จริงหรือไม่ ? นิวคาสเซิ่ล ต้องขาย บรูโน่ - FEATURE
• พวกเขาถูกระบุว่ามีปัญหาการเงินติดลบเกินกว่าที่พรีเมียร์ ลีก กำหนด และอาจจะต้องขายนักเตะหลักบางคนออกจากทีม
• บรูโน่ กิมาไรส์ คือนักเตะหลักสำคัญในแผนงานของนิวคาสเซิ่ล ในปัจจุบัน
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กับ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023-2024 เหลืออีก 3 เกมกำลังจะจบฤดูกาล ซึ่งพวกเขายังคงอยู่ในเส้นทางของการขับเคี่ยวเพื่อไล่ล่าทุกคะแนนสำหรับการลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้า
35 เกม ชนะ 16 เสมอ 5 แพ้ 13 มี 56 คะแนน ลุ้นได้เต็มตัวกับอันดับ 6 เบียดแย่งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (54 คะแนน) ในพื้นที่ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ในจำนวนเกมเตะที่เท่ากัน แต่สำหรับอันดับ 5 อย่างสเปอร์ส (60 คะแนน) นำพวกเขา 4 คะแนน และลงเล่นน้อยกว่าหนึ่งเกม เป็นไปได้ยากสักหน่อย
ดังนั้นหากมองกันที่ความเป็นไปได้พวกเขามีโอกาส 50:50 ในการจะไปยุโรป หรือไม่ต้องไปไหนนอกประเทศในฤดูกาลหน้า
3 เกมที่เหลือพวกเขาเหลือ ไบร์ทตัน (เหย้า) / แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน) และปิดท้ายด้วยการเยือนเบรนท์ฟอร์ด แน่นอนเกมปะทะ “ปีศาจแดง” ตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขาได้เลยโดยตรง นี่คือความสนุกสำหรับทีมอันดับลุ้นพื้นที่ยุโรป
อย่างไรก็ตามวันนี้เราไม่ได้มาเขียนถึงเรื่องของอันดับของพวกเขา แต่เรามาเขียนถึงเรื่องเกี่ยวกับเรื่องการเงินของพวกเขาที่มีข่าวออกมาว่าพวกเขานั้นอาจต้องขายผู้เล่นตัวหลักออกจากทีม หลังจากที่พวกเขานั้นมีปัญหากฎการเงินของพรีเมียร์ ลีก ที่ภายในสามปีห้ามขาดทุนเกิน 105 ล้านปอนด์ แต่พวกเขาตอนนี้ตัวเลขทะลุไปถึง 155 ล้านปอนด์เข้าไปแล้ว
ชื่อของ บรูโน่ กิมาไรส์ กองกลางบราซิเลี่ยนเป็นหนึ่งในชื่อสำคัญที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดว่าจะเป็นนักเตะที่พวกเขาอาจตัดใจขาย เช่นเดียวกับ อเล็กซานเดอร์ อิซัค แนวรุกทีมชาติสวีเดน เพื่อจะมาเพิ่มรายรับให้สมดุลมากขึ้นอย่างไรก็ตามวันนี้เราจะมาเน้นกันในส่วนของ บรูโน่ กันเป็นหลักว่าสถานะของเขาตอนนี้เป็นอย่างไร
ระยะสัญญาและเงื่อนไขในสัญญาของ “บรูโน่”
กองกลางวัย 26 ปี เซ็นสัญญามาร่วมงานกับนิวคาสเซิ่ลด้วยค่าตัว 42 ล้านยูโร ในเดือนมกราคม 2022 เป็นนักเตะ “กลุ่มแรกในตลาดแรก” หลังการเทคโอเวอร์สโมสรของกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย และกลายเป็นขวัญใจและหัวใจหลักของสโมสรตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้ ผ่านเกมมากกว่า 100 เกมให้กับสโมสรเรียบร้อย และทำให้เขาได้รับการปรับปรุงสัญญาใหม่กันในเดือนตุลาคม 2023 โดยมีการระบุว่าเจ้าตัวมีค่าฉีกสัญญา 100 ล้านปอนด์ อยู่ในการเซ็นสัญญาฉบับนี้ และ เอ็ดดี้ ฮาว ก็มีการยืนยันผ่านสื่อในเดือนเมษายน 2024 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เงื่อนไขการปล่อยตัวเขาได้รับการวางแผน และจัดโครงสร้างมาอย่างดีโดยสโมสรเราไม่ต้องการให้ตลาดหน้าร้อนของเราเป็นตลาดแห่งข่าวลือ ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเลยสำหรับผู้เล่น เราชัดเจนว่าเราต้องการเก็บบรูโน่ไว้กับทีมต่อไป เราต้องการสร้างทีมโดยมีเขาเป็นศูนย์กลาง เขาเป็นคนสำคัญสำหรับแผนงานของเรา ฟอร์มของเขายอดเยี่ยมมาก และเขาเองก็มีความสุขมาก ปรับตัวกับที่นี่ได้ และเขาเป็นส่วนสำคัญที่เราหวังว่าจะนำพาทีม แต่เราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ในส่วนนี้ และเราก็ต้องมารอดูกัน” ฮาว กล่าว
อย่างไรก็ตามตามรายงานจากสื่อระบุว่าในเงื่อนไขฉีกสัญญามีสองตัวเลขด้วยกัน
- สื่ออังกฤษบอกว่า 100 ล้านปอนด์นี้ มีข้อมูลระบุว่าจะหมดอายุเงื่อนไขนี้ในวันที่ 30 มิถุนายน 2024
- สื่อสเปนอย่างอาส ระบุว่า 100 ล้านปอนด์เหมือนกัน แต่สามารถจ่ายได้แบบ 3 งวดการชำระเงิน ก็จะประมาณ 33 ล้านปอนด์ก็จะปิดดีลนี้ได้
ดังนั้นหากมองกันในเรื่องนี้ นิวคาสเซิ่ล ไม่มีความต้องการขายนักเตะเลย ยกเว้นว่าพวกเขาจะเจอกับทีมที่ยื่นมาตามตัวเลขฉีกสัญญาและเงื่อนไขตามกำหนด ซึ่งการที่ระบุไว้ว่าถึง 30 มิถุนายน 2024 มันหมายถึงว่าเป็นดีลที่จะต้องเกิดขึ้นในฤดูกาล 2023-2024 ตามบัญชี ไม่ใช่งบของปี 2024-2025 แล้วแบบนั้นทีมไหนจะยื่นซื้อเข้ามาก็ต้องคิดให้จงหนักในเรื่องนี้ว่าตัวเลขในบัญชีของฤดูกาลนี้จะเป็นอย่างไร หากมีทีมไหนยื่นมาจริง พวกเขาก็จะทำได้เพียงปล่อยให้เกิดการเจรจาระหว่างนักเตะ และตัวแทนทีมที่ยื่นข้อเสนอเข้ามา ส่วนจะย้ายหรือไม่ย้ายขึ้นกับการตัดสินใจของนักเตะเอง ซึ่งนักเตะเองในเวลานี้ก็มีความสุขมากกับชีวิตที่นั่น หลังจากเพิ่งย้ายมาปีกว่า ส่วนสโมสรและแฟนบอลก็ชื่นชมอย่างในเกมล่าสุดที่เปิดบ้านถล่ม เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด มีการแปรอักษรธงชาติบราซิลพร้อมกับข้อความยกย่องให้เขา และ โจลินตอน เป็น “จอร์ดี้บราซิเลี่ยน” กันไปเลย เรียกว่าเจ้าตัวปลาบปลื้มอย่างมากในเรื่องนี้
ปัญหาการเงินของ “นิวคาสเซิ่ล”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมากันในช่วงมกราคม 2024 นิวคาสเซิ่ลมีการขาดทุนประมาณ 73.4 ล้านปอนด์ ในปีการเงิน และเมื่อบวกลบกับที่ผ่านมา ๆ แล้ว พวกเขาติดลบประมาณ 155 ล้านปอนด์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยมีการระบุว่างบบางส่วนของพวกเขาใช้ในการลงทุนกับทีมหญิง และทีมเยาวชนไปด้วย
สองปีที่ผ่านมา นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่ ไมค์ แอชลีย์ ออกจากสโมสรไปพร้อมเงินก้อนใหญ่ที่ได้จากการขายทีมมาให้กลุ่มทุนซาอุดิอาระเบีย พวกเขายกระดับทีมทันทีด้วยการเสริมทีมด้วยนักเตะหลายคนมาตั้งแต่มกราคม 2022 - มกราคม 2024 พวกเขาลงเงินทุนทะลุหลัก 300 ล้านปอนด์ใน 5 ตลาดการซื้อขาย ซึ่งถ้าเทียบกับ 5 ฤดูกาลก่อนหน้านั้น พวกเขาใช้เงินยังไม่ถึงเท่านี้เลย ส่วนหนึ่งเพราะ 5 ตลาดการซื้อขาย พวกเขามีเงินจากการขายผู้เล่นน้อยมาก และเพิ่งมาเห็นตัวเลขชัด ๆ ก็ตอนขาย อโยเซ่ เปเรซ ในฤดูกาล 2019-2020 กับในปีที่ผ่านมาในดีลของอแลง แซงต์-แม็กซิแมง และ คริส วู้ด ออกจากทีมไปเท่านั้น นอกนั้นแทบจะเรียกว่าเล็กน้อยมาก
ขณะที่ในฤดูกาลนี้พวกเขาได้เข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ทศวรรษ ซึ่งก็ได้รายได้มาก้อนใหญ่ไม่น้อย เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่สิ้นสุดเส้นทางที่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น ขณะที่ปัญหาของทีมในเรื่องของการจัดการผู้เล่นในยุคของ ไมค์ แอชลีย์ ที่ต้องยอมรับว่าเป็นยุคมืดสำหรับทัพสาลิกาดง พวกเขาเคยตกชั้น, ดิ้นรนอยู่ครึ่งล่างของตาราง หรือบางปีดีหน่อยก็มากลางตารางบ้าง แต่พอมาเป็นยุคใหม่ พวกเขาอาจจะมีเจ้าของทีมรวยที่สุดในโลก แต่สุดท้ายแล้วการจัดการปรับภาพลักษณ์ ปรับทีม มันก็ต้องการเวลาในการจัดการ ทั้งจัดการปรับทัพผู้เล่นในทีมเพื่อการยกระดับก็เริ่มทำมาต่อเนื่อง ขณะที่นอกสนามการหารายได้อย่างผู้สนับสนุน หรือการลงทุนเพื่อก่อรายได้ก็ต้องมีควบคู่ตามไปด้วยซึ่งที่ผ่านมา บอร์ดบริหารของทีมก็พยายามทำมาตลอด ทั้งเรื่องของการหาผู้สนับสนุน หรือกระทั่งการขายชื่อสนามซ้อม หรือการขึ่นค่าตั๋วของทีม ฯลฯ ซึ่งก็ได้บ้างไม่ได้บ้างหรือกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ซึ่งส่วนสำคัญก็ต้องฟังเสียงความเห็นชอบของแฟนบอลทูน อาร์มี่ ซึ่งสโมสรให้ความสำคัญอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน
หากมองกันในส่วนนี้ นิวคาสเซิ่ล เติบโตอย่างรวดเร็วจนบางครั้งมันเร็วเกินไปสักหน่อย และอาจทำให้เกิดการสะดุดไม่ราบรื่นไปบ้าง แต่ก็มองว่าพวกเขาเห็นช่องทางในการขยับขยายหาเงินได้อีกแน่ เพราะยังมีโอกาสอีกเยอะที่รอให้เขาได้ลองทำ ขณะที่ผลงานของสโมสรการที่ปีที่แล้วได้ไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก มาปีนี้กลับมาลุ้นแค่ ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่สม่ำเสมอของทีมที่ยังอยู่ในขั้นตอนของการปรับจูนทีมกันต่อไปทีมเพิ่งสร้างมาถึงประมาณ 2 ปี จากทีมหนีตกชั้น และมีเจ้าของทีมขี้งกมากมาก่อน
ดังนั้น ปัญหาเรื่องการเงินของ นิวคาสเซิ่ล มองแล้วจึงมีทางออกมากพอสมควรกับการหาเงินเข้าสู่สโมสรเพื่อทำให้พวกเขาไม่เจอปัญหากฎการเงินของพรีเมียร์ ลีก ที่ว่ากันตามตัวเลขก็ถือว่าไม่ได้เยอะมากนัก แต่ก็ต้องบริหารจัดการให้ดี ถ้าพวกเขาเลือกไม่ขายสตาร์ตัวหลักออกจากทีม นักเตะระดับกลาง หรือเหล่าตัวสำรองก็อาจต้องปล่อยไปบางส่วนเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และการหารายได้จากผู้สนับสนุนที่ก็มีให้เห็นชัด ๆ แล้วกับการเซ็นสัญญากับ อาดิดาส ที่จะกลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง นับจากปี 2010 เป็นต้นมา ซึ่งสโมสรก็ได้เงินสนับสนุน 30 ล้านปอนด์ต่อปีเข้ามาเรียบร้อย และคงจะมีอะไรมาให้เห็นอีกอย่างแน่นอนในอนาคต รวมถึงการที่พวกเขาคิดถึงการขยายสนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค ก็ยังคงอยู่ในหัวข้อที่พวกเขาประเมินเช่นกัน รวมถึงข่าวการสร้างคอมมิวนิตี้ มอลล์ ใกล้ ๆ กับสนามแข่งบนพื้นที่ของสโมสรเป็นเจ้าของ ก็น่าสนใจกับการลงทุนที่เก็บกินได้ในระยะยาว เป็นต้น
เรียกว่า นิวคาสเซิ่ล กับปัญหาการเงินที่เกิดขึ้น ก็มีปัญหาจริง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นร้ายแรงชนิดที่ควบคุมไม่ได้เสียทีเดียว แต่ก็ต้องปรับแต่ง และบริหารการเงินกันมากพอสมควรนั่นเอง ส่วนจะขาย บรูโน่ หรือ อิซัค ตามที่เป็นข่าวหรือไม่ ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ถ้าขายพวกเขาก็เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่อีกรอบกับการสร้างทีมที่พวกเขาวางแผนจะกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่คับประเทศอีกครั้ง พวกเขาจะยอมเสียเวลาแบบนั้นหรือเปล่า…เพราะอย่าลืมเวลาทุกวันที่เสียเงิน เงินเท่าไรก็ซื้อกลับคืนมาไม่ได้อีกแล้ว