อังกฤษ *5-3 สโลวาเกีย : เก็บตกหลังเกม ยูโร 2024 อังกฤษ ดวลเป้าแม่นผ่าน สวิตเซอร์แลนด์ เข้ารอบรองฯ - FEATURE
- ทีมชาติ อังกฤษ ลงเล่นในแผน 3-4-2-1 ตอบโต้เกมเพรสซิ่งของ สวิตเซอร์แลนด์
- บูกาโย่ ซาก้า ระเบิดฟอร์มเยี่ยม ซัดประตูสุดสวยตีเสมอให้ทีมในช่วงเวลาสำคัญ
- อังกฤษ ดวลเป้าสุดแม่นยิงเข้าทุกลูก ผ่านเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
รายการ | |
---|---|
วันแข่งขัน | คืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 |
สนาม | แมร์คูร์ สปีล-อารีน่า |
ผลการแข่งขัน | อังกฤษ *1-1 สวิตเซอร์แลนด์ (จุดโทษ *5-3) |
อังกฤษ มาในแผนกองหลังสามคน
แกเซ็ธ เซาธ์เกต วางหมากให้ทีมชาติ อังกฤษ ลงเล่นในแผน 3-4-2-1 ตอบโต้สไตล์การเพรสซิ่งอันดุดันของ สวิตเซอร์แลนด์ ได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อ อังกฤษ เป็นฝ่ายครอบครองบอล จะมีผู้เล่นประมาณ 4 คนหลัก ๆ คือ ไคล์ วอร์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, เอซรี่ คอนซ่า, และ ดีแคลน ไรซ์ รับหน้าที่ประสานงานขึ้นเกมจากแดนหลัง และยังมีทางเลือกเพิ่มเติมอย่าง จอร์แดน พิกฟอร์ด และ ค็อบบี้ ไมนู ช่วยขยับหาพื้นที่เพื่อแก้เกมเพรสซิ่งหนักอีกสองคน ทำให้วันนี้ทีม สิงโตคำราม ไม่ได้มีปัญหาในการโดนกดดันสูงจากคู่แข่งมากเท่าไร
ในขณะเดียวกัน ภายใต้การลงเล่นด้วยกองหลังสามคน ก็เป็นการอนุญาตให้ ดีแคลน ไรซ์ ขยับขึ้นไปทำเกมรุกหน้ากรอบเขตโทษคู่แข่งได้แบบไร้กังวล จะเห็นได้ว่าวันนี้ ไรซ์ มีจังหวะช่วยเพื่อนแปะบอลไปมาในแดนสูงอยู่หลายครั้ง ช่วยกดดันคู่แข่งให้ถอยร่นไปรับต่ำมากขึ้น รวมถึงแผนการเล่นนี้ก็ทำให้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม และ ฟิล โฟเด้น ได้ขยับเข้าไปเล่นในพื้นที่หมายเลข 10 แบบที่ทั้งคู่ถนัด โดยที่เกมทางริมเส้นปล่อยให้ คีแรน ทริปเปียร์ และ บูกาโย่ ซาก้า เป็นผู้รับผิดชอบ
ทีเด็ด เอ็มโบโล่
แม้ทีมชาติ อังกฤษ จะทำการบ้านตอบโต้แนวทางการเล่นของ สวิตเซอร์แลนด์ มาเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็ยังมีปัญหาในการทำเกมเข้าไปยิงคู่แข่งในพื้นที่สุดท้ายอยู่เหมือนเดิม ซึ่งในขณะที่ แฮร์รี่ เคน แทบจะไม่มีโอกาสได้สับไกยิงอย่างจะแจ้ง ศูนย์หน้าของ สวิตเซอร์แลนด์ อย่าง บรีล เอ็มโบโล่ กลับมีเกมที่ดีมาก ๆ แม้ทีมจะโดนบุกกดดันหนักเกือบตลอดเลยก็ตาม
ในวันนี้ เอ็มโบโล่ เป็นเสาหลักในเกมรุกของ สวิตเซอร์แลนด์ เขาใช้ทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วให้เป็นประโยชน์ในการเข้าหาพื้นที่ว่างและเก็บบอลในแดนหน้า ศูนย์หน้ารายนี้พร้อมเอาตัวเข้าแลกในการโดนฉุดกระชากลากดึงเพื่อครองบอลรอจังหวะเพื่อนเติมขึ้นมา รวมถึงหาโอกาสสับไกยิงได้ถึง 5 ครั้ง ตรงกรอบ 2 ครั้ง เป็นสถิติที่มากที่สุดในเกมนี้ แถมการผ่านบอลทั้งหมด 16 ครั้งของเจ้าตัวก็เข้าเป้า 100% อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ ในนาทีที่ 75 เอ็มโบโล่ ยังโชว์สัญชาติญาณความจมูกไว วิ่งแซงกองหลัง อังกฤษ เข้าไปยิงประตูจนทีมได้ประตูขึ้นนำ เกือบจะเป็นประตูชัยเลยด้วยซ้ำถ้า ซาก้า ไม่โชว์ลูกยิงอภินิหารจากนอกกรอบเขตโทษ
สิงโตคำราม ฆ่าไม่ตาย..
แม้ทีมชาติ อังกฤษ จะเล่นได้น่าทรมาณใจเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยโกหกใครก็คือ "ผลการแข่งขัน" ซึ่งจริงอยู่ว่าตลอดทั้ง 5 นัดที่ผ่านมา อังกฤษ จะเล่นฟุตบอลได้ไม่เข้าใกล้คำว่า "สมราคาคุย" แม้แต่นิดเดียว แต่ในช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตาย ลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมากุมความได้เปรียบได้ทุกครั้ง
ในแมตช์กับ สโลวาเกีย จู๊ด เบลลิ่งแฮม มาตีเสมอในนาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลา ก่อนจะยิงพลิกแซงเข้ารอบได้สำเร็จ ในแมตช์นี้ก็เช่นกัน พลพรรค สิงโตคำราม เคาะบอลไปมาอย่างน่าเบื่อตามสูตร ก่อนจะโดน บรีล เอ็มโบโล่ ยิงขึ้นนำในนาทีที่ 75 ของเกม ซึ่งใครเห็นก็คิดว่า อังกฤษ คงกลับมายากแล้ว แต่เพียง 5 นาทีถัดมา พวกเขากลับยิงประตูตีเสมอได้ซะอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีโอกาสยิงตรงกรอบเลยแม้แต่หนเดียว
หากจะมีสักหนึ่งเรื่องที่ต้องชม แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็คงเป็นความสามารถในการประคองหัวจิตหัวใจลูกทีมผ่านคำวิจารณ์จากทุกสารทิศให้ยังอยู่ในสภาพที่พร้อมลุยและพร้อมกลับมาจากความตายได้สำเร็จ และบางทีการไปให้ถึงตำแหน่งแชมป์อาจไม่จำเป็นต้องยิงประตูให้ได้มากที่สุด ขอเพียงเล่นเกมรับให้ดี และส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ถูกที่ถูกเวลาก็อาจจะเพียงพอแล้ว..
วันที่ บูกาโย่ ซาก้า เฉิดฉาย
หลังโดนวิจารณ์มาอย่างหนักตลอดทั้งทัวร์นาเม้นต์ บูกาโย่ ซาก้า หาฟอร์มที่ใช่ของตนเองเจอเสียที โดยในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ ดาวเตะ อาร์เซน่อล ผู้นี้เล่นได้น่าประทับใจมาก ด้วยตำแหน่งรับผิดชอบทางด้านริมเส้นขวามือ บูกาโย่ ซาก้า มีความมั่นใจในการท้าดวลกับกองหลังฝ่ายตรงข้าม ตลอดทั้งเกมจะเห็นว่า ซาก้า ใช้ความเร็วได้เป็นประโยชน์ในการปั่นป่วน มิแชล เอบีเชอร์ จนทะลุเข้าไปเปิดบอลในเขตโทษได้หลายครั้ง และยังหาโอกาสสับไกให้ตนเองได้อีกด้วย
ผลงานอันเป็นที่ประจักษ์ที่สุดคงจะหนีไม่พ้นประตูตีเสมอในช่วงเวลาสำคัญ ซึ่ง ซาก้า เลี้ยงบอลตัดเข้ามาจากริมเส้นด้านขวาก่อนจะง้างเท้าซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไปเป็นประตู พา อังกฤษ กลับเข้ามาอยู่ในเกมอีกครั้ง จนไปถึงช่วงเวลาดวลจุดโทษ ซาก้า ก็หยุดฝันร้ายของตนเองได้สำเร็จจากการยิงผ่านมือ ยานน์ ซอมเมอร์ เข้าไปแบบนิ่ม ๆ แก้ตัวจากครั้งก่อนที่พลาดจุดโทษในนัดชิงชนะเลิศ ยูโร จนทีมชวดแชมป์
ชอว์ กลับมาแล้ว ส่วน คอนซ่า เล่นได้ดีเยี่ยม
หลังปล่อยให้แฟนบอลและ เซาธ์เกต รออยู่นาน ล่าสุดปราการหลังอย่าง ลุค ชอว์ กลับมาประจำการได้เป็นที่เรียบร้อย โดยในแมตช์ล่าสุด ลุค ชอว์ ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองแทน เอซรี่ คอนซ่า ในฐานะเซ็นเตอร์แบ็คตัวซ้าย ซึ่งก็ต้องบอกว่าแม้จะไม่ได้มีผลงานที่โดดเด่นชัดเจน แต่การมี ชอว์ ซึ่งถนัดเท้าซ้ายโดยธรรมชาติอยู่ในสนาม ช่วยให้เกมขึ้นบอลจากแดนหลังของ อังกฤษ มีความไหลลื่นขึ้นเล็กน้อย แถมในเกมหน้าก็ยังมีลุ้นจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในตำแหน่งแบ็คซ้ายอีกด้วย
ส่วน เอซรี่ คอนซ่า ที่ได้รับโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงแทน มาร์ค เกฮี ที่ติดโทษแบนจากนัดก่อน ก็เล่นเกมรับได้แข็งแกร่งมาก โดย คอนซ่า มีส่วนสำคัญช่วยสกัดกั้นจังหวะสำคัญของเกมรุก สวิตเซอร์แลนด์ อยู่หลายลูก แถมมีเหลี่ยมบอลและร่างกายที่ดีพอฟัดพอเหวี่ยงกับ บรีล เอ็มโบโล่ ได้สูสี ทำสถิติเป็นผู้เล่นที่เคลียร์บอลมากที่สุดในเกมถึง 7 ครั้ง และบล็อคลูกยิงมากที่สุดในทีมถึง 2 ครั้ง เกมหน้า เซาธ์เกต อาจต้องคิดหน่อยแล้วว่าระหว่าง เกฮี กับ คอนซ่า ใครสมควรจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง
ทีมชาติ อังกฤษ ดวลเป้าสุดแม่น
พลพรรค สิงโตคำราม พาตัวเองมายืนอยู่ที่ปากเหวอีกครั้งหลังไม่สามารถคว่ำคู่แข่งได้ในช่วงเวลาปกติ แต่คราวนี้พวกเขาอุดมไปด้วยมือสังหารจุดโทษมือฉมังที่แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีดีกรีเป็นมือหนึ่งของทีมในระดับสโมสรกันทั้งนั้น รวมถึงการมี จอร์แดน พิกฟอร์ด ที่ผ่านการเซฟจุดโทษในทัวร์นาเม้นต์ระดับนี้มาแล้วหลายครั้งก็ยิ่งกุมความได้เปรียบเหนือคู่แข่งอย่าง สวิตเซอร์แลนด์ อย่างเห็นได้ชัด
ผลจบลงด้วยการที่ จอร์แดน พิกฟอร์ด เซฟลูกยิงของ มานูเอล อคานยี่ ได้ตั้งแต่ลูกแรก และเป็น 5 ผู้เล่นทีมชาติ อังกฤษ อย่าง โคล พาลเมอร์, จู๊ด เบลลิ่งแฮม, บูกาโย่ ซาก้า, ไอแวน โทนี่ย์, และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่สังหารจุดโทษเข้าเป้าแบบ 100% แบบไม่มีพลาดสักคน นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดในการดวลเป้าของทีมชาติ อังกฤษ นับตั้งแต่ ยูโร 96 อีกด้วย
สถิติการยิงจุดโทษของทีมชาติ อังกฤษ
1990 : ฟุตบอลโลก รอบรองชนะเลิศ พบ เยอรมัน - แพ้ 4-3
1996 : ฟุตบอลยูโร รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบ สเปน - ชนะ 4-2
1996 : ฟุตบอลยูโร รอบรองชนะเลิศ พบ เยอรมัน - แพ้ 6-5
1998 : ฟุตบอลโลก รอบ 16 ทีมสุดท้าย พบ อาร์เจนติน่า - แพ้ 4-3
2004 : ฟุตบอลยูโร รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบ โปรตุเกส - แพ้ 6-5
2006 : ฟุตบอลโลก รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบ โปรตุเกส - แพ้ 3-1
2012 : ฟุตบอลยูโร รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบ อิตาลี - แพ้ 4-2
2018 : ฟุตบอลโลก รอบ 16 ทีมสุดท้าย พบ โคลัมเบีย - ชนะ 4-3
2020 : ฟุตบอลยูโร รอบชิงชนะเลิศ พบ อิตาลี - แพ้ 3-2
2024 : ฟุตบอลยูโร รอบ 8 ทีมสุดท้าย พบ สวิตเซอร์แลนด์ - ชนะ 5-3