เดือนแรกผ่านไป : สรุปสถานการณ์ พรีเมียร์ลีก และบรรดาลีกแถวหน้า ซีซั่นใหม่ จนถึงวันนี้ - FEATURE

• ช่วงนี้แตะเบรค เปิดทางให้คิวทีมชาติ คัดยูโรลงสนาม
• เท่ากับ พรีเมียร์ลีก และลีกหัวแถวยุโรป ซีซั่นใหม่ 2023/24 เดินทางผ่านเดือนแรกเรียบร้อยแล้ว
• ไปตรวจตรากันหน่อยว่าสี่ซ้าห้าเกมแรกของแต่ละที่ มีหน้าตาปรากฏผลเป็นอย่างไร
Arsenal FC v Manchester United - Premier League
Arsenal FC v Manchester United - Premier League / Robin Jones/GettyImages
facebooktwitterreddit

ช่วงนี้ ลูกหนังโลกเหมือนแตะเบรคหยุดพักหายใจหายคอ เปิดทางให้คิวทีมชาติได้สลับลงสนาม เป็นโปรแกรมต่อเนื่องของ ยูโร 2024 รอบคัดเลือก และนัดลับแข้งลองเชิงของชาติต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งก็หมายความถึงว่า พรีเมียร์ลีก และบรรดาลีกหัวแถวทวีปยุโรป ฤดูกาลใหม่ 2023/24 ได้เดินทางผ่าน "เดือนแรก" ไปเป็นที่เรียบร้อย โอกาสนี้ ไปตรวจตรากันหน่อยว่าสี่ซ้าห้าเกมแรกของแต่ละลีก มีหน้าตาปรากฏผลเป็นอย่างไร

พรีเมียร์ลีก

  • ท็อป 5 พรีเมียร์ลีก 2023/24
    1. แมนฯ ซิตี้ : แข่ง 4 แต้ม 12
    2. สเปอร์ส : แข่ง 4 แต้ม 10
    3. ลิเวอร์พูล : แข่ง 4 แต้ม 10
    4. เวสต์แฮม : แข่ง 4 แต้ม 10
    5. อาร์เซน่อล : แข่ง 4 แต้ม 10
  • ท้ายตาราง พรีเมียร์ลีก 2023/24
    16. บอร์นมัธ : แข่ง 4 แต้ม 2
    17. เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด : แข่ง 4 แต้ม 1
    18. เอฟเวอร์ตัน : แข่ง 4 แต้ม 1
    19. ลูตัน ทาวน์ : แข่ง 3 แต้ม 0
    20. เบิร์นลี่ย์ : แข่ง 3 แต้ม 0

เตะผ่าน 4 ทีมแล้วเป็นส่วนใหญ่ เหลือเพียงส่วนน้อยอย่าง 2 น้องใหม่ ที่ได้ผลกระทบจากการที่ เคนิลเวิร์ธ โร้ด รังเหย้าของ ลูตัน ทาวน์ รีโนเวทเสร็จไม่ทันตามโปรแกรม จนเกมกับ เบิร์นลี่ย์ (แมตช์เดย์ 2) ต้องถูกเลื่อนไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด

และก็คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่ทีมซึ่งแข่งน้อยกว่าเพื่อนทั้ง ลูตัน และ เบิร์นลี่ย์ จะกลายเป็น 2 รายที่จมท้ายตารางชนิดยังไม่มีแต้มเข้ามือด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งในฐานะของแชมป์เก่า ชปช. การจมบ๊วยของ เบิร์นลี่ย์ อาจถือว่าน่าผิดหวัง แต่ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เมื่อ 3 เกมแรกคือการเจอของแข็งถึงแข็งเป็นบ้าอย่าง แอสตัน วิลล่า (1-3), สเปอร์ส (2-5) และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (0-3)

ขึ้นสูงไปที่หัวตาราง ก็ แมนฯ ซิตี้ นั่นเองที่เป็น "ทีมเดียวของอังกฤษ" ที่ชนะรวด 100% เต็มในฟุตบอลลีกเมืองผู้ดี ซีซั่นใหม่นี้ เมื่อเด็กๆ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่แม้จะมีการปรับเปลี่ยนขุมกำลังบางจุด แถมเสีย เควิน เดอ บรอยน์ เจ็บหนักพักยาวไป ก็ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยม แล่นฉิวตั้งแต่ออกสตาร์ท ด้วยชัยชนะเหนือ เบิร์นลี่ย์ 3-0, นิวคาสเซิ่ล 1-0, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-1 และ ฟูแล่ม 5-1

เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ จัดแล้ว 1 แฮตทริกในเกมกับ ฟูแล่ม เท่ากับ 4 เกมแรกผ่านไป ดาวซัลโวปีก่อน ซัดแล้วถึง 6 ลูก

ถัดลงมา ถือว่าทั้ง สเปอร์ส ของกุนซือใหม่ อันเก้ ปอสเตโคกลู และขั้วอำนาจเก่าที่ฟุบหนักในปีก่อน ลิเวอร์พูล ต่างทำได้น่าประทับใจ เช่นเดียวกับ เวสต์แฮม และ อาร์เซน่อล ที่ทั้ง 4 ทีมนี้ต่างก็ทำแต้มหลุดมือไปแค่ 2 คะแนนเท่านั้นจากคิวเตะเดือนแรก

กลุ่มนี้ คงถือว่า สเปอร์ส สร้างเซอร์ไพรส์ได้มาก เมื่อพวกเขาถูกปรามาสไว้เยอะ ไหนจะกุนซือใหม่ไม่เคยจับงาน พรีเมียร์ลีก ไหนจะเสีย แฮร์รี่ เคน ปิดตำนานย้ายออก แต่ก็ติดเครื่องชนะสวยๆ มา 3 เกมซ้อนแล้ว เรียกว่าความพ่ายแพ้ตกรอบ 2 คาราบาว คัพ ตั้งแต่เกมแรกที่ลงเตะ (แพ้จุดโทษ ฟูแล่ม) ไม่มีใครใส่ใจจะพูดถึง ด้วยเข้าใจดีว่าเป็นถ้วยที่ไม่เน้น

ส่วน 2 ยักษ์ใหญ่ที่เริ่มต้นได้อย่างขลุกขลัก คือ แมนฯ ยูไนเต็ด กับ เชลซี ซึ่งกอดคออยู่ติดกันที่อันดับ 11 กับ 12 ด้วยต่างก็หลุดแพ้ไปแล้วทีมละ 2 นัดเท่ากัน

ด้วยมาตรฐานที่ แมนฯ ซิตี้ ทำไว้อย่างการแพ้ไม่เกิน 5-6 นัดในแต่ละปี ทำให้การกาชื่อทั้ง แมนยู และ เชลซี ออกจากสารบบลุ้นแชมป์ซีซั่นนี้แต่เนิ่นๆ ไม่ถือเป็นเรื่องผิดบาปแต่ประการใด -- ยังมีโควตาให้ 2 ทีมนี้แพ้ได้อีกเยอะ ว่าซั่น!

Erling Haaland, Issa Diop
Manchester City v Fulham FC - Premier League / Matt McNulty/GettyImages

ลา ลีกา

  • ท็อป 5 ลา ลีกา 2023/24
    1. เรอัล มาดริด : แข่ง 4 แต้ม 12
    2. คิโรน่า : แข่ง 4 แต้ม 10
    3. บาร์เซโลน่า : แข่ง 4 แต้ม 10
    4. แอตเลติโก มาดริด : แข่ง 3 แต้ม 7
    5. แอธเลติก บิลเบา : แข่ง 4 แต้ม 7
  • ท้ายตาราง ลา ลีกา 2023/24
    16. กรานาด้า : แข่ง 4 แต้ม 3
    17. มายอร์ก้า : แข่ง 4 แต้ม 2
    18. ลาส ปัลมาส : แข่ง 4 แต้ม 2
    19. อัลเมเรีย : แข่ง 4 แต้ม 1
    20. เซบีย่า : แข่ง 3 แต้ม 0

ไฮไลท์ของ ลา ลีกา แดนกระทิงดุ เดือนแรกของ 2023/24 กลายเป็น "เดอะจู๊ดโชว์" ความโดดเด่นทะลักทะลวงของ จู๊ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ความหวังใหม่ที่ เรอัล มาดริด ทุบกระปุกทุ่ม 103+30 ล้านยูโรดึงมาเสริมทัพ และสร้างผลงานมาสเตอร์พีซได้ตั้งแต่แรกเข้า ยิงนัดละเม็ดสองเม็ดต่อเนื่องกัน โดยเฉพาะล่าสุดก่อนพักเบรคทีมชาติ ที่พังตาข่ายสยบ เคตาเฟ่ 2-1 ทดเจ็บ 90+5

ดาวรุ่งชาวอังกฤษวัยเพียง 20 กดแล้ว 5 ประตู นำดาวซัลโว ลา ลีกา และช่วยให้ เรอัล มาดริด ยึดแท่นจ่าฝูงแบบชนะรวด 100%

ถอยลงมา ทั้งแชมป์เก่า บาร์เซโลน่า หรือ แอตเลติโก มาดริด ต่างถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน แต่ที่เป็นเสมือน "ช้างบนต้นไม้" คือทีมเล็กที่ 2-3 ปีก่อนยังจมอยู่ลีกรองอย่าง คิโรน่า แรงจัดด้วยการเก็บ 10 แต้ม เสมอ โซเซียดัด 1-1, ชนะ เคตาเฟ่ 3-0, เซบีย่า 2-1 และ ลาส ปัลมาส 1-0

ในทางตรงกันข้าม ก็ เซบีย่า นั่นเองที่แย่เกินคาด อ่วมกว่าที่คิด แม้จะเล่นน้อยกว่าชาวบ้านเขาที่ 3 นัด แต่ก็แพ้ 3 เกมรวดให้กับ บาเลนเซีย 1-2, อลาเบส 3-4 และ คิโรน่า 1-2 เรียกว่าแม้จะแพ้หวิวทุกนัด แต่โดนยิงยับเลยนะครับพี่ สามนัดโดนเจาะแล้วถึง 8 ประตู

อ่อ เกมระหว่าง แอตฯ มาดริด - เซบีย่า ที่วางคิวไว้เป็นเกม 4 ก่อนเบรคทีมชาติ มีอันต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนด เนื่องจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่น ทำให้กรุงมาดริดโดนฝนถล่มหนักสุดในรอบ 51 ปีทีเดียว

Jude Bellingham of Real Madrid celebrates after scoring a...
Jude Bellingham of Real Madrid celebrates after scoring a... / SOPA Images/GettyImages

กัลโช่ เซเรีย อา

  • ท็อป 5 เซเรีย อา 2023/24
    1. อินเตอร์ มิลาน : แข่ง 3 แต้ม 9
    2. เอซี มิลาน : แข่ง 3 แต้ม 9
    3. ยูเวนตุส : แข่ง 3 แต้ม 7
    4. เลชเช่ : แข่ง 3 แต้ม 7
    5. อตาลันต้า : แข่ง 3 แต้ม 6
  • ท้ายตาราง เซเรีย อา 2023/24
    16. ซาแลร์นิตาน่า : แข่ง 3 แต้ม 2
    17. อูดิเนเซ่ : แข่ง 3 แต้ม 2
    18. โรม่า : แข่ง 3 แต้ม 1
    19. กายารี่ : แข่ง 3 แต้ม 1
    20. เอ็มโปลี : แข่ง 3 แต้ม 0

ผิดฝาผิดตัว... อันดับของ เลชเช่ กับ โรม่า มันควรจะสลับกัน ถ้าว่ากันถึงศักดิ์ถึงศรี ถึงชื่อชั้นที่ 2 ทีมนี้มีอยู่และเป็นอยู่

แต่เมื่อตารางคะแนนไม่เคยโกหกใคร การที่ เลชเช่ ยืนเด่นอันดับ 4 และ โรม่า จมน้ำที่อันดับ 18 ก็เพราะผลงานที่ต่างกันลิบลับในช่วงออกสตาร์ทซีซั่นนี้นั่นเอง -- เลชเช่ ชนะ 2 เสมอ 1 ส่วนทาง โรม่า เสมอ 1 แพ้ 2 (2-2 ซาแลร์นิตาน่า, 1-2 เวโรน่า, 1-2 เอซี มิลาน)

โชเซ่ มูรินโญ่ อาจไม่ถึงกับ "เก้าอี้ร้อน" แต่สถานการณ์ในแคมป์หมาป่ากรุงโรม ก็ร้อนฉ่า ร้อนระอุ ร้อนพอกับแดดเที่ยงวันเมืองไทยทีเดียวเชียว

ด้านแชมป์เก่า นาโปลี เริ่มต้นได้หนืดเล็กน้อย ชนะ 2 แพ้แล้ว 1 รั้งอันดับ 6 แต่ก็ต้องถือว่าแต้มยังไม่ได้โดนทีมโซนบนทิ้งไปไหนไกล และตามหลังทีมที่ชนะ 100% อย่าง อินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน แค่ 3 แต้มเท่านั้นเอง

แต่ก็แน่นอนว่า อินเตอร์ ทำได้ดีอย่างเซอร์ไพรส์ เมื่อนอกจากจะชนะ 3 เกมรวดแล้ว ยังชนะแบบไม่เสียประตูเลยต่างหาก 2-0 มอนซ่า, 2-0 กายารี่, 4-0 ฟิออเรนติน่า

ก็น่าจับตาเหลือเกินกับคิวเตะที่ 4 สุดสัปดาห์หลังคิวทีมชาติงวดนี้ ที่มี "มิลานดาร์บี้" อินเตอร์ ปะทะ เอซี มิลาน รออยู่เลยในวันเสาร์ 16 ก.ย.

Marcus Thuram, Lautaro Martinez, Alessandro Bastoni
FC Internazionale v ACF Fiorentina - Serie A TIM / Marco Luzzani/GettyImages

บุนเดสลีกา

  • ท็อป 5 บุนเดสลีกา 2023/24
    1. เลเวอร์คูเซ่น : แข่ง 3 แต้ม 9
    2. บาเยิร์น มิวนิค : แข่ง 3 แต้ม 9
    3. สตุ๊ตการ์ท : แข่ง 3 แต้ม 6
    4. แอร์เบ ไลป์ซิก : แข่ง 3 แต้ม 6
    5. อูนิโอน เบอร์ลิน : แข่ง 3 แต้ม 6
  • ท้ายตาราง บุนเดสลีกา 2023/24
    14. โคโลญ : แข่ง 3 แต้ม 1
    15. ไฮเดนไฮม์ : แข่ง 3 แต้ม 1
    16. กลัดบัค : แข่ง 3 แต้ม 1
    17. ไมนซ์ : แข่ง 3 แต้ม 1
    18. ดาร์มชตัดท์ : แข่ง 3 แต้ม 0

แม้จะถูกมองจากบางนักวิจารณ์ ว่าเป็นการทุ่มที่บ้าคลั่งและคิดน้อยไปหน่อย กับการที่ บาเยิร์น มิวนิค ยอมเปย์ให้ สเปอร์ส เพื่อคว้า แฮร์รี่ เคน เข้ามาเสริมแนวรุก ด้วยค่าเสียหายสถิติสโมสร 100+10 ล้านยูโร

100+10 ล้านยูโร แลกกับกองหน้าอายุ 30 ที่กำลังเข้าสู่ปีสุดท้ายของสัญญากับต้นสังกัด

เพียงแต่ถึงตรงนี้ บาเยิร์น ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดาย เมื่อ เคน จัดให้แล้ว 3 ประตูใน 3 เกมแรก ช่วยให้เสือใต้ฟัด 9 แต้มเต็ม เป็นรอง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น แต่ผลต่างประตู 1 ลูกเท่านั้น

บาเยิร์น ดูยังแข็งโป๊กตามมาตรฐาน ส่วน เลเวอร์คูเซ่น กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ก็ทำได้เยี่ยม ขณะที่ สตุ๊ตการ์ท คือจอมเซอร์ไพรส์ใน บุนเดสลีกา เดือนแรก ที่ผ่านไปด้วยการยึดอันดับ 3 จากผลชนะ 2 แพ้ 1

ผิดกับรองแชมป์เก่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ดูเหมือนว่า การเสีย จู๊ด เบลลิงแฮม จะเป็นแผลใหญ่กว่าที่คิด จน 3 เกมแรกเพิ่งมีแค่ 5 แต้มเท่านั้น จากการเบียดชนะ โคโลญ 1-0 จากประตูชัย 2 นาทีท้าย (ดอนเยลล์ มาเลน), เสมอ โบคุ่ม 1-1 และเสมอ ไฮเดนไฮม์ 2-2 ทั้งที่ขึ้นนำ 2-0 ตั้งแต่ 15 นาทีแรก

Harry Kane, Maximilian Bauer
FC Bayern München v FC Augsburg - Bundesliga / Boris Streubel/GettyImages

ลีก เอิง

  • ท็อป 5 ลีก เอิง 2023/24
    1. โมนาโก : แข่ง 4 แต้ม 10
    2. เปแอสเช : แข่ง 4 แต้ม 8
    3. มาร์กเซย : แข่ง 4 แต้ม 8
    4. แร็งส์ : แข่ง 4 แต้ม 7
    5. แบรสต์ : แข่ง 4 แต้ม 7
  • ท้ายตาราง ลีก เอิง 2023/24
    14. มงต์เปลลิเยร์ : แข่ง 4 แต้ม 4
    15. น็องต์ : แข่ง 4 แต้ม 2
    16. แกลร์กมงต์ ฟุต : แข่ง 4 แต้ม 1
    17. ล็องส์ : แข่ง 4 แต้ม 1
    18. โอลิมปิก ลียง : แข่ง 4 แต้ม 1

แน่นอนว่าไฮไลท์ใหญ่สุดของ ลีก เอิง ยุคสมัยนี้ ก็คือก้าวเดินของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในแต่ละสัปดาห์ ที่ซีซั่นนี้คงนับว่าน่าจับตามากกว่าที่เคย กับการ "ผ่าตัดใหญ่" ได้ทั้งกุนซือใหม่และขุมกำลังโฉมใหม่ ออลนิวในแทบทุกพื้นที่

ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่การผ่าตัดทัพครั้งนี้ จะนำมาซึ่งความขลุกขลัก ไม่ราบรื่นในช่วงเริ่มต้น

เปแอสเช ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ออกสตาร์ทด้วยผลเสมอหนืดๆ 2 เกมรวด 0-0 ลอริยองต์ และ 1-1 ตูลูส แต่ว่าหลังจากนั้นก็เริ่มคายพิษสง เปิดบ้านอัด ล็องส์ 3-1 คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซัดสอง และล่าสุดบุกกะซวก โอลิมปิก ลียง 4-1 เอ็มบัปเป้ ซัดสองอีกเช่นกัน

2 ชัยชนะที่มาตามหลัง 2 ผลเสมอ ทำให้ เปแอสเช เด้งขึ้นเป็นรองจ่าฝูง และจับจ้องจะแซงหน้า โมนาโก แบบไม่ละสายตา

ในขั้วตรงข้าม โอลิมปิก ลียง อาการหนักสุดๆ ไปเลย โลร็องต์ บล็องก์ กำลังพาทีมออกทะเลด้วยการแพ้แล้วถึง 3 นัด (1-2 สตราส์บูร์ก, 1-4 มงต์เปลลิเยร์, 1-4 เปแอสเช) กับเสมออีก 1 (0-0 นีซ)

ไม่ต้องสงสัย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป บล็องก์ อยู่ไม่ยืดชัวร์

Kylian Mbappe
Olympique Lyonnais v Paris Saint-Germain - Ligue 1 Uber Eats / Jonathan Moscrop/GettyImages

แถม : อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ

  • ท็อป 5 แชมเปี้ยนชิพ 2023/24
    1. เปรสตัน : แข่ง 5 แต้ม 13
    2. อิปสวิช : แข่ง 5 แต้ม 12
    3. เลสเตอร์ : แข่ง 5 แต้ม 12
    4. เบอร์มิงแฮม : แข่ง 5 แต้ม 11
    5. นอริช : แข่ง 5 แต้ม 10
  • ท้ายตาราง แชมเปี้ยนชิพ 2023/24
    20. ร็อตเตอร์แฮม : แข่ง 5 แต้ม 4
    21. ฮัดเดอร์สฟิลด์ : แข่ง 5 แต้ม 4
    22. สวอนซี : แข่ง 5 แต้ม 2
    23. เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ : แข่ง 5 แต้ม 1
    24. มิดเดิ้ลสโบรช์ : แข่ง 5 แต้ม 1

กลายเป็นลีกที่ถูกจับตาในกลุ่มแฟนบอลชาวเรามากขึ้นกว่าแต่ก่อน เมื่อมีทีมแม่เหล็กอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ เซาแธมป์ตัน ตกปุ๊ไปร่วมสังฆกรรมกับหน้าเก่าๆ อย่าง มิดเดิ้ลสโบรช์, เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์, สโต๊ค, ซันเดอร์แลนด์, วัตฟอร์ด, เวสต์บรอมวิช และอีกหลายๆ ทีม

ก็พบว่า เลสเตอร์ ยุคคิดใหม่ทำใหม่ ด้วยกุนซือใหม่อย่าง เอ็นโซ มาเรสก้า และขุมกำลังอย่าง แฮร์รี่ วิงค์ส, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, เซซาเร่ คาซาเดอี และเสือเฒ่า เจมี่ วาร์ดี้ ในวัย 36 "สอบผ่าน" เลยทีเดียว

เลสเตอร์ เริ่มต้นด้วยการชนะถึง 4 เกมซ้อน 2-1 โคเวนทรี, 1-0 ฮัดเดอร์สฟิลด์, 2-1 คาร์ดิฟฟ์ และ 2-1 ร็อตเตอร์แฮม จนก่อนพักเบรคนี่เองถึงได้สะดุดแพ้ ฮัลล์ ซิตี้ คาบ้าน 0-1 ซึ่งถึงแม้จะแพ้แล้ว แต่อันดับก็ยังดีอยู่ และจัดว่ามีลุ้นเต็มตัวในการกลับเลื่อนชั้นอย่างรวดเร็ว ถ้าดูจากแค่เดือนแรกนี้

เซาแธมป์ตัน ก็ไม่เลว มีแล้ว 10 แต้มจากการชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 แต่ที่เริ่มต้นได้ไม่สู้ดีนักคือ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งชนะเกมเดียว ที่เหลือเสมอ 3 แพ้ 1 จบอันดับ 15

กระนั้น ที่น่าผิดหวังสุดย่อมเป็น 2 ทีมท้ายตาราง เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ จากที่เป็นทีมเพลย์ออฟลุ้นเลื่อนชั้นในปีก่อนๆ มาปีนี้ เริ่มต้นได้แย่ เพิ่งมีคนละแต้มเดียวด้วยกันทั้งคู่ (เสมอ 1 แพ้ 4)

Wilfred Ndidi
Tranmere Rovers v Leicester City - Carabao Cup Second Round / Lewis Storey/GettyImages

แถม : โปรลีก ซาอุฯ

  • ท็อป 5 โปรลีก 2023/24
    1. อัล-ฮิลาล : แข่ง 5 แต้ม 13
    2. อัล-ทาวูน : แข่ง 5 แต้ม 13
    3. อัล-อิตติฮัด : แข่ง 5 แต้ม 12
    4. อัล-อาห์ลี : แข่ง 5 แต้ม 12
    5. อัล-เอตติฟัค : แข่ง 5 แต้ม 10
  • ท้ายตาราง โปรลีก 2023/24
    14. อัล-ราเอ็ด : แข่ง 5 แต้ม 4
    15. อัล-ริยาดห์ : แข่ง 5 แต้ม 4
    16. ดามัก : แข่ง 5 แต้ม 3
    17. อัล-ชาบับ : แข่ง 5 แต้ม 2
    18. อัล-ฮาเซ็ม : แข่ง 5 แต้ม 2

ปิดท้ายด้วยลีกที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจจะติดกลุ่ม "ท็อปโลก" ในอนาคตอันใกล้ และเป็นจุดหมายปลายทางเทรนด์ใหม่ของพ่อค้าแข้งยุคนี้ ในการย้ายไปเพื่อสร้างความมั่งคั่งมั่นคง -- โปรลีก ซาอุดีอาระเบีย

5 เกมแรกผ่านไป ไม่มีใครที่สามารถชนะรวด 100% ได้เลย โดยมีแค่ทีมที่ "ยังไม่แพ้" อย่าง อัล-ฮิลาล ต้นสังกัดของ เนย์มาร์, รูเบน เนเวส, คาลิดู คูลิบาลี่, เซอร์เก มิลินโควิช-ซาวิช, มัลคอม และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ที่ชนะ 4 เสมอ 1 นำจ่าฝูง โดยมี อัล-ทาวูน ทีมเบี้ยน้อยหอยน้อยที่ไม่มีการทุ่มซื้อซูเปอร์สตาร์รายใดทั้งสิ้นเข้าร่วมทัพ (เบอร์ใหญ่สุดคือ อัลบาโร่ เมดราน เด็กปั้น เรอัล มาดริด) ตามหลังมาด้วยแต้มที่เท่ากัน

ส่วนแชมป์เก่า อัล-อิตติฮัด (เบนเซม่า, ก็องเต้, ฟาบินโญ่) ยืนอันดับ 3 ด้วยผลชนะ 4 แพ้แล้ว 1, อัล-อาห์ลี (ฟีร์มิโน่, มาห์เรซ, แซงต์-มักซิแม็ง) เป็นที่ 4 และ อัล-เอตติฟัค (เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นัลดุม, กุนซือ เจอร์ราร์ด) รั้งที่ 5

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กดแล้ว 6 ประตู นำดาวซัลโว ขณะที่ ซาดิโอ มาเน่ ก็ยิงแล้ว 5 ลูก แต่ว่า อัล-นาสเซอร์ ยังอยู่แค่ที่ 6 จากการเริ่มต้นซีซั่นผิดฟอร์มไปหน่อย แพ้ 2 เกมแรก ค่อยฮึดชนะรวดใน 3 เกมถัดมา

สำหรับ อัล-ชาบับ ที่เร็วๆ นี้เพิ่งได้ ยานนิค การ์รัสโก้ จาก แอตเลติโก มาดริด กับ โรแม็ง ซาอิสส์ (อดีตวูล์ฟส์) ไปเสริมทัพ ต้องเร่งเครื่องให้ได้โดยเร็ว จากที่ตอนนี้จมรองบ๊วย ผ่าน 5 นัดยังชนะไม่เป็น และมี 2 แต้มเท่านั้นในมือ

ย้ำกันลืมอีกทีว่า ตลาดซัมเมอร์ของ โปรลีก ซาอุฯ จะปิดทำการช้ากว่าใคร 20 ก.ย. เท่ากับยังมีสิทธิ์ที่ทุกทีมจะทุ่มคว้าซุปตาร์ฝั่งยุโรปเข้าเสริมทัพได้ หวยจะออกที่ใครเป็นเรื่องต้องจับตา... โม ซาลาห์ - เจดอน ซานโช่ - นิโกลัส เปเป้ รึเปล่านะ...???

Al Ittihad v Al Hilal - Saudi Pro League
Al Ittihad v Al Hilal - Saudi Pro League / Yasser Bakhsh/GettyImages