครอบครัวของผมแล้วจะโดนคนเดินมาด่า มันไม่เคยเกิดขึ้นหรอก แต่ผมก็ระแวงอยู่ตลอด ซึ่งท้ายที่สุดผมก็เข้าใจนะว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอล คุณแค่ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานหนักต่อไป"

"ผมปรึกษานักจิตวิทยาอยู่สักพักเลยนะ มันทำให้ผมเข้าใจอาชีพของผมมากขึ้น ความมั่นใจคือกุญแจสำคัญ คุณจะหามันไม่เจอในเวลาที่ยากลำบาก แต่มันจะไหลพรั่งพรูในเวลาที่คุณทำได้ดี ซึ่งผมพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะให้มันคงอยู่ตลอดเวลา ซีซันนี้ผมก็เริ่มต้นได้ไม่ดี ไม่ได้ลงเล่นเยอะเท่าไร แต่ผมรู้สึกว่าผมพัฒนาขึ้นได้เรื่อย ๆ และหลังจากการฝึกซ้อมอย่างหนัก ผมก็ได้รับโอกาสลงเล่น"

ดิ แอธเลติก : คุณจบซีซันได้สวยงามด้วยการชนะ 6 เกมรวด ถึงอย่างนั้น เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ก็ยังโดนปลด"

คูคูเรญ่า : เราผ่านช่วงเวลาร้าย ๆ มากมาย แต่เรากลับจบซีซันได้ดีสุดยอด เขา (โปเช็ตติโน่) ไม่ได้เจองานที่ง่ายนะ เขามาถึงสโมสรที่มีผู้เล่นใหม่เต็มไปหมด ส่วนใหญ่ยังเด็กด้วย ผมคิดว่าเราเซ็นเข้ามา 14 คนและขายไปอีก 14 คน แต่ในฐานะมนุษย์และทีมฟุตบอล ทุกอย่างไม่ลงตัวตั้งแต่วันแรก ๆ หรอก มันต้องอาศัยความพยายามอย่างหนัก"

"ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด เราชนะติดต่อกันถึงหกเกม แถมมีอีกสามเกมที่เราควรจะชนะมากกว่านี้ แต่เขาก็ถูกปลด เราช็อคมากนะ และมั่นส่งผลกระทบถึงทุกคน หลัก ๆ เลยคือเรากำลังไปได้ดี แต่ท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเราที่เป็นผู้เล่น มันคือการตัดสินใจจากเจ้าของสโมสร"

"ส่วนตัว ผมรู้สึกขอบคุณ โปเช็ตติโน่ นะ ตอนปรีซีซันผมจำได้ว่ามันมีความสับสน แต่เราก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจกันทีละนิด เรามีการพูดคุยกัน ซึ่งผมก็เริ่มเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องทำ และท้ายที่สุดเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน"

ดิ แอธเลติก : คุณตื่นเต้นไหมที่จะได้ร่วมงานกับ เอนโซ่ มาเรสก้า ? เขาติดต่อคุณมาหรือยัง ?"

คูคูเรญ่า : "ติดต่อแล้ว เขาส่งข้อความมาหาผมเมื่อไม่กี่วันก่อน ผมรู้สึกดีแล้วก็ตื่นเต้นนะ ผมรอคอยเลยล่ะ คนที่ เชลซี หลายคนก็ทักมาหาผมช่วง ยูโร ซึ่งผมก็รู้สึกว่าเพื่อนร่วมทีมของผมมีความสุขเช่นเดียวกัน"

"เรามีกลุ่มผู้เล่นแบบเดียวกับในซีซันที่แล้ว และฟุตบอลก็ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีของทุกคน, ผู้เล่น, ผู้จัดการทีม..ซึ่งถ้าคุณมีเพื่อนร่วมทีมที่เข้าขากันดีและรู้จักกันอยู่แล้ว มันจะส่งผลดีในสนามด้วยเช่นกัน"

ดิ แอธเลติก : "พูดถึงเพื่อนร่วมทีมที่เข้ากับคุณได้ดี คุณกับ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ก็ดูไปกันได้ดีนะ คุณคิดว่ายังไงบ้าง ?"

คูคูเรญ่า : "มันคล้าย ๆ กับที่ผมบอกคุณเรื่อง โคล พาลเมอร์ นะ เราสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ นิโก้ วิลเลี่ยมส์ โดยแทบจะไม่ต้องพยายามทำอะไรมากเลย ผู้เล่นประเภทนี้แค่ต้องการความรู้สึกสบายใจและความสำคัญ สิ่งที่ผมบอก นิโก้ อยู่เสมอคือเขาต้องทำหน้าที่ของเขา สร้างสรรค์เกมตามที่เขาอยากทำ ส่วนผมจะคอยระวังหลังให้เขาหรือสนับสนุนในสิ่งที่เขาต้องการ"

"ผมบอกเขาทุกวันว่าควรมา เชลซี นะ เขาจะช่วยพวกเราได้มากเลย ! ทุกคนจะต้อนรับเขาเป็นอย่างดีเลยล่ะ เขาก็รู้ (หัวเราะ) แต่เขายังเด็กมาก และต้องตัดสินใจด้วยตัวเขาเองร่วมกับครอบครัว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เวลาที่จะใส่อะไรไปให้เขาคิดเยอะ ๆ ในตอนนี้"

ดิ แอธเลติก : "คุณนี่ทำตัวเหมือนกัปตันทีมเลยนะ คุณรู้ไหมว่าจะเป็นผู้เล่นตัวเก๋าของทีมในซีซันหน้าแล้ว ?"

คูคูเรญ่า : "ผมชอบตำแหน่งกัปตันทีมนะ แต่มันนับรวมถึงภาระหลายอย่างในกลุ่มผู้เล่นที่ผมไม่คิดว่าผมจะต้องทำ (หัวเราะ) ผมมีความสุขกับที่ผมเป็นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสวมปลอกแขนกัปตันทีมเพื่อให้รู้สึกสำคัญหรือมีค่ามากขึ้น ผมมีความสุข และอะไรเข้ามาก็ไม่หวั่นแล้ว"

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม เชลซี ได้ที่นี่