อำลา เอ็มม่า เฮย์ส แม่ทัพใหญ่เบื้องหลังทุกความสำเร็จบอลหญิง เชลซี - FEATURE
- เอ็มม่า เฮย์ส กุนซือทีม เชลซีหญิง เตรียมบอกลาทีมหลังจบซีซันนี้ หลังคุมทีมมา 12 ปี
- กุนซือหญิงชาว อังกฤษ เข้ามาพลิกโฉม เชลซี และ ฟุตบอลหญิง อังกฤษ ให้ดีขึ้นมาก
- เอ็มม่า ตัดสินใจบอกลา เชลซี ไปคุมทีมชาติหญิง สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นที่ที่สร้างเธอมา
เชื่อว่าแฟนบอลทุกคนต่างเสียใจกับการลงจากตำแหน่งของ เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ทีม ลิเวอร์พูล ที่ประกาศจบเส้นทางการคุมทีมฟุตบอลใน อังกฤษ ไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่รู้หรือไม่ว่าเมื่อฤดูกาล 2023/24 สิ้นสุดลง วงการลูกหนัง อังกฤษ จะต้องสูญเสียอีกหนึ่งบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไป ซึ่งก็คือ "เอ็มม่า เฮย์ส" กุนซือทีม เชลซีหญิง ผู้ยกระดับมาตรฐานฟุตบอล วีแมน ซุปเปอร์ ลีก ขึ้นมาในระยะเวลากว่าทศวรรษที่เธอทำหน้าที่ เพราะนอกจากเธอจะพัฒนาทีม เชลซีหญิง จากทีมหนีตกชั้นสู่แชมป์ลีกสูงสุด 7 สมัย เธอยังเป็นบุคคลสำคัญผู้พลิกโฉมวงการฟุตบอลหญิงของโลกอีกด้วย วันนี้ 90MIN จะพาทุกท่านย้อนดูเรื่องราวความสำเร็จกว่า 12 ปีของ เอ็มม่า เฮย์ส และ เชลซี
ก่อนยิ่งใหญ่กับ เชลซี เธอเคยเป็น อาร์เซน่อล
เอมม่า เฮย์ส เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลด้วยการลงเล่นให้ทีมเยาวชนของ อาร์เซน่อล ในตำแหน่งกองกลาง ก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุอย่างหนักจนทำให้เธอต้องเลิกเล่นฟุตบอลไปก่อนวัยอันควรด้วยอายุเพียง 17 ปี ซึ่งเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่าเป็นหนึ่งสิ่งที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเธอ แต่ด้วยความรักของเธอที่มีต่อฟุตบอล เอมม่า เฮย์ส กลับเข้าสู่อ้อมอกของ ทีมปืนใหญ่ อีกครั้งในปี 2006 ในฐานะ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมหญิง ควบกับตำแหน่ง ผู้อำนวยการทีมเยาวชนหญิง ซึ่งทีม ปืนใหญ่สาว แข็งแกร่งมากในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถกวาดได้ถึง 11 ถ้วยในระยะเวลา 3 ฤดูกาลภายใต้การคุมทีมของ วิค เอเคอร์ส
ตลอดระยะเวลาสามฤดูกาลที่ เอมม่า ทำงานอยู่กับ อาร์เซน่อล เธอได้เรียนรู้สารพัดวิชาการคุมทีมจากนายใหญ่ วิค เอเคอร์ส ซึ่งทำทีม ปืนใหญ่ ได้อย่างไร้เทียมทานในเวลานั้น การได้อยู่กับเหล่าบรรดาคนเก่ง ประกอบกับหน้าที่ของเธอที่ต้องคอยดูแลทีมเยาวชน ทำให้กุนซือสาวเริ่มมีความรู้และประสบการณ์ในการคุมทีมฟุตบอลมากขึ้น จนกระทั่งเธอตัดสินย้ายไปเติบโตในวงการ ฟุตบอลอเมริกัน ในปี 2008 ซึ่งเป็นที่ ๆ เธอได้รู้ถึงความเป็นไปได้ของ ฟุตบอลหญิง ว่าสามารถพัฒนาไปได้ในระดับไหน ก่อนที่เธอจะนำองค์ความรู้และประสบการณ์ย้ายกลับมาคุมทีม เชลซีหญิงในปี 2012
ช่วงแรก สุดยากลำบาก
เดือน สิงหาคม ปี 2012 เชลซีประกาศแต่งตั้ง เอมม่า เฮย์ส เป็นผู้จัดการทีมหญิงอย่างเป็นทางการ แทนที่การจากไปของ แมตต์ เบียร์ด ที่ตัดสินใจลาออกไปคุม ลิเวอร์พูล ในเวลานั้น ซึ่งในระยะเวลา 3 ปีแรกของเธอในฐานะผู้จัดการทีม เอมม่า ต้องพบกับความยากลำบากในการค่อย ๆ สร้างทีมขึ้นมาจากศูนย์
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในปี 2012 ฟุตบอลหญิงไม่ได้รับความสนใจและการสนับสนุนเทียบเท่าในปัจจุบัน ทีมของ เอมม่า ไม่มีแม้แต่ออฟฟิศหรือสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนตัว ผู้เล่นบางคนในทีมยังทำงานพาร์ทไทม์สลับกับการเล่นฟุตบอลอยู่เลยด้วยซ้ำ ไม่มีสื่อเจ้าไหนถ่ายทอดสดฟุตบอลหญิงอังกฤษ และ เอมม่า เฮย์ส เป็นผู้จัดการทีมผู้หญิงเพียงคนเดียวใน ลีกฟุตบอลอังกฤษ ขณะนั้นอีกด้วย สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาคืออุปสรรคที่ เอมม่า ต้องเผชิญสมัยรับงานคุมทีม เชลซี ในระยะแรก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอย่อท้อแม้แต่น้อย
ฤดูกาล 2013 เป็นปีแรกที่ เอมม่า เฮย์ส ได้คุ้ม เชลซี อย่างเต็มซีซันเป็นปีแรก จบลงด้วยผลงานอันย่ำแย่โดยพลพรรค สิงห์บลูส์หญิง เก็บไปได้เพียง 10 แต้มจาก 14 เกมที่ลงเล่น เกือบตกชั้นไปเล่นในฟุตบอลลีกรอง ซึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหามากมายของทีม แต่เธอและบอร์ดบริหารต่างเข้าใจในเงื่อนไขของเวลาที่ต้องใช้ในการสร้างทีม
ฤดูกาลถัดมา ทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น เอมม่า เฮร์ส เสริมทัพโดยการดึงนักเตะคุณภาพเข้ามาร่วมทีม และสามารถพา เชลซี จบซีซันด้วยการเกือบเป็นแชมป์ลีก โดยพลาดท่าให้กับ ลิเวอร์พูล จากผลต่างประตูได้เสียเพียง 2 ประตูเท่านั้น
แชมป์แรกกับ สิงห์บูลส์
หลังจากชวดแชมป์ไปอย่างน่าเจ็บปวดในปี 2014 เอมม่า และ ลูกทีมสิงห์สาว กลับมาด้วยพลังใจอันเต็มเปี่ยม โดยซีซัน 2015 นับเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของทีม เชลซี ชุดนี้เลยก็ว่าได้ เพราะกุนซือหญิงชาวอังกฤษ พาลูกทีมของเธอลงเล่นใน เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งเป็นปีแรกในรอบ 44 ปีที่ฟุตบอลหญิงถ้วยนี้จัดที่สนาม เวมบลีย์ อีกด้วย
ท่ามกลางสายตาของเหล่าบรรดากองเชียร์กว่า 3 หมื่นคน และกว่า 2 ล้านคนที่รับชมผ่านหน้าจอทีวีในวันนั้น พลพรรค เชลซีหญิง เอาชนะ นอตส์เคาน์ตี ไปได้ด้วยผลสกอร์ 1-0 จากการยิงประตูของดาวเตะชาว เกาหลีใต้ อย่าง จี โซ-ยุน นับเป็นแชมป์แรกในรอบหลายปีของทีม เชลซีหญิง และเป็นความสำเร็จแรกหลัง เอมม่า เฮย์ส เข้ามากุมบังเหียนได้เพียง 3 ปี
ไม่กี่เดือนให้หลัง เชลซีทีมหญิง เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 4-0 ในบ้าน ส่งให้พวกเธอเป็นแชมป์ เอฟเอ วีแมน ซุปเปอร์ลีก หรือ พรีเมียร์ลีกหญิง ได้สำเร็จ ซึ่งในเกมดังกล่าว กัปตันทีมชายในตอนนั้นอย่าง จอห์น เทอร์รี่ ได้มานั่งชมเกมในสนามวันนั้นด้วย จบฤดูกาล 2015 ชื่อของทีม เชลซี วีแมน กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ ดับเบิ้ลแชมป์ ในปีนั้น และถึงแม้ เอมม่า จะพาทีมประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ เธอกลับมองว่าทีมยังคงต้องพัฒนาต่อไป โดยเธอได้บอกกับลูกทีมว่า การไปให้ถึงจุดสูงสุดไม่ใช่เรื่องยาก บททดสอบจริงคือการอยู่บนจุดสูงสุดไปให้ได้ตลอด
ความสำเร็จในฐานะ ผู้จัดการทีม และ ผู้ขับเคลื่อน ฟุตบอลหญิงอังกฤษ
กว่าระยะเวลา 12 ปีที่ เอมม่า เฮย์ส ทำงานอยู่ในวงการฟุตบอล อังกฤษ เธอพาทีม เชลซี หญิง กวาดแชมป์ในประเทศมาแล้วทุกรายการ รวมถึงเปลี่ยน เชลซี จากทีมท้ายตารางมาเป็นทีมที่ไม่มีใครอยากเผชิญหน้าในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี รวมทั้งสิ้น 15 โทรฟี่ภายใต้การคุมทีมของเธอ ซึ่งประกอบไปด้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีก 7 สมัย, พรีเมียร์ลีก ช่วงฤดูใบไม้ผลิ 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 5 สมัย, ลีก คัพ 2 สมัย, และ คอมมูนิตี้ ชิลด์ 1 สมัย
โดยฤดูกาลที่น่าจดจำที่สุดคงหนีไม่พ้นปี 2021 ซึ่งกุนซือสาวชาว อังกฤษ พาลูกทีมคว้า 3 แชมป์ในประเทศได้สำเร็จ คือแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, และ ลีก คัพ รวมถึง คอมมูนิตี้ ชิลด์ ซึ่งถ้านับรวมก็จะเป็น 4 แชมป์เลยทีเดียว หรือแม้กระทั่งในซีซัน 2019/20 ซึ่ง เชลซี ทีมหญิงสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ด้วยการเป็นแชมป์ไร้พ่าย
นอกเหนือจากบทบาทผู้จัดการทีมหญิงแล้ว เอมม่า เฮย์ส ยังคอยเป็นกระบอกเสียงให้วงการฟุตบอลหญิงมาโดยตลอด เธอไม่เพียงแต่สนใจแต่ผลการแข่งขันของทีมเท่านั้น แต่เธอยังใส่ใจกับความเป็นอยู่ของลูกทีม ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงมีความเสียเปรียบทางด้านร่างกายมากกว่านักกีฬาชาย แต่กลับไม่เคยได้รับการใส่ใจเท่าที่ควร
เอมม่า ทำการศึกษาและจ้างผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวิจัยเกี่ยวกับรอบเดือนของผู้หญิง รวมถึงส่งเสริมให้มีการวิจัยเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บที่เอ็นไขว้หน้าของนักกีฬาหญิง ตลอดจนจ้างผู้ดูแลเกี่ยวกับการกิน และ การนอน เพื่อให้ลูกทีมของเธอมีสุขภาพกายและใจที่ดีที่สุดตลอดระยะเวลาที่อยู่กับสโมสร ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ให้ เชลซี แต่มันคือการสร้างมาตรฐานที่ดีให้ทีมอื่นๆในลีกทำตาม จนกลายมาเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน
เคล็ดลับความสำเร็จ คือ ความเข้มงวด
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่เข้าอกเข้าใจลูกทีมเป็นอย่างดี แต่ เอมม่า เฮย์ส ไม่ใช่ ผู้จัดการทีม ที่ยอมรับความพ่ายแพ้ได้ในเวลาที่ลูกทีมของเธอเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน เธอเป็นคนรักความท้าทาย และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมของเธอลงไปเล่นในสนามได้อย่างไม่อายใคร ดังนั้นหากผู้เล่นคนไหนแสดงให้เห็นว่าไม่สามารถทำผลงานได้ตามเป้า เธอพร้อมจะจับผู้เล่นคนนั้นนั่งบนม้านั่งสำรองทันทีในเกมถัดไป ดังที่ในสารคดี One Team, One Dream โดย DAZN เปิดเผยในปี 2022 ซึ่งมีจังหวะนึงที่ เอมม่า พูดกระตุ้นลูกทีมว่า หากเล่นไม่ดี เธอจะหาคนใหม่ที่ดีกว่ามาแทน
อดีตลูกทีมของ เอมม่า อย่าง แคลร์ ราฟเฟอร์ตี้ และ คาเรน คาร์นีย์ เคยออกมาเปิดเผยว่าระดับการฝึกซ้อมของทีม เชลซี สูงขึ้นเมื่อ เอมม่า เฮย์ส เข้ามาคุมทีม ซึ่งช่วยให้เหล่าบรรดานักเตะพร้อมต่อสู้ในการแข่งขันระดับสูงอยู่ตลอดเวลา
"ไม่มีใครปลอดภัยทั้งนั้นในทีมของ เอมม่า คุณจะต้องต่อสู้เพื่อเข้าไปอยู่ในทีม และต้องเล่นให้ดี รวมถึงเวลาฝึกซ้อมด้วย"
"สิ่งที่ เฮย์ส ต้องการไม่ใช่แค่การมีผู้เล่นลงเล่นในสนาม แต่เป็นวิธีการที่พวกเธอจัดการกับความกดดัน หรือ การที่พวกเธอมีปฏิกิริยายังไงเมื่อไม่ได้ลงเล่น 4 เกมติด เพราะเพื่อนร่วมทีมคนอื่นกำลังโชว์ฟอร์มได้ดี มันเป็นเรื่องของทัศนคติ พวกเธอไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่เพราะรู้ว่ามีคนรอแย่งตำแหน่งอยู่ทุกเมื่อ"
"การฝึกซ้อมมันเข้มข้นมาก บรรดาผู้เล่นต่างปะทะในการฝึกซ้อมอย่างดุเดือด ซึ่ง เฮย์ส ก็ไม่ได้ว่าอะไร บางจังหวะถ้าเป็นในแมตช์การแข่งขันจริงก็อาจได้ฟาล์วจากกรรมการด้วยซ้ำ แต่ เฮย์ส ต้องการรักษาระดับความเข้มข้นในการฝึกซ้อมไว้"
จากบรรดาบทสัมภาษณ์ที่ได้หยิบยกมา แสดงให้เห็นว่าความสำเร็จที่ผ่านมากว่าทศวรรษไม่ใช่เรื่องโชคช่วย แต่เป็นความตั้งใจของกุนซือหญิงทีม สิงห์บลูส์ ที่ให้ความสำคัญกับทัศนคติและความเข้มข้นในการฝึกซ้อมเป็นอย่างมาก
ความไว้วางใจจากบอร์ดบริหาร เชลซี
แน่นอนว่าความสำเร็จที่ได้มาตลอดระยะเวลา 12 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกเหนือจากการนำลูกทีมลงไปต่อสู้ในสนาม เธอยังต้องแสดงฝีมือจนได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากบอร์ดบริหาร เชลซี ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการปลดโค้ชเป็นที่หนึ่ง
ถ้ามองกันด้วยเหตุผลในด้านการทำงาน เอมม่า เฮย์ส ทำงานภายใต้บอร์ดเดียวกันกับกุนซือระดับโลกอย่าง คาร์โล อันเชล็อตติ, โชเซ่ มูรินโญ่, อันโตนิโอ คอนเต้ และโค้ชอีกหลายคน ภายใต้การบริหารงานของ โรมัน อับราโมวิช หรือแม้กระทั่งเจ้าของทีมคนใหม่อย่าง ท็อดด์ โบห์ลี ก็ตาม รวมถึงเธอยังนำทีมฝ่าฟันวิกฤตทางการเงินในสมัยที่ เชลซี ถูกรัฐบาลอังกฤษเข้าแทรกแซงทางการเงินเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้อีกด้วย
ผลงานของเธอเป็นที่ประจักษ์แก่แฟนบอลและบอร์ดบริหาร เชลซี เป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงได้รับสิทธิพิเศษในการดึงเหล่าบรรดานักเตะฝีเท้าฉกาจจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาเสริมทัพ ไม่ว่าจะเป็น จี โซ-ยุน, มิลลี ไบรท์, ฟราน เคอร์บี้, เอริน คัธเบิร์ต, ลอเรน เจมส์, แซม เคอร์, เพอร์นิลล์ ฮาร์เดอร์, เมย์รา รามิเรซ และอีกหลายคนที่ล้วนแล้วแต่ผลิดอกออกผล โชว์ผลงานอย่างยอดเยี่ยมได้สมราคาค่าตัว ซึ่งในหลายครั้งบอร์ดบริหาร เชลซี ยอมทุบสถิติโลกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ เอมม่า เฮย์ส ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ แสดงให้เห็นถึงความไว้ใจจากเหล่าบรรดาผู้บริหารทีม สิงห์บลูส์ ที่มีต่อสายตาอันเฉียบแหลมของ เอมม่า และเหล่าบรรดาทีมงานของเธอ
ถ้วยรางวัลที่ขาดหายไป
แม้ เอมม่า เฮย์ส จะเข้ามาเปลี่ยนทีม เชลซีหญิง ให้กลายเป็นทีมที่แกร่งทั่วทั้งแผ่น แต่ก็มีถ้วยรางวัลหนึ่งที่เปรียบเสมือนเส้นขนานกับ เชลซี และยังคงเป็นถ้วยเดียวที่ เอมม่า เฮย์ส ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ นั่นก็คือ ยูฟ่า วีแมน แชมเปี้ยนส์ลีก หรือก็คือถ้วย บิ๊กเอียร์ ฝั่งผู้หญิงนั่นเอง
โดย เชลซี ภายใต้การคุมทีมกว่า 12 ปีของ เอมม่า เฮย์ส ต้องพบกับฝันร้ายไม่จบไม่สิ้นจากการพ่ายแพ้ให้สโมสร โวล์ฟสบวร์ก ถึงสามปีติดในรายการดังกล่าว ก่อนจะกลับมาเอาชนะได้ในการพยายามครั้งที่สี่ในฤดูกาล 2020/21 ซึ่งเป็นปีที่ เชลซี เข้าไปได้ไกลที่สุดถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว แม้จะพลาดท่าพ่ายแพ้ให้กับ บาร์เซโลน่า ไปถึง 4-0 ในตอนท้ายก็ตาม นับจากนั้นมา เอมม่า เฮย์ส ไม่เคยพาทีม เชลซีหญิง เข้าชิงใน แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อีกเลย
อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เชลซี กลายเป็นทีมตัวแทนของฟุตบอลหญิง อังกฤษ ที่ได้เข้าไปเล่นในรอบลึก ๆ ของฟุตบอล ยุโรป มาแทบจะตลอด ซึ่งในฤดูกาลล่าสุด ลูกทีมของ เอมม่า เฮย์ส โชว์เซอร์ไพรส์ด้วยการบุกไปเก็บชัยชนะถึงบ้านของ บาร์เซโลน่าหญิง ได้ 1-0 นับเป็นการหยุดสถิติไม้แพ้ใครในบ้านของทีม ต่างดาวหญิง ซึ่งทำไว้ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ ปี 2019 ก่อนจะมาโดนเอาคืนสองประตูในเกมเลกสองที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นับเป็นความพยายามสุดท้ายของ เอมม่า เฮย์ส กับถ้วย ยูซีแอล ของ เชลซี
ฤดูกาลสุดท้าย กับ ชีวิตบทใหม่ในฐานะโค้ชทีมชาติ
แม้ฤดูกาลสุดท้ายของ เอมม่า เฮย์ส จะไม่ได้จบลงอย่างสวยงามเหมือนที่วาดฝันไว้ แต่เธอก็ยังคงมีถ้วยรางวัลติดไม้ติดมือก่อนจะจากลาทีม สิงห์บลู ไปอย่างที่เธอเคยทำได้มาตลอด โดยในฤดูกาลล่าสุด เชลซี พบกับความโชคร้ายจากการเสียดาวยิงตัวเก่งอย่าง แซม เคอร์ ไปตลอดทั้งฤดูกาล แม้จะมี ลอเรน เจมส์ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมขึ้นมาแทนที่ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ทีม เชลซีหญิง คว้าแชมป์ ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ, และ แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ รวมถึงสถานการณ์ใน พรีเมียร์ลีก ที่ต้องลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้าย ซึ่ง เชลซี ที่มีแต้มเท่ากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องลงเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยมีความหวังในนัดสุดท้ายคือแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นเดิมพัน
แต่ลูกทีมของ เอมม่า ก็โชว์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจที่สุดในการสั่งลาเจ้านายของพวกเธอ โดยพลพรรค สิงห์บลูส์ บุกไปถล่ม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยผลสกอร์ 6-0 พร้อมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกันได้สำเร็จ ซึ่งผู้เล่นคนสำคัญของเกมก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น เมย์รา รามิเรซ ดาวยิงค่าตัวสถิติโลกคนใหม่ที่ เอมม่า และ บอร์ดบริหาร เชลซี ยอมทุ่มเงินดึงตัวเข้ามาร่วมทีมในฤดูกาลล่าสุด
หลังจากวันนี้ เอมม่า เฮย์ส คงเตรียมตัวอำลา เชลซี ไปสู่บทใหม่ของชีวิตในฐานะโค้ชทีมชาติหญิง สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่เธอผูกพันธ์และได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่หล่อหลอมให้ เอมม่า เป็น เอมม่า ในทุกวันนี้ การตัดสินใจของเธอมาจากพื้นฐานที่อยากจะตอบแทน อเมริกา ด้วยการชุบชีวิตให้ทีมหญิงประจำชาติกลับมายิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกครั้งนึง ซึ่งแม้ว่าตัวเธอจะจากไป แต่สิ่งดี ๆ ที่เธอทำไว้ย่อมฝังรากลึกลงไปเป็นบรรทัดฐานของลีกฟุตบอลหญิง อังกฤษ เป็นที่เรียบร้อย และเธอคืออีกหนึ่งตำนานที่แฟน เชลซี จะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทีม เชลซี ได้ที่นี่
- วันเดอร์คิด บราซิล จ่อย้ายซบ เชลซี ล่วงหน้าค่าตัวสุดแพง
- ซัตตัน วิเคราะห์เกม เชลซี รับการมาเยือนของ บอร์นมัธ
- เชลซี พบ บอร์นมัธ : ช่องทางถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีก 2023/24, วัน-เวลาแข่งขัน และพรีวิวก่อนเกม
- โปเช็ตติโน่ มั่นใจ เชลซี จบท็อปซิกส์แน่นอน
- สื่อเผยสตาร์ เชลซี พร้อมลาทีมซัมเมอร์นี้เพื่อหาโอกาสลงเล่น