โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ผู้ล้มสถิติยิงกระจายของ 'ไอ้ลูกระเบิด' แกร์ด มุลเลอร์ - FEATURE

FC Bayern Muenchen v FC Augsburg - Bundesliga
FC Bayern Muenchen v FC Augsburg - Bundesliga / Alexander Hassenstein/Getty Images
facebooktwitterreddit

นับตั้งแต่ย้ายจากบ้านเกิดมาค้าแข้งในศึก บุนเดสลีกา เยอรมนี เมื่อปี 2010 หลังจากนั้น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หัวหอกทีมชาติโปแลนด์ได้สถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในสุดยอดดาวยิงแห่งลีกสูงสุดเมืองเบียร์ได้ทันที เพราะสามารถสอยตาข่ายได้แบบต่อเนื่องเลย และได้จารึกชื่อของตัวเองเป็นหนึ่งใน "ตำนาน" จากการโค่นสถิติอยู่ยงคงกระพันของ แกร์ด มุลเลอร์ อดีตสุดยอดกองหน้าทีมชาติเยอรมนี ซึ่งเป็นเจ้าของสมญานามว่า "แดร์ บอมเบอร์" หรือที่เรียกกันตามภาษาไทยว่า "ไอ้ลูกระเบิด" ได้เรียบร้อยแล้ว

FBL-EUR-C1-DORTMUND-MALAGA
FBL-EUR-C1-DORTMUND-MALAGA / JOHN MACDOUGALL/Getty Images

ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 11 ปีก่อน เจอร์เกน คลอปป์ ยอดกุนซือชาวเยอรมันของ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ซึ่งในสมัยนั้นคุมทัพ "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ได้ลงทุนคว้าเด็กหนุ่มจากกรุงวอร์ซอว์เข้ามาเสริมทัพด้วยค่าตัวเพียงแค่ 4.5 ล้านยูโร หลังคว้าตำแหน่งดาวซัลโวของลีกลูกหนังโปแลนด์เมื่อตอนสมัยที่ค้าแข้งให้กับ เลช พอซนัน ในฤดูกาล 2009/2010 ด้วยจำนวน 18 ประตู แต่ตอนนั้นแทบจะไม่มีเคยใครรู้จักชื่อเสียงเรียงนามมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้โชว์ฝีเท้าอยู่ในลีกใหญ่ของทวีปยุโรปนั่นเอง

Dortmund's Polish striker Robert Lewando
Dortmund's Polish striker Robert Lewando / AFP/Getty Images

ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลแรกกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แม้จะยิงประตูในศึกบุนเดสลีกาไปได้เพียงแค่ 8 ลูกเท่านั้น แต่หลังจากนั้น เลวานดอฟสกี้ สามารถปรับตัวให้กับสไตล์การเล่นฟุตบอลแบบเยอรมันได้แล้ว จึงสามารถผลิตสกอร์ได้แบบเป็นกอบเป็นกำ และครองตำแหน่งดาวซัลโวของลีกลูกหนังเมืองเบียร์เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2013/2014 ได้ด้วย โดยฝากผลงานยิงประตูไปได้มากถึง 103 ลูกจากการลงสนามทุกรายการไปทั้งหมด 187 เกมในช่วงตลอดระยะเวลาที่ค้าแข้งกับ "เสือเหลือง" นานถึง 4 ปีเลยทีเดียว และได้ชูถาดแชมป์ลีกสูงสุดเมืองเบียร์ถึง 2 สมัยติดต่อกันในปี 2011 รวมถึงปี 2012 ด้วย

Franck Ribery, Robert Lewandowski
Borussia Dortmund v FC Bayern Muenchen - UEFA Champions League Final / Alex Grimm/Getty Images

แต่เป็นเพราะความผิดหวังจากนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2013 เนื่องจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นฝ่ายพลาดท่าแพ้ให้กับ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นคู่อริจากศึกบุนเดสลีกาด้วยสกอร์ 1-2 จึงทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ "รองแชมป์ยุโรป" เท่านั้น ทำให้ เลวานดอฟสกี้ ตัดสินใจทำเรื่องที่ช็อกความรู้สึกของแฟนบอล "เสือเหลือง" เป็นอย่างมาก เพราะได้ย้ายข้ามฟากไปร่วมทัพ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเป็นทีมคู่ปรับตัวฉกาจแบบไม่มีค่าตัวในปี 2014 โดยเชื่อว่าการย้ายไปอยู่กับทีมหมายหนึ่งของวงการลูกหนังเยอรมนีน่าจะช่วยให้พบเจอกับความสำเร็จบนสังเวียนแข้งได้มากกว่าเดิม

Robert Lewandowski
Paris Saint-Germain v Bayern Munich - UEFA Champions League Final / Pool/Getty Images

หลังจากนั้น เลวานดอฟสกี้ ได้พบกับความสำเร็จแบบล้นหลามเหมือนอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ โดยเฉพาะแชมป์บุนเดสลีกาถึง 7 สมัยติดต่อกัน รวมถึงแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2020 นอกจากนี้กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ยังสามารถยิงประตูได้แบบถล่มทลายควบคู่กันไปพร้อมๆ กับการยึดตำแหน่งดาวซัลโวบุนเดสลีกาได้อีกถึง 5 สมัยเลยทีเดียว ซึ่งรวมถึงในฤดูกาล 2020/2021 ด้วย จึงยิงประตูให้ "เสือใต้" ไปได้แล้วทั้งหมด 294 ลูกจากการลงเล่น 329 เกมในทุกรายการ และเพิ่งจารึกชื่อเป็นเจ้าของสถิติยอดดาวยิงไร้เทียมทานของวงการฟุตบอลเมืองเบียร์ที่อยู่ยงคงกระพันมานานแล้วถึง 49 ปีได้ด้วยเช่นกัน

Former German football player Gerd Mulle
Former German football player Gerd Mulle / DIPTENDU DUTTA/Getty Images

ก่อนหน้านี้ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานกองหน้าทีมชาติเยอรมนีในยุคทวรรษ 60-70 ได้สร้างสถิติยิงประตูในศึกบุนเดสลีกาต่อหนึ่งซีซั่นได้มากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์ถึง 40 ลูก ซึ่งได้ฝากผลงานนี้เอาไว้ตั้งแต่ฤดูกาล 1971/1972 และว่ากันว่าไม่น่าจะมีนักเตะคนไหนสอยตาข่ายเพื่อโค่นสถิติสุดยอดแบบนี้ลงได้อย่างแน่นอน แต่ เลวานดอฟสกี้ สามารถทำได้แบบเหลือเชื่อจากการซัลโวในฤดูกาล 2020/2021 ได้มากถึง 41 ประตูเลยทีเดียว โดยยิงได้เหนือกว่าเจ้าของสมญานามแบบไทยๆ ว่า "ไอ้ลูกระเบิด" ได้เพียงลูกเดียวเท่านั้น

Robert Lewandowski
FC Bayern Muenchen v Borussia Moenchengladbach - Bundesliga / Alexander Hassenstein/Getty Images

นอกจากนี้ เลวานดอฟสกี้ ยังได้ครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของลีกลูกหนังยุโรป ซึ่งได้รับรางวัล "รองเท้าทองคำ" เป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย เพราะเป็นนักเตะที่สามารถสอยตาข่ายในเกมลีกฤดูกาล 2020/2021 ได้มากที่สุดนั่นเอง หากวัดกันตามผลงานของบรรดาผู้เล่นที่สอยตาข่ายได้จากเกมลีกของชาติต่างๆ ทั่วทั้งทวีปในช่วงตลอดทั้งซีซั่นที่ผ่านมา จึงไร้คู่แข่งเบียดแย่งรางวัลนี้ไปโดยปริยาย เพราะไม่มีใครซัลโวได้ถึงหลัก 40 ประตูแม้แต่คนเดียว

แม้ตอนนี้จะมีอายุมากถึง 32 ปีแล้ว แต่ เลวานดอสฟกี้ ยังคงพร้อมส่งลูกฟุตบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายของทีมคู่แข่งฝั่งตรงข้ามได้แบบเป็นกอบเป็นกำ หลังจากที่ล้มสถิติของ "ไอ้ลูกระเบิด" ในศึกบุนเดสลีกาได้สำเร็จ

สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด