ย้อนรอยทีมชาติอังกฤษ กับ ยูโร 2004 รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ สิงโตคำราม ไปไม่ถึงฝั่งฝัน - FEATURE

  • ทีมชาติอังกฤษ ทำผลงานได้ไม่สมราคาเท่าใดนักในศึก ยูโร 2024
  • ทัพสิงห์โตคำราม ยุคนี้มีตัวผู้เล่นดี ๆ มากมายเหมือนในปี 2004
  • ยูโร 2004 ทัพสิงห์โตคำราม พลาดจุดโทษหยุดที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย
2004 UEFA Euro - England v Switzerland
2004 UEFA Euro - England v Switzerland / Richard Sellers/Allstar/GettyImages
facebooktwitterreddit

ศึกฟุตบอล ยูโร 2024 ที่ประเทศเยอรมัน ได้เริ่มขึ้นแล้วซึ่งในปีนี้มีหลายทีมที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะ “ทัพสิงห์โตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ที่พวกเขามีนักเตะซูเปอร์สตาร์ล้นทีม อาทิ แฮร์รี่ เคน, ฟิล โฟเด้น, ดีแคลน ไรซ์ และคนอื่นอีกมากมาย

โดยการที่ขุนพลทีมชาติอังกฤษชุดนี้มีทั้งดีกรีความสามารถเหลือล้น ซึ่งมันคล้ายคลึงกับขุนพลในปี 2004 ที่ ทัพสิงห์โตคำราม มีทั้ง เดวิด เบ็คแฮม, ริโอ เฟอร์ดินานด์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด รวมถึงอีกหลายคนในชุดนี้ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อป ๆ ของ พรีเมียร์ลีก ณ เวลานั้นกันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ปีนั้น ทีมชาติอังกฤษ จอดป้ายที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเนื่องจากพ่ายจุดโทษให้กับ ทีมชาติโปรตุเกส ไปอย่างน่าเสียดาย โดยวันนี้ 90min จะพามาย้อนดูเหตุการณ์ในปีนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นทำไม ทัพสิงห์โตคำราม ที่มีตัวผู้เล่นดี ๆ มากมายถึงไปถึงแค่เพียงรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยสามารถติดตามเรื่องราวไปพร้อมกันได้ที่นี่ 

Euro 2004: Portugal v England
Euro 2004: Portugal v England / Shaun Botterill/GettyImages

ทัวร์นาเมนต์ ยูโร 2004 ต้องบอกว่า ทีมชาติอังกฤษ ในยุคที่มี "สเวน โกรัน อีริคส์สัน" เป็นกุนซือต่างอัดแน่นไปด้วยนักเตะระดับท็อปทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะ 11 ตัวแรกของปีนั้น ล้วนเป็นเหล่าซูเปอร์สตาร์ที่กำลังโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับทีมต้นสังกัดทั้งสิ้น

ทีมประกอบไปด้วยแผงแบ็คโฟร์อย่าง คู่เซ็นเตอร์แบ็ค จอห์น เทอร์รี่ จับคู่กับ โซล แคมป์เบลล์ ขนาดที่ว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ กองหลังตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ตอนนั้นเรียกได้ว่าทำผลงานได้โดดเด่นถึงขั้นต้องนั่งเป็นตัวสำรอง ส่วนแบ็กขวา คือ แกรี่ เนวิลล์ จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแบ็กซ้ายเป็น แอชลีย์ โคล จาก เชลซี

แดนกลางนี่ไม่ต้องพูดถึงนั่นคือ เดวิด เบ็คแฮม กองกลางตัวเก่งของ ปีศาจแดง รับหน้าที่กัปตันทีมในชุดนี้ คู่กลางเป็น คือสองสุดยอดนักเตะของ พรีเมียร์ลีก อย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด จาก ลิเวอร์พูล และ แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตตำนาน สิงห์บูล 

ทำให้ต้องขยับ พอล สโคลส์ ตำนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปเล่นเป็นปีกซ้าย และคู่ศูนย์หน้าเป็นการจับคู่กันของ ไมเคิล โอเว่น และ เวย์น รูนี่ย์ ที่ ณ เวลานั้นมีอายุเพียงแค่ 18 ปี ที่พึ่งติด ทีมชาติอังกฤษ ลงเล่นในรายการใหญ่เป็นครั้งแรก

Sol Campbell, Gary Neville, Phil Neville
Euro 2004: Portugal v England / Laurence Griffiths/GettyImages

ตัดมาที่ขุนพล ทีมชาติโปรตุเกสคู่แข่งในรอบ 8 ทีมสุดท้ายปีนั้นภายใต้การคุมทีมของ "หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่" ถือว่าเป็นทีมที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และลงตัวอย่างมากนำทัพมาโดยดาวเตะตัวเก๋าอย่าง หลุยส์ ฟิโก้, รุย คอสต้า, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่, เดโก้ รวมทั้ง ริคาร์โด้ นายทวารจอมหนึบประจำทีม

ขณะที่แนวรุกได้ฝากความหวังไว้ที่สองผู้เล่นดาวรุ่งที่ฟอร์มกำลังร้อนแรงอย่างมากอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่รับบทบาททางฝั่งซ้าย และมี นูโน่ โกเมส ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าคอยล่าข่าย แถมยังมี เฮลเดอร์ ปอสติก้า เป็นกองหนุนซึ่งถือว่าเป็นการผสมผสานที่กลมกล่อม จนช่วยกันพาทีมมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้ได้

เกมในนัดนั้นทั้งสองทีมเล่นกันได้อย่างสูสีผลัดกันรุก-รับตลอด 90 นาที แต่เป็น ทัพสิงห์โตคำราม ที่ได้ประตูขึ้นออกนำไปก่อน 1-0 จากการยิงของ ไมเคิล โอเว่น หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็มีโอกาสที่จะยิงประตูกันได้หลายครั้ง ทว่าก็พลาดกันไปหมด

เกมนัดนี้ดูเหมือนจะเป็นชัยชนะของ พลพรรคทรีไลออน อยู่แล้ว แต่ช่วงนาทีสุดท้าย ทัพฝอยทอง ก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 อย่างไม่น่าเชื่อจากลูกโหม่งของ ปอสติก้า ตัวสำรองที่ลงมาเปลี่ยนเกม เท่านั้นไม่พอช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทีมชาติอังกฤษ มาได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ และเป็นทาง เดวิด เบ็คแฮม เปิดบอลผ่านหน้าประตู และเป็น โซล แคมป์เบลล์ กองหลังตัวเก่งที่โถมตัวโหม่งเข้าไปตุงตาข่าย 

อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินกลับเป่าเป็นลูกฟาล์วซะอย่างงั้น ทั้ง ๆ ที่ดูจากภาพช้าในสนามแล้วไม่น่าจะฟาล์ว ทำให้ทั้งสองทีมต้องดวลกันต่อ ช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที 

Soccer - UEFA Euro 2004 - Quarter Final - Portugal vs. England
Soccer - UEFA Euro 2004 - Quarter Final - Portugal vs. England / Christian Liewig - Corbis/GettyImages

ในช่วงต่อเวลาพิเศษดูเหมือน ทีมชาติโปรตุเกส จะมีกำลังใจและคึกคักกว่าอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งก็มาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 จากลูกยิงไกลสุดสวยของ รุย คอสต้า ณ เวลานี้แฟนบอลโปรตุเกสส่วนใหญ่ต่างพากันดีใจที่ทีมของพวกเขาจะเข้ารอบแน่นอน

แต่ แฟรงค์ แลมพาร์ด ก็ทำเอาบรรยากาศที่กำลังดีใจของพวกเขากลับเงียบลงทั้งสนาม เมื่อ ทีมชาติอังกฤษ ตีเสมออีกครั้งเป็น 2-2 จนทำให้ต้องไปดวลจุดโทษชี้ขาดในที่สุด

อย่างไรก็ดี ทีมชาติอังกฤษ ดันไม่มีดวงกับการดวลจุดโทษในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อย่างมาก โดยอดีตที่ผ่านมาของ ทัพสิงห์โตคำราม ต้องอกหักเพราะการยิงพลาดมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน… 

เมื่อ เดวิด เบ็คแฮม กัปตันทีมได้รับหน้าที่สังหารจุดโทษเป็นคนแรก กลับยิงเหินข้ามคานไปไกลแบบไม่น่าเชื่อ แม้ว่า รุย คอสต้า จะยิงพลาด เช่นกัน ทำให้ยิงจบ 5 คน เสมอกันที่ 4-4 แต่ในช่วงดวลกันตัวต่อตัว ดาริอุส วาสเซลล์ ก็มายิงพลาดอีก และเป็น ริคาร์โด้ นายทวารเจ้าภาพ ที่รับบทฮีโร่ ยิงเข้าไปในลูกสุดท้าย พาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ แบบสุดยิ่งใหญ่ ขณะที่ ทีมชาติอังกฤษ พวกเขาต้องน้ำตาตกอีกครั้ง จากการดวลจุดโทษ และหยุดไว้ที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในที่สุด

Soccer - UEFA Euro 2004 - Quarter Final - Portugal vs. England
Soccer - UEFA Euro 2004 - Quarter Final - Portugal vs. England / Christian Liewig - Corbis/GettyImages