ย้อนรอย ทีมชาติอังกฤษ กับ ยูโร 2008 : ทีมยุครวมซุเปอร์สตาร์ แต่ผลงานสุด "ไก่กา" ไม่สมราคา "สิงโต" - FEATURE
เนื่องในโอกาสที่ปีนี้การแข่งขันฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ที่น่าสนใจและเป็นรายการที่คนไทยเราติดตามมากเป็นอันดับต้น ๆ เป็นรองเพียง ฟุตบอลโลก อย่าง ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า ฟุตบอลยูโร จะกลับมาลงฟาดแข้งกันอีกครั้งในนามของ ยูโร 2024 ช่วงกลางปีนี้
เราจึงอยากโหมโรงก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้นโดยเฉพาะเรื่องราวของ "ทีมชาติอังกฤษ" ประเทศขวัญใจชาวไทยที่ต่อให้จะปฏิเสธยังไงทุกคนก็ต้องติดตามเหมือนเป็นสัญชาติที่สองสำหรับชาวฟุตบอล ซึ่งปีนี้สื่อหลายสำนักต่างยกให้พวกเขาเป็นเต็ง 1 หรือ 2 ขับเขี้ยวกับ ฝรั่งเศส ที่จะคว้าแชมป์มาครอง หลังจากผลงานในครั้งก่อนนั้นยอดเยี่ยมแต่ก็ต้องอกหักในรอบชิงชนะเลิศกับการดวลจุดโทษชี้ขาดพ่ายต่อ อิตาลี คาบ้านที่สนาม เวมบลีย์ ไปแบบเจ็บช้ำสุด ๆ
ซึ่งนี่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับแฟนบอล สิงโตคำราม รุ่นเก่า ๆ ไปเสียแล้วกับตำแหน่งตัวเต็งแทบทุกรายการแต่ผลงานออกทะเลหาปลาเป็นชาวประมง ซึ่งช่วงหลังมาในยุค แกเร็ธ เซาธ์เกต ปัญหานี้อาจจะดูน้อยลงไป เพราะรายการใหญ่ ๆ ก็สามารถเข้ารอบลึก ๆ ได้ จะมีก็แต่เพียงใน ยูฟ่า เนชั่นลีก ที่พวกเขาตกชั้นเนื่องจากรั้งอันดับบ๊วยของ ลีกเอ เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมา
หากแฟน ๆ ยุคใหม่มองว่านี่คือเรื่องผิดหวังน่าอับอายแล้ว เราจึงอยากจะลองย้อนกลับไปในฤดูกาล 2007/08 ปีที่ สิงโตคำราม ถูกกล่าวขานว่าเป็นชุดที่ "กาก" ที่สุด ! ทั้งที่มีซุเปอร์สตาร์เดินชนเบียดแน่นเต็มทีมไปหมด
เพราะอะไร ? เราขอแนะนำให้ให้ผู้อ่านลองไปค้นหาในเน็ตเกี่ยวกับผลงานของ ทีมชาติอังกฤษ ใน ยูโร 2008 รอบสุดท้ายดูเองก่อน ว่าพวกเขาทำผลงานดีร้ายอย่างไรหรือไปจอดรอบไหน ? แต่รับประกันว่าหาไม่เจอแน่นอน...
เพราะพวกเขา "ไม่ได้ไปเล่น" ไงล่ะ !
หากย้อนกลับไปช่วงเวลานั้นฟุตบอลอังกฤษกำลังอยู่ในยุคเฟืองฟูสุด ๆ ชนิดที่ในปี 2008 ทีมจาก พรีเมียร์ลีก สามารถเข้าชิงกันเองใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เฉือนชนะ เชลซี ไปแบบสุดดราม่าจากการดวลจุดโทษชี้ขาด แถมปีก่อนหน้านั้น ลิเวอร์พูล ก็ไปถึงรอบชิงแต่พลาดท่าพ่ายต่อ เอซี มิลาน ไป 2-1
เห็นแบบนี้ทีมชาติเองก็น่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้นด้วยสิ แต่.... มันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย แถมสวนทางกันอย่างสิ้นเชิงภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ แมคคลาเรน กุนซือจอมเก๋าที่ปัจจุบันเป็นมือขวาของ เอริค เทน ฮาก ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ก็ไม่แน่ใจว่าสมาคมฟุตบอลอังกฤษไปมองเห็นอะไรในตัวเขากับผลงานการคุมทีม มิดเดิลสโบรห์ ตั้งแต่ปี 2001 จนถึงปี 2006 ที่แทบไม่มีอะไรน่าจดจำ แต่กลับไปดึงตัวมารับไม้ต่อจาก สเวน โกรัน อิริคสัน ซึ่งงานหลักของเจ้าตัวก็คือการพาทีมประสบความสำเร็จในศึก ยูโร 2008 ให้ได้
โดยในรอบแบ่งกลุ่ม อังกฤษ เองจัดว่าไม่ได้อยู่ในสายแข็งอะไรมากมายเลยโดยมีทีมอย่าง โครเอเชีย รัสเซีย อิสราเอล มาซิโดเนีย เอสโตเนีย และ อันดอร์รา ร่วมสาย ซึ่งใคร ๆ ก็มองว่า อังกฤษ คงจะผ่านไปได้แบบสบาย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเราดูจากชื่อชั้นนักเตะทีมชาติอังกฤษยุคนั้นเรียกได้ว่าแน่นปึก ซึ่งนี่คือลิสต์รายชื่อนักเตะตัวหลักที่ได้รับโอกาสในเกมรอบคัดเลือกปีดังกล่าว
ผู้รักษาประตู - พอล โรบินสัน, สกอตต์ คาร์สัน
กองหลัง - ริโอ เฟอร์ดินานด์, จอห์น เทอร์รี, โซล แคมป์เบล, เลสลีย์ คิง, โจเลียน เลสคอตต์, เจมมี คาราเกอร์, เวส บราวน์, ฟิล เนวิลล์, แกรี เนวิลล์, แอชลีย์ โคล, ไมก้า ริชาร์ดส์
กองกลาง - เดวิด เบ็คแฮม, สตีเวน เจอร์ราร์ด, แฟรงค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, ไมเคิล คาร์ริค, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, แกเร็ธ แบร์รี, โอเวน ฮากรีฟส์, สจวร์ต ดาวนิง
กองหน้า - เวย์น รูนีย์, เจอเมน เดโฟ, ปีเตอร์ เคราช์, ไมเคิล โอเวน, แอนดี้ จอห์นสัน
แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็น "ตำนาน" ของวงการฟุตบอลอังกฤษทั้งนั้น แต่เมื่อมารวมตัวกันภายใต้การทำทีมของ แมคคลาเรน พวกเขากลับเล่นได้อย่างน่าผิดหวังหมดฟอร์ม สิงห์ อย่างสิ้นเชิง
เริ่มต้นมาสองเกมของรอบคัดเลือกผลงานสวยหรูกับการเปิดบ้านถล่ม อันดอร์รา 5-0 จากการเหมาคนละสองประตูของ เดโฟ และ เคราช์ พร้อมกับอีก 1 ประตูของ เจอร์ราร์ด ก่อนที่เกมสองจะบุกไปเฉือน มาซิโดเนีย 0-1 จากประตูชัยของ เคราช์ ในครึ่งหลัง
แต่หลังจากนั้น สิงโตคำราม ไม่ชนะเลย 3 เกมติดกับการเสมอ มาซิโดเนีย ในบ้าน ต่อด้วยบุกพ่าย โครเอเชีย และบุกเสมอกับ อิสราเอล
แต่แล้วสถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้นกับการชนะรวด 3-0 ตลอด 5 เกมติดทั้งการ
บุกชนะ อันดอร์รา 0-3
บุกชนะ เอสโตเนีย 0-3
เปิดบ้านชนะ อิสราเอล 3-0
เปิดบ้านชนะ รัสเซีย 3-0 และ
เปิดบ้านชนะ เอสโตเนีย 3-0
นั่นเหมือนจะทำให้โอกาสเข้ารอบของพวกเขาเริ่มสดใสขออีกเพียงแค่ 1 คะแนนจาก 2 นัดสุดท้ายที่จะเจอกับ รัสเซีย และ โครเอเชีย พวกเขาก็จะเข้ารอบ แต่...
เกมต่อมาพวกเขาพลาดท่าอีกครั้งกับการบุกพ่าย รัสเซีย 2-1 คู่แข่งเบียดแย่งโควต้าสุดท้ายโดยตรง ที่โดน โรมัน พาฟลูเชนโก้ เหมาสองลูกในครึ่งหลังยิงแซงชนะไปแบบหน้าตาเฉย ซึ่งนั่นทำให้สถานการณ์ในกลุ่ม รัสเซีย ที่อยู่อันดับ 3 ไล่จี้ อังกฤษ ที่อยู่อันดับ 2 มาเหลือ 2 แต้มกับเกมนัดสุดท้ายที่ สิงโตคำราม ขอเพียงเปิดบ้านเสมอกับ โครเอเชีย ที่เข้ารอบไปแล้วให้ได้ก็จะจับมือกันไปเล่นในรอบสุดท้ายทันที
โดย โครเอเชีย ชุดนั้นก็ไม่ธรรมดามีทั้งสตาร์อย่าง โรเบิร์ต โควัช, นิโก้ โควัช, ลูก้า โมดริช, อิวาน ราคิติช, นิโก้ ครานชาร์, อิวิก้า โอลิช และ เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา ภายใต้การคุมทีมของ สลาเวน บิลิช ซึ่ง ทีมตราหมากรุก บุกมานำก่อนถึงสองลูกใน 15 นาทีแรกจาก ครานชาร์ และ โอลิช ก่อนที่ครึ่งหลัง แลมพาร์ด และ เคราช์ จะมาตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จ แน่นอนว่าหากจบแบบนี้ อังกฤษ ไป ยูโร 2008 ทันที แต่...
ท้ายเกม มลาเดน เพทริช ตัวสำรองลงมายิงไกลสุดสวยให้ โครเอเชีย บุกอัด อังกฤษ คาบ้าน ดับฝัน สิงโตคำราม ในการไปเล่น ยูโร 2008 เพราะอีกสนาม รัสเซีย สามารถบุกชนะ อันดอร์รา 0-1 ส่ง ทัพหมีขาว ไปเล่นใน ยูโร รอบสุดท้ายในฐานะทีมอันดับที่ 2 ทันที
อันดับ | ทีม | จำนวนเกม | คะแนน | ผลต่างประตูได้-เสีย |
---|---|---|---|---|
1 | โครเอเชีย | 12 | 29 | 20 |
2 | รัสเซีย | 12 | 24 | 11 |
3 | อังกฤษ | 12 | 23 | 17 |
4 | อิสราเอล | 12 | 23 | 8 |
5 | มาซิโดเนีย | 12 | 14 | 0 |
6 | เอสโตเนีย | 12 | 7 | -16 |
7 | อันดอร์รา | 12 | 0 | -40 |
แน่นอนการจบอันดับ 3 ไม่เพียงพอต่อการจะเข้าไปเล่นใน ยูโร 2008 รอบสุดท้ายสำหรับทีมชาติอังกฤษ และเกมนั้นคือฟางเส้นสุดท้ายระหว่าง สตีฟ แมคคลาเรน และ ทัพสิงโตคำราม ปิดฉากการคุมทีมด้วยผลงานตกต่ำดิ่งลงเหวกับยุคที่มีซุเปอร์สตาร์แทบจะเหยียบกันตาย แต่สุดท้าย... นอนอยู่บ้านเปิดทีวีดูยูโรกันทั่วหน้า